“ผมจะไปโกหกคุณทำไม? ลูกชายของเพื่อนบ้านฉันก็คือศิษย์สำนักเหลียนหัว เขาเห็นกับตาตัวเองว่าโฉวฝันเฟยบาดเจ็บกลับไปที่สำนักเหลียนหัว”
ชายที่มาคนเดียวมองซ้ายมองขวา แล้วกดเสียงให้ต่ำลง “พวกคุณจะเชื่อหรือไม่ เดี๋ยวถ้าไปถึง ผมจะแนะนำเขาให้พวกคุณรู้จักเอง”
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มพวกนี้ไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร จึงรู้สึกตื่นเต้นกับการที่จะได้รู้จักกับคนของสำนักเหลียนหัวมาก และรีบพูดไปว่า “ได้ครับ!ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณ…..”
ท้ายที่สุดแล้ว คำพูดของเหล่าชายหนุ่มก็ต้องชะงัก เพราะรู้จักกันแค่ผ่านๆ พวกเขาจะไปรู้ชื่อของชายที่มาคนเดียวได้ยังไง?
ชายที่มาคนเดียวทำไมจะมองความคิดของพวกชายหนุ่มไม่ออกล่ะ จึงได้แนะนำตัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ผมชื่อสวี่อานน่าจะอายมากกว่าพวกคุณนิดหน่อย ถ้าพวกคุณไม่รังเกียจก็เรียกผมว่าพี่สวี่ก็ได้”
“พี่สวี่สวัสดีครับ!”
เหล่าชายหนุ่มทักทายไปตามน้ำ แล้วพูดด้วยความสงสัยว่า “พี่สวี่ ในเมื่อเพื่อนเป็นศิษย์สำนักเหลียนหัว ถ้าอย่างนั้นเขาก็น่าจะเคยเล่าเรื่องเจ้าสำนักเฉิวให้คุณฟังบ้างสินะครับ? คุณช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยได้มั้ยครับ?”
“ตรงนี้ยังอยู่ห่างจากลานประลองอีกประมาณหนึ่ง จะเล่าให้พวกคุณฟังมันก็ได้อยู่ แต่……”
ถึงสวี่อานจะรู้สึกดีที่ถูกคนมาเชิดชู แต่ยังไงก็มีความหวั่นเกรงต่อสำนักเหลียนหัวอยู่บ้าง จึงได้พูดไปด้วยความจริงใจว่า “พวกคุณต้องรับปากผมก่อนว่าหลังจากที่ผมเล่าให้พวกคุณฟังแล้ว พวกคุณจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครไม่อย่างนั้น ผมรับรองได้เลยว่า พวกคุณต้องได้เห็นดีแน่!”
พวกชายหนุ่มรีบรับปากทันที พร้อมกับทำหน้าพร้อมที่จะเล่นงานคนที่พูดขึ้นมาทันที
“พี่สวี่ เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วง พวกเรารู้ว่าต้องทำยังไง”
“พี่สวี่ พวกเราไม่ได้โง่ พวกเราไม่มีทางเอาเรื่องนี้ไปบอกใครแน่นอนครับ”
“…..”
พอเห็นการแสดงออกของพวกชายหนุ่ม สวี่อานก็ได้พยักหน้าอย่างพอใจ “เมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นผมจะเล่าให้พวกคุณฟังก็ได้!”
สวี่อานไอไปสองทีเพื่อเคลียร์ลำคอ แล้วจึงเริ่มพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “อย่าเห็นแค่ว่าโฉวฝันเฟยในตอนนี้มีแต่คนคอยให้ความเคารพ แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสามสิบปีที่แล้ว เขาก็เป็นเหมือนกับพวกเรา เป็นเพียงคนหนุ่มที่อยู่ในแดนระดับเสวียนเท่านั้น”
“เพียงแต่ สถานการณ์ในตอนนั้นเมื่อเทียบกับตอนนี้ ถึงโฉวฝันเฟยจะอยู่แค่แดนระดับเสวียน ในยุคสมัยนั้นก็ถือเป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างไร้ข้อโต้แย้งแล้ว”
“พี่สวี่ แบบนี้มันไม่ค่อยถูกมั้ง?”
พูดจบ ก็มีชายหมุ่มคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความสับสนว่า “ตามที่คุณว่ามา แสดงว่าพรสวรรค์ของโฉวฝันเฟยก็ไม่ได้สูงส่งอะไรขนาดนั้น!”
“ตามนั้นเลย”
สวี่อานพยักหน้าเห็นด้วย แล้วพูดอธิบายไปว่า “จุดเปลี่ยนมันอยู่ในปีที่โฉวฝันเฟยในสู่โลกบู๊ ไม่รู้ว่าเขาไปโชคดีมาจากไหน ดันไปค้นพบกระบี่หลั่งเลือดจากซากของผู้สูงส่งคนหนึ่ง”
“กระบี่หลั่งเลือด?!”
ชายหนุ่มอีกคนก็ทนไม่ไหวจนได้อุทานออกมา “เรื่องนี้ผมเคยได้ยินพ่อพูดให้ฟังบ้าง ว่ากันว่า กระบี่เล่มนี้มันเป็นกระบี่นอกรีด”
“ถึงกระบี่หลั่งเลือดจะนอกรีด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันแข็งแกร่งมาก!”
พอถูกคนขัดจังหวะอีกครั้ง สวี่อานก็ถึงกับขมวดคิ้ว บ่งบอกว่าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ยังควบคุมอารมณ์แล้วพูดเล่นาต่อว่า “กระบี่หลั่งเลือดเป็นกระบี่เครื่องลางทิพย์ที่ไม่ค่อยปกติ ยิ่งได้กินเลือดมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นเท่านั้น ขอแค่มีเลือดที่มากพอ อย่าว่าแต่แดนที่อยู่ระดับเดียวกันเลย ต่อให้เป็นการฆ่าคู่ต่อสู้ที่สูงไปอีกระดับก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
แล้วชายหนุ่มคนเดิมก็ได้ถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง “พูดจริงพูดเล่นครับเนี่ย? มันไม่เหนือธรรมชาติเกินไปหน่อยเหรอครับ?”
ในที่สุดสวี่อานก็ทนไม่ไหวแล้ว จึงได้พูดไปอย่างไม่พอใจว่า “เดี๋ยวนะ คุณอย่าเอาแต่พูดขัดผมจะได้มั้ย? มันทำให้ผมเสียสมาธิไปหมดแล้ว”
“ถึงแม้โฉวฝันเฟยในตอนนั้นจะอยู่แค่ระดับเสวียน แต่ภายใต้การช่วยเหลือของกระบี่หลั่งเลือด สุดท้ายเขาก็สามารถตัดหัวของผู้แข็งแกร่งระดับฟ้าคนนั้นได้!”
“เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ได้ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาเหมือนกัน มีคนไม่น้อยที่อยากได้กระบี่หลั่งเลือดมาไว้ในครอบครองแต่สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นวิญญาณด้วยคมกระบี่นั่นอยู่ดี…..”
ฟังมาถึงตรงนี้ เย่เทียนก็ไม่ได้จับตามองต่อ เมื่อมารวมกับความลับที่หลู่ซูหางให้มา เกรงว่านี่แหละเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมสุดท้ายเพื่อนรักทั้งสามถึงได้แตกหักกันได้?
พอคิดถึงตรงนี้ เย่เทียนก็มีความรู้สึกระแวงโฉวฝันเฟยขึ้นมาอย่างมาก หมอนี่ฆ่าในตระกูลไปอย่างโหดเหี้ยม เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่อำมหิตแค่ไหน!
“เอาล่ะ พอแค่นี้ก่อน! เดี๋ยวถ้าไปถึงที่หมายแล้ว ผมค่อยแนะนำเด็กนั่นให้พวกคุณรู้จัก”
ในตอนนี้ ได้อยู่ห่างจากลานประลองในใจกลางเมืองไม่ไกลแล้ว สวี่อานได้ตะโกนให้เหล่าชายหนุ่มครั้งหนึ่ง แล้วได้เร่งฝีเท้าเดินหน้าต่อไป
เหล่าชายหนุ่มต้องไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว จึงเร่งฝีเท้าเดินตามสวี่อานไป ตั้งตารอคอยที่จะได้รู้จักกับศิษย์สำนักเหลียนหัวคนนั้น
เย่เทียนยื่นหน้ามองไปทีหนึ่ง และเห็นลานกว้างที่เคยอยู่กลางเมืองมีสังเวียนหกสังเวียนถูกตั้งขึ้น นอกนั้นยังมีเวทีอีกหนึ่งเวที และมีเก้าอี้ไทชิวางอยู่สิบเอ็ดตัว
“พี่หวัง! พี่หวัง!”
แต่ยังไม่ทันที่เย่เทียนจะสำรวจเสร็จ มันก็มีอะไรบางอย่างมาสะดุดตาของสวี่อานเขา
เมื่อมองไปตามเสียง ก็เห็นสวี่อานพาชายหนุ่มสิบกว่าคนวิ่งไปยังชายหนุ่มอายุราวๆ ยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดหัวเกรียนที่อยู่ห่างไปหลายเมตร เห็นได้ชัดว่าเขานี่แหละศิษย์สำนักเหลียนหัวที่สวี่อานพูดถึง
ชายหัวเกรียนที่ถูกเรียกว่าพี่หวังได้หันมามอง แล้วละสายตาออกจากสวี่อานอย่างรวดเร็ว แล้วมองไปยังหญิงสาวที่เดินผ่านพวกเขาไป
บนหัวของหญิงสาวสวมหมวกแก๊ปเอาไว้ ใส่เสื้อเอวลอยที่เซ็กซี่ กางเกงขาสั้น เผยให้เห็นผิวพรรณที่ขาวนวล แต่ตัวเหมือนกับสาวนักเต้น…..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่
ฝากถึงทีมงาน เราชอบอ่านนิยายมานาน...อ่านทุกประเภทและนิยายจีน..จากปี2520..อ่านมาตลอดในเวปใหญ่ๆ ชอบที่ทีมงานในเวปที่ให้อ่านฟรี..ก็อยากสนับสนุนถ้ามีโอกาส..และเวปดังๆเขาเก็บแพง..สมัยก่่อนเคยอ่านนิยายทั้งไทยจีน ค่าเช่าเล่มละ3บาท...แต่เวปดังๆเขาคิดตอนละ3บาท บางเรื่องมีหลายพันตอนซึ่งเมื่อเทียบแล้วเป็นเงินหลายพันบาท ซึ่งแพงกว่าเช่ามาก...เพื่อให้เวปพัฒนาขึ้น มีนิยายให้อ่านมากๆเรื่อง...มีค่าอ่านเช่น10ตอน3บาทหรือแล้วแต่ทางทีมงานจะตั้งราคา ที่ไม่สูงมากอย่างเวปอื่นซึ่งทีมงานคงรู้..นำมาปรับปรุงเวปนี้ เพราะชอบการแปลแบบนี้...
55555โดนสะงั้น...
Goๆๆๆๆๆๆ...
สุดยอดๆๆๆๆ...
ต่อไปๆๆๆ...
ยอมรับว่าเล้าใจๆๆ...
ติดตามๆๆๆๆไปต่อ...
ไปต่อๆๆๆ...
ต่อๆๆไปเลย...
สุดยอด...