เมื่อมองดูเย่เทียนและจิ่วเจี้ยที่กำลังประคองประคองกันและกันเดินไปที่เวที ได้ยินเสียงทั้งสองถกเถียงกันอยู่เป็นระยะ ทุกคนอดชะงักงันไม่ได้ เห็นได้ชัดว่านึกไม่ถึงว่าทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเช่นนี้
ปรมาจารย์ไร้เจตสิกที่อยู่บนเวทีเห็นดังนั้นก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเขาพอใจกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างคนทั้งสอง
ท้ายที่สุดแล้ว ศักยภาพของเย่เทียนก็เป็นที่ประจักษ์ไปทั่ว การได้ผูกมิตรกับเขาย่อมดีกว่าล่วงเกินแข็งกร้าวกับเขามาก
แต่ในนาน ลูกศิษย์สองคนของสำนักหมอเทพก็พาตัวจิ่วเจี้ยออกไป ส่วนเจี่ยซือหวี่และจินไห่เซวียนก็เข้ามาเช่นกัน
“เย่เทียน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของเย่เทียน เจี่ยซือหวี่ก็อดถามไม่ได้
ก่อนที่เย่เทียนจะพูดอะไร ขาก็อ่อนแรง ถ้าไม่ใช่เพราะจินไห่เซวียนตอบสนองรวดเร็ว ก็อาจจะล้มลงกับพื้นแล้ว
จินไห่เซวียนประคองเย่เทียน แล้วรีบถามว่า “ศิษย์พี่เย่ พี่อย่าทำให้ผมกลัว เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย”
“ฉันไม่เป็นไร แค่หมดแรงเท่านั้น รีบพยุงฉันไปพักผ่อนหน่อย”
เย่เทียนยิ้มอย่างอ่อนแรง การโจมตีครั้งล่าสุดของจิ่วเจี้ยเมื่อครู่ ทำให้เขาเผาผลาญกำลังไปเยอะ ในตอนนี้ก็กินเขาไปมากเช่นกัน
“ดีๆๆ…”
เมื่อได้ยินดังนั้น จินไห่เซวียนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาและเจี่ยซือหวี่ขนาบจข้างซ้ายขวาคอยประคองเย่เทียนไปพักผ่อน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความคาดหวังของทุกคน การแข่งขันในช่วงบ่ายได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ กัวหมิงเลี่ยงเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่วัยรุ่น ต่อสู้กับช่ายเหมยเป่าซึ่งเป็นม้ามืดที่แปลกที่สุด!
อย่างไรก็ตามผลที่ได้กลับอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนอีกครั้ง กัวหมิงเลี่ยงพ่ายแพ้ให้กับช่ายเหมยเป่า!
เช่นเดียวกับคนที่ต่อสู้กับช่ายเหมยเป่า กัวหมิงเลี่ยงไม่แปลกใจเลย แถมยังน่าเวทนากว่านั้นอีก ทันทีที่ก้าวขึ้นสู่สังเวียนต่อสู้ ทั้งสองยังไม่ทันได้เคลื่อนไหว เขาก็ตะโกนลั่นและสลบเหมือดไปทันที เขาถูกช่ายเหมยเป่าถีบลงจากสังเวียนต่อสู้ แพ้ในเกมการแข่งขัน
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนในที่นี้ก็เกิดความโกลาหล ไม่มีใครคาดคิดว่ากัวหมิงเลี่ยงจะพ่ายแพ้ให้กับ ช่ายเหมยเป่า!
แม้แต่กัวซิ้วเจี๋ยยังตกใจ แม้แต่เขายังไม่รู้ว่าช่ายเหมยเป่าลงมืออย่างไร!
เวลามักจะผ่านไปอย่างเงียบงันเสมอ วันวันหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าทุกคนจะยังตกใจกับความพ่ายแพ้ของกัวหมิงเลี่ยงเมื่อวานนี้ แต่ก็ยิ่งตั้งตารอการต่อสู้ระหว่างเย่เทียนและช่ายเหมยเป่า
เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น เย่เทียนก็ก้าวขึ้นสู่สังเวียนต่อสู้ตามที่เพื่อนสนิทกำชับ
“ฮัลโหล เย่เทียน!”
ขณะที่ช่ายเหมยเป่าก้าวขึ้นไปบนเวที ก็เอ่ยทักทายอย่างอบอุ่น
“ถ้าเป็นไปได้ผมไม่อยากสู้กับคุณจริงๆ ทำไมคุณถึงไม่ยอมแพ้ล่ะ ผมไม่อยากตีผู้หญิง”
เย่เทียนยิ้ม แต่ในใจระแวดระวังอยู่ ถึงอย่างไรทุกสังเวียนที่ช่ายเหมยเป่าชนะนั้นมันแปลกเกินไป ดังนั้นเขาจึงต้องป้องกันไว้
“แต่ฉันมีเหตุผลที่จะต้องชนะให้ได้”
ช่ายเหมยเป่าส่ายหัว “แล้วทำไมคุณไม่ยอมแพ้ล่ะ แบบนี้คุณก็ไม่ต้องตีฉันแล้ว ส่วนฉันก็จะชนะการแข่งขัน ดีจะตาย”
“เอ่อ งั้นผมเลือกตีผู้หญิงดีกว่า”
เมื่อได้ยินคำพูดของช่ายเหมยเป่า เย่เทียนก็ตกตะลึงเช่นกัน ยอมแพ้เหรอ? พูดเล่นอะไรกัน ยอมแพ้ก็ตายอยู่ดี!
“งั้นก็ไม่มีทางเลือกแล้ว”
ช่ายเหมยเป่ายักไหล่และพูดอย่างเฉยเมย
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เย่เทียนก็ขี้เกียจจะพูดต่อแล้ว อันที่จริงทั้งสองช้าเร็วก็ต้องต่อสู้อยู่ดี ใครตัดสินโจมตีก่อนได้เปรียบ เขาออกแรงถีบเท้า พุ่งตัวเข้าหาช่ายเหมยเป่า และในขณะเดียวกั ก็ปล่อยหมัดออกไปอย่างรุนแรง
ความคิดทุกประเภทแล่นเข้ามาในหัวของเย่เทียน แต่กลับไม่สามารถหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลได้เลย
ครืนๆ!
เสียงฟ้าร้องดังเข้ามา
เย่เทียนแหงนหน้าขึ้นมอง ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนทำท่าจะตก จากนั้นเย่เทียนก็ทอดสายตาไปที่กรรมการอีกครั้ง แต่กรรมการกลับยังคงนิ่งเฉย ไม่ได้รับผลกระทบจากฟ้าร้องเลย
เย่เทียนยังคงยืนระแวดระวังอยู่ตรงนั้น ผู้ตัดสินยังไม่บอกให้หยุด เพื่อชีวิตของตัวเอง อย่าว่าแต่ฝนตกเลย แม้แต่แผ่นดินใหญ่เย่เทียนก็หนีไม่ได้ด้วยซ้ำ
ในเวลานี้เอง ช่ายเหมยเป่าก็มีความเคลื่อนไหวในที่สุด
เธอปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ข้างหลังเย่เทียนราวกับวิญญาณ และในมือของเธอก็มีกริชเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ขณะที่กริชกำลังจะแทงเย่เทียน ในที่สุดเย่เทียนก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาถีบเท้าเคลื่อนที่ไปทางด้านข้าง ขณะเดียวกันก็ปล่อยหมัดออกไป
ช่ายเหมยเป่าไม่ได้ฝืนรับ แต่ถอยหลังออกไปไม่กี่ก้าวเพื่อหลบหลีก เมื่อเห็นว่าการโจมตีของเธอไม่ได้ผล ใบหน้าของเธอก็เผยความหยอกล้อออกมา
“ไม่เลว ไม่เลว ปฏิกิริยาโต้ตอบดีกว่ากัวหมิงเลี่ยงมาก”
พอพูดจบเธอก็ถอยออกไปหนึ่งก้าว แล้วหายตัวไปอีกครั้งโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
เย่เทียนย่อมไม่เอาคำพูดของช่ายเหมยเป่ามาเป็นคำชื่นชม เหมือนกับแมวจับหนู บางครั้งแมวก็เล่นกับหนูก่อนจะฆ่ามันเสมอ!
ในขณะนี้ช่ายเหมยเป่ากำลังสวมบทเป็นแมว ส่วนหนูก็คือเย่เทียนไปโดยปริยาย
แต่ถึงแม้ว่าจะคิดออกแล้ว แต่เย่เทียนกลับไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเขาไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของช่ายเหมยเป่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจู่โจมเลย
แน่นอน เขาไม่อยากวู่วามเหมือนคนปัญญาอ่อน ทำแบบนั้นมีแต่จะส่อให้เห็นพิรุธมากกว่า สิ่งเดียวที่เย่เทียนทำได้ก็คือ มีสมาธิจดจ่อกับการป้องกันตัว เมื่อช่ายเหมยเป่าปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง นั่นคือโอกาสที่จะตอบโต้กลับ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่
ฝากถึงทีมงาน เราชอบอ่านนิยายมานาน...อ่านทุกประเภทและนิยายจีน..จากปี2520..อ่านมาตลอดในเวปใหญ่ๆ ชอบที่ทีมงานในเวปที่ให้อ่านฟรี..ก็อยากสนับสนุนถ้ามีโอกาส..และเวปดังๆเขาเก็บแพง..สมัยก่่อนเคยอ่านนิยายทั้งไทยจีน ค่าเช่าเล่มละ3บาท...แต่เวปดังๆเขาคิดตอนละ3บาท บางเรื่องมีหลายพันตอนซึ่งเมื่อเทียบแล้วเป็นเงินหลายพันบาท ซึ่งแพงกว่าเช่ามาก...เพื่อให้เวปพัฒนาขึ้น มีนิยายให้อ่านมากๆเรื่อง...มีค่าอ่านเช่น10ตอน3บาทหรือแล้วแต่ทางทีมงานจะตั้งราคา ที่ไม่สูงมากอย่างเวปอื่นซึ่งทีมงานคงรู้..นำมาปรับปรุงเวปนี้ เพราะชอบการแปลแบบนี้...
55555โดนสะงั้น...
Goๆๆๆๆๆๆ...
สุดยอดๆๆๆๆ...
ต่อไปๆๆๆ...
ยอมรับว่าเล้าใจๆๆ...
ติดตามๆๆๆๆไปต่อ...
ไปต่อๆๆๆ...
ต่อๆๆไปเลย...
สุดยอด...