ข้ามภพมาเป็นแม่เลี้ยงของวายร้ายทั้งห้า นิยาย บท 91

สำหรับคนๆนี้ ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเฉียวเหลียนเหลียนและกู้เส้า

เขาเดินไปข้างหน้าเพื่อทักทาย "พี่จูนี่เอง ลูกชายคนโตผมไปแจ้งความเมื่อคืนเรื่องที่มีขโมบขึ้นบ้าน"

หัวหน้าหยาเหมินเป็นข้าราชการ แต่เมื่อเห็นเฉียวเหลียนเหลียน เขาขมวดคิ้วและยิ้ม “อ้อ คุณกู้และภรรยานี่เอง”

หม่าจือเซี่ยนแจ้งมาว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดา ต้องสร้างสัมพันธ์อันดีไว้

ตอนแรกเขาไม่รู้ แต่ตอนนี้เขาต้องระวังไม่ให้เฉียวเหลียนเหลียนขุ่นเคือง

“เป็นบ้านของคุณนายกู้นี่เอง ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด” หลังจากพูดจบ เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหลังก็รับคำ “ไปตรวจตอบดีๆ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านของคุณนายกู้”

เจ้าหน้าที่รับคำ พร้อมกับเดินเข้าไปในบ้าน

คนจำนวนหนึ่งที่อยู่ด้านนอก ยืนมองกันไปมา ไม่คิดว่าเรื่องจะใหญ่ถึงขนาดนี้

ในยุคนี้ ครอบครัวสำคัญเป็นที่หนึ่ง มีความสามัคคี สายเลือดสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

โดยปกติแล้ว หากเกิดเหตุอะไรขึ้น ต้องไปหาผู้อาวุโสของหมู่บ้าน พูดคุยกันก็จบ

น้อยคนนักที่จะไปหาเจ้าหน้าที่

เพราะการไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ หมายความว่าเรื่องต่างๆ จะใหญ่โต และไม่อาจจะล้างความผิดได้

หลายคนมองกู้เส้าด้วยสายตาแปลกๆ

กู้เส้าไม่ได้สังเกต เขายืนคุยกับเจ้าหน้าที่จู

ผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาพร้อมกับบอกว่า “เจ้านาย การโจรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของคน ที่กำแพงมีรอยเท้าของคนสองคน น่าจะเป็นผู้ชายและเด็กชาย”

ผู้ชายและเด็กชาย

ตรงกับลักษณะของกู้เหว่ยและกู้จ้วงจ้วง

หลายคนที่ไม่เชื่อเฉียวเหลียนเหลียนต่างก็ประหลาดใจ

กู้เหว่ยถอยหลังไปสองก้าวแล้วพึมพำว่า "นี่ไม่ได้พิสูจน์อะไรเลย ใครจะไปรู้ว่าขโมยมาจากไหน บางทีอาจจะมาจากหมู่บ้านตระกูลหลี่ก็เป็นได้"

“เจ้านาย เราเดินไปตามรอยเท้าจนสุดทาง และพบสิ่งนี้ ซึ่งตรงกับรอยเท้าบนกำแพงโดยสิ้นเชิง” หยาเหมินอีกคนหนึ่งเดินถือรองเท้าข้างหนึ่งมา

กู้เหว่ยสีหน้าเปลี่ยนไป เมื่อวานนี้เขาทำรองเท้าหายจริงๆ แต่เขาไม่ได้กลับไปหาเพราะเกิดเหตุไม่คาดคิด เดิมทีวันนี้เขาจะกลับมาหา แต่ใครจะรู้ว่ามันเป็นหลักฐานสำคัญ

“เจอรองเท้าแล้วอย่างไร บ้านใครไม่มีรองเท้าสองคู่บ้าง” เขายังดื้อดึง “รองเท้าแบบนี้หลายๆคนก็มี”

“รองเท้าจะเป็นคู่ ต้องหาอีกข้างให้เจอ หากเจอ ผู้นั้นจะได้รับความผิด” เจ้าหน้าที่จูพูดอย่างเย็นชา

อันที่จริง ความจริงเป็นเช่นไร เขารู้กันอยู่แล้ว แต่พวกเขาแค่ต้องการหาหลักฐานที่เป็นรูปธรรม

ความหวังสุดท้ายของกู้เหว่ยหายไป

เขามองไปที่กู้เส้าทีมองไปที่หยาเหมินที จากนั้นเขาก็รีบวิ่งหนี

“จับเขา” เจ้าหน้าที่จูตะโกนทันที

หยาเหมินชั้นผู้น้อยสองสามคนรียกระโดดจับกู้เหว่ย

“มีรอยเท้าอีกหนึ่งรอย” เจ้าหน้าที่จูพูดขึ้น

“ผมเปล่านะ ผมไม่ได้อยากมา พ่อผมให้ผมมาด้วย” เด็กน้อยตกใจมากจนไม่กล้าแม้แต่จะวิ่ง เขายังสะบัดมือออก

“คิดว่ามีลูกชายแล้วจะเป็นที่รัก ลูกสาวฉันไม่ใช่สิ่งของ ลูกสาวฉันไม่ควรกินของดีๆ วันๆหุงข้าวทำอาหารให้ลูกชาย ลูกสาวกินแต่ของเหลือ"

“จะบอกให้นะว่าต่อไปฉันจะไม่ทำงานบ้าน ใครอยากทำก็ทำเถอะ”

หลังจากที่สะไภ้รองพูดจบ เธอก็ถอดปลอกแขนและทิ้งลงพื้น เดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

สะไภ้คนโตถูกด่าจนยืนเหม่อ คนๆนั้นใช่ภรรยาน้องชายที่เคร่งขรึมมาโดยตลอดไหม แตและคนจะเป็นเหมือนผู้หญิงตระกูลเฉียวแล้วเหรอ แต่ละคนจะยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าแล้ว?

หญิงชรานั่งลงบนพื้น บ้านนี้เป็นอะไรกันหมด ทั้งสองทำอะไรกัน!

“แม่ ลุกขึ้นเถอะ” กู้ทงสีหน้าไม่ค่อยดี แต่ก็ดึงแม่ขึ้น

ใครจะรู้ว่าอยู่ดีๆหญิงชราจะผลักเขา

กู้ทงทรงตัวไม่ได้จนล้มลงพื้น

“มาสนใจอะไร ทำเป็นจิตใจดี สิ่งที่เมียแกพูดออกมาใช่แกบอกไหม ฉันรู้แล้วแหละว่าพวกแกคิดว่าฉันรักลูกไม่เท่ากัน แต่ลูกชายคนโตมีหลานแค่หนึ่งคน และเป็นเชื้อไขตระกูลกู้ จะไม่ให้ฉันเสียใจได้ไง?” หญิงชราโกรธเคือง

กู้ทงคิ้วขมวด พร้อมกับปลดปล่อยทุกอย่างออกมา

“ดังนั้น แม่ไม่เคยคิดเลยว่าแม่ผิดตรงไหน” เขาเยาะเย้ยและเดินเซ “กลั่นแกล้งครอบครัวผม ทำให้ครอบครัวเหล่าซานแตกแยก แม่ไม่เห็นเราอยู่ในสายตา”

“แล้วเราเป็นใครในสายตาแม่?”

“แม่อาจไม่ควรให้กำเนิดผมและเหล่าซานตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ”

เขาถอนหายใจ เอามือไขว้หลังแล้วเดินจากไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามภพมาเป็นแม่เลี้ยงของวายร้ายทั้งห้า