ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง นิยาย บท 21

“ติงเจิ้งหมิง... คนคนนี้คือติงเจิ้งหมิงจริงๆ เหรอ”

ทุกคนยกเว้นซุนเส้าหลงมีสีหน้าตกใจเมื่อได้ยินชื่อนี้

โรงแรมไข่ก้วนเป็นโรงแรมระดับหรูที่สุดในเมืองหลูหยาง และติงเจิ้งหมิงก็เป็นผู้รับผิดชอบดูแลโรงแรมแห่งนี้โดยตรง จะเรียกว่าเขาเป็นผู้ที่มีอำนาจปิดฟ้าด้วยมือเดียวเลยก็ว่าได้ ในเมืองหลูหยางไม่ว่าจะเป็นด้านมืดหรือด้านสว่าง เหล่าตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงล้วนต้องให้เกียรติติงเจิ้งหมิงผู้นี้

แต่คนที่มีอำนาจบาตรใหญ่อย่างเขากลับให้ความเคารพเจียงเฉิง

นอกจากนี้เมื่อครู่ยังส่งเสียงอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ‘สวัสดีครับคุณเจียง!’

เสียงอันทรงอำนาจที่ฟังชัดถ้อยชัดคำนี้ ทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้ชะงักอยู่กับที่

โดยเฉพาะซุนเส้าหลงกับคนอื่นๆ ตอนแรกพวกเขากำลังคอยดูความอับอายเจียงเฉิงด้วยความสะใจ แต่แล้วใบหน้ากลับชะงักค้าง

ในแววตาเต็มไปด้วยความนึกไม่ถึง

“นะ... นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ซุนเส้าหลงถามอย่างไม่เข้าใจ

ตอนนี้ผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดของโรงแรมไข่ก้วนล้วนเรียงแถวกันโค้งคำนับ ทักทายเจียงเฉิงผู้ที่เขาดูถูก

หยูตานเองก็ชะงักไปเหมือนกัน เธอรู้สึกเวียนหัว ปกติเธอมักจะดูถูกและหัวเราะเยาะเจียงเฉิงผู้นี้เสมอ ตกลงเรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่? คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีอำนาจมากขนาดนี้ เขาไม่ใช่บุรุษพยาบาลที่ใครจะเหยียบย่ำก็ได้หรอกเหรอ

ทันใดนั้นหยูตานก็สังเกตเห็นบัตรสีทองที่ติงเจิ้งหมิงกำลังถือไว้ในมือด้วยความนอบน้อม

“ฉันนึกออกแล้ว นั่นคือบัตรทองของตระกูลฟาง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับตระกูลฟางด้วย” หยูตานป้องปากด้วยความประหลาดใจ

“ว่าไงนะ? บัตรทองของตระกูลฟาง?”

ซุนเส้าหลงตกใจเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาเพิ่งจะกลับมาประเทศได้ไม่นาน แต่เขาก็เคยได้ยินคนในครอบครัวพูดถึง ว่าตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลูหยางก็คือตระกูลฟาง ใครที่สานสัมพันธ์กับตระกูลฟางได้ล้วนนับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งแล้วในหลูหยาง

นอกจากนั้นบัตรทองใบนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับตระกูลฟาง ทุกคนที่ได้ครอบครองบัตรทองมีอำนาจที่จะทำอะไรก็ได้ภายในเมืองหลูหยาง ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าล่วงเกิน เพราะการล่วงเกินผู้ที่ถือบัตรทองย่อมหมายถึงการล่วงเกินตระกูลฟางด้วย

การล่วงเกินตระกูลฟางในหลูหยางก็ไม่ต่างอะไรกับการทำลายรากฐานชีวิตของตัวเองในหลูหยาง

ทั่วทั้งเมืองหลูหยางมีคนจำนวนไม่เกินหนึ่งหยิบมือที่ได้ถือครองบัตรทองไว้ในมือ และตอนนี้เจียงเฉิงก็ได้ครอบครองเอาไว้หนึ่งใบ

ซุนเส้าหลงนึกถึงภาพที่เขาเคยล่วงเกินและทำให้เจียงเฉิงอับอายก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นสองขาของเขาก็อ่อนแรงและทรุดลงไปนั่งแผ่อยู่บนพื้น

“เจียงเฉิง... เขามีภูมิหลังอย่างไรกันแน่?”

ไม่ว่าอย่างไรซุนเส้าหลงก็คิดไม่ออก บุรุษพยาบาลคนหนึ่งในโรงพยาบาลจะมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในหลูหยางได้อย่างไร

ใบหน้าของซุนเส้าหลงมีแววของความโกรธฉายวาบขึ้นมาเพราะคำพูดของหยูตาน

“ขอโทษด้วยนะ เราสนิทกันงั้นเหรอ” เจียงเฉิงเอ่ยเรียบๆ

เมื่อได้ยินคำพูดเรียบๆ ของเจียงเฉิง ทั้งซุนเส้าหลงและหยูตานก็ได้แต่อับอาย

“ผู้จัดการติง” เจียงเฉิงเอ่ยเบาๆ

“คุณเจียงมีอะไรให้รับใช้หรือครับ” ติงเจิ้งหมิงก้าวมาข้างหน้าและขานรับ

“ผมไม่ชอบคนพวกนี้เอาซะเลย” เจียงเฉิงว่าพลางชี้ไปทางซุนเส้าหลง

ซุนเส้าหลงใจเต้นรัวขึ้นมาทันที นึกอยากขอโทษแต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร อีกเดี๋ยวเขาคงจบเห่แล้วจริงๆ แน่

เมื่อได้ยินคำตอบของเจียงเฉิง ติงเจิ้งหมิงจึงหันไปมองซุนเส้าหลงกับคนอื่นๆ ด้วยสายตาที่เย็นชาทันที นอกจากนี้ติงเจิ้งหมิงยังเป็นคนช่างสังเกตสีหน้าท่าทาง แค่มองปราดเดียวก็ดูออกเลยว่าก่อนหน้านี้ซุนเส้าหลงเคยกดขี่เจียงเฉิง

ด้วยเหตุนี้ติงเจิ้งหมิงจึงเอ่ยด้วยเสียงที่ทุ้มหนักทันทีว่า “มัวนิ่งอึ้งทำไมกันอยู่? ถ้าคนพวกนี้จ่ายเงินแล้วก็รีบๆ ไล่ออกไปซะ ตรวจสอบข้อมูลการจองห้องพิเศษล่วงหน้าของคนคนนี้ด้วย ต่อไปให้จำกัดขอบเขตการใช้จ่ายของเขาในเครือของเราซะ!”

ติงเจิ้งหมิงเต็มไปด้วยอำนาจ เสียงของเขาเยียบเย็นจนทำให้ซุนเส้าหลงตกใจจนตัวสั่นงันงกทำอะไรไม่ถูก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้านี่แหละ ลูกผู้ชายตัวจริง