เธอกลัวว่าคุณหวางจะไล่เค้นถามต่อ จึงรีบรับสายทันที“ไป๋ซีเยว่ค่ะ”
รองคณบดีของโรงพยาบาลฝู้เจี่ยเป็นคนโทรมา คณบดีคนนี้สกุลเฉียน เป็นคณบดีฝ่ายบริหาร ปกติแล้วเวลาพูดอะไรทำอะไรมักจะชอบวางมาดทำท่าทำทางเป็นทางการ ไป๋ซีเยว่ไม่ได้ชอบเขามากเท่าไร
เฉียนควนพูดขึ้น“คุณหมอไป๋ ผมคือเฉียนควน”
ไป๋ซีเยว่ลุกขึ้นตรงไปที่ห้องรับแขก“คณบดีเฉียน ที่โรงพยาบาลเกิดเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“โรงพยาบาลไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก แค่ผมอยากจะขอให้คุณหมอไป๋ช่วยเป็นการส่วนตัวสักหน่อย”
ไป๋ซีเยว่ยิ้มเบาๆ“คณบดีเฉียนไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ มีเรื่องอะไรท่านก็พูดออกมาได้เลยค่ะ”
เฉียนควนพูดขึ้น“คือแบบนี้ ผมมีญาติคนหนึ่ง ผลตรวจร่างกายออกมาว่าเป็นมะเร็งเต้านม ผมได้ยินมาว่า มะเร็งเต้านมยิ่งทำการผ่าตัดเร็วเท่าไรยิ่งดี ก็เลยคิดว่า จะขอให้คุณหมอไป๋ช่วยดูเวลาสักหน่อย ถ้าสะดวกล่ะก็ คุณก็เป็นหมอผ่าตัดหลักให้กับเธอ ทำการผ่าตัดในครั้งนี้”
อัตราการเกิดโรคมะเร็งเต้านมเกิดจากเนื้องอกร้ายในเพศหญิงเป็นอันดับหนึ่ง การรักษาแบบผ่าตัดก็เป็นแผนการรักษาที่เลือกเป็นอันดับแรก
แต่การผ่าตัดนี้ ไป๋ซีเยว่ไม่สามารถทำได้“คณบดีเฉียนคะ อย่าเพิ่งคุยเรื่องอาการของผู้ป่วยก่อนเลย โรงพยาบาลของพวกเรามีแผนกศัลยกรรมเต้านมและต่อมไทรอยด์ ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมักจะได้รับการรักษาในแผนกนั้น ให้ฉันไปทำการผ่าตัดที่แผนกของคนอื่น มันไม่ได้ไม่ใช่เหรอคะ?”
น้ำเสียงทางด้านของเฉียนควนไม่แยแสสนใจอยู่ไม่น้อย“ก็เอาไปรับการรักษาที่แผนกของคุณก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ? อีกอย่าง เดิมทีแผนกของพวกคุณก็รับรักษาผู้ป่วยเนื้องอกอยู่แล้วด้วย มะเร็งเต้านมมันก็เป็นมะเร็งไม่ใช่เหรอ? นี่มันไม่เห็นผิดกฎระเบียบตรงไหนเลย!”
ไป๋ซีเยว่พูดอธิบาย“ในโรงพยาบาลของพวกเรา ไม่มีกฎระเบียบที่บอกว่าไม่อนุญาตให้แผนกเนื้องอกรับรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมก็จริง แต่ว่าคณบดีเฉียน เรื่องนี้ฉันตัดสินใจไม่ได้จริงๆค่ะ ผ.อ.ซุนของแผนกศัลยกรรมเต้านมและต่อมไทรอยด์เห็นด้วยไหม? ผ.อ.หลิวของพวกเราก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีท่าทีอะไรก็ได้เหมือนกันนะคะ”
ไม่ใช่ว่าไป๋ซีเยว่จะเอาผ.อ.แผนกมารับบาปแทน แต่มันเป็นแบบนี้จริงๆ เธอมาตัดสินใจไม่ได้จริงๆ
แทนที่เฉียนควนจะโทรศัพท์มาหาเธอ สู้ไปหาหลิวฉางเลี่ยงตรงๆเลยไม่ดีกว่าเหรอ?
พูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเฉียนควนก็ไม่สบอารมณ์อยู่ไม่น้อยแล้ว“ได้ ถ้าอย่างนั้นผมจะไปคุยกับผ.อ.หลิวเอง แต่ว่า ถ้าได้รับการรักษาจากแผนกของคุณแล้ว คุณหมอไป๋คุณจะต้องทำการผ่าตัดครั้งนี้ให้กับผม”
ไป๋ซีเยว่ยิ้มๆ“ถึงตอนนั้นก็รอดูว่าผ.อ.จะจัดการยังไงก็แล้วกันค่ะ”
พอวางสายลง ไป๋ซีเยว่ก็ขมวดคิ้ว ทำงานที่โรงพยาบาลมาหลายปี มีปฏิสัมพันธ์กับเฉียนควนไม่ค่อยบ่อย ถึงจะไม่ชอบนิสัยพฤติกรรมของอีกฝ่ายยังไง แต่เขาก็เป็นหัวหน้า ไป๋ซีเยว่ก็ไม่กล้าไปตอบโต้กับเขาซึ่งๆหน้าเหมือนกัน
ช่วงสองสามปีที่หย่าร้างมา เธอรู้สึกว่านิสัยก็ถูกเกลาจนอ่อนโยนขึ้นมาไม่น้อย ถ้าเป็นเมื่อสองสามปีก่อน น้ำเสียงที่เธอพูดจะไม่สละสลวยนุ่มนวลขนาดนี้
“เกิดเรื่องขึ้นเหรอ?”
พอกลับมาที่โต๊ะอาหาร คุณหวางก็พูดถามขึ้น
เสียงในลำคอที่ทุ้มต่ำของผู้ชายแหบแห้งเล็กน้อย ยิ่งน่าดึงดูดมากขึ้นไม่น้อย
ไป๋ซีเยว่เกือบจะเหยียบคันเร่งจนสุด ก่อนจะเหยียบเบรกด้วยความตื่นตระหนก เปิดปากพูดขึ้นอย่าง สูดลมหายใจหนึ่งที น้ำเสียงฟังไม่ออกถึงความผิดปกติเลยแม้แต่นิดเดียว“มีเรื่องอะไร?”
จี้เหลียนเฉิงถูกเสียงเคาะประตูของป้าจางปลุกจนตื่น
เมื่อคืนมีเพื่อนสองสามคนมารวมตัวกัน เขาควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ ดื่มมากไป
จำได้อย่างเลือนรางว่าไป๋ซีเยว่มาแล้ว เรื่องหลังจากนั้น เขาจำได้คร่าวๆเท่านั้น แต่พอตื่นมาตอนเช้า เขาก็มานอนอยู่บนเตียงอย่างดี เสื้อผ้าก็เปลี่ยนแล้ว รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวมาก ผู้หญิงคนนั้นกลับไม่เห็นแล้ว
เขาพูดถามขึ้นมาตรงๆ“ไปตั้งแต่เมื่อไร?”
ไป๋ซีเยว่ภายในใจสั่นกระตุก ก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องทันที“หมายความว่ายังไง?”
จี้เหลียนเฉิงขมวดคิ้ว“ผมถามคุณ ว่าเมื่อวานไปตั้งแต่เมื่อไร หรือว่า ไปตอนเช้าวันนี้?”
ไป๋ซีเยว่ตอบอ้อกลับมาหนึ่งคำอย่างช้าๆไม่รีบร้อน ก่อนจะพูดขึ้น“คุณหมายถึงเมื่อคืนเหรอ? ป้าจางโทรศัพท์หาฉัน บอกว่าคุณดื่มจนเมา ให้ฉันไปดูคุณสักหน่อย ฉันไปแล้ว พบว่าแฟนของคุณก็อยู่ด้วย ฉันก็เลยกลับ คุณเป็นยังไงบ้าง หายแฮงค์แล้วยัง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คิดจะรัก คิดถึงอดีต(เมีย)