“คนที่รู้เรื่องนั้นก็มีแค่เขา ถ้าไม่ใช่เขา แล้วจะมีใครอีกล่ะ?”
ในใจของดีด้ามั่นใจแล้วว่าเลอแปงตั้งใจใส่ร้ายเธอ
ทว่าหลังจากได้ยินข้อกล่าวหาดังกล่าว เลอแปงกลับเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง พลางใช้กระดาษทิชชูซับซุปปลาที่ติดอยู่บนเส้นผมโดยไม่ใส่ใจจนกระทั่งสะอาด แล้วกล่าวเสริมอย่างเฉยเมยว่า
“ยังมีช่างภาพที่ถอดเสื้อผ้าของคุณ และทำการถ่ายรูปหน้าอกให้คุณอีก บอกตามตรงผมค่อนข้างประหลาดใจอยู่นิดหน่อย ทำไมคุณถึงละเว้นเขาและยืนยันว่าคนร้ายเป็นผมล่ะ? หรือเป็นเพราะเขาลูบไล้หน้าอกของคุณแล้ว แต่ผมไม่ได้สัมผัส?”
ดีด้าจ้องมองเขาด้วยความเดือดดาลมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นอยากใช้สายตาสับเขาให้แหลกเป็นชิ้นๆ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เชอร์รีนก็รีบเอ่ยตำหนิเสียงต่ำ “เลอแปง!”
“ที่ผมพูดเป็นความจริงทั้งนั้น คนที่รู้เรื่องมีสองคน แต่กลับเข้าข้างคนร้าย แล้วสงสัยแค่ผมคนเดียว นี่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?”
ออกัสคิดว่าสิ่งที่เลอแปงพูดมานั้นสมเหตุสมผล เขาจิบชา พลางชำเลืองมองดีด้าด้วยท่าทีสงบ แต่ไม่ได้ดูห่างเหินเกินไป โดยมีความสุภาพเจืออยู่จางๆ “คุณดีด้าพอจะบอกผมได้ไหมครับ ว่าทำไมถึงสงสัยแค่เลอแปงคนเดียว?”
“อย่างที่เลอแปงพูด ช่างภาพคนนั้นรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องดี สิ่งที่เขาทำล้วนเป็นการกระทำที่น่าละอายใจ หากข่าวดังกล่าวถูกเล่าลือและแพร่กระจายออกไปล่ะก็ ไม่เพียงแต่จะไม่เป็นผลดีต่อเขาแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ยังจะนำภัยมาสู่ตัวเองอีกด้วย ฉันเชื่อว่าเขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น!” ดีด้าก็มีเหตุผลของตัวเองเช่นกัน
เลอแปงมองเธอด้วยสายตาเย็นชา พลางเย้ยหยันอย่างไม่พอใจ “เป็นคนดีไม่ขึ้นเลยสินะ ผมนี่มันทำตัวเองแท้ๆ! ถ้ารู้ตั้งแต่แรกผมก็ไม่เข้าไปหรอก จะปล่อยให้ช่างภาพคนนั้นลูบไล้คุณอีกสักสองสามครั้ง!”
เป็นคนดีครั้งเดียว กลับทำให้ตัวเองมีปัญหา เขาก็ทำอะไรไม่ถูกเลยจริง ๆ !
“พอแล้ว”
เชอร์รีนตบบ่าเลอแปงเบาๆ หลังจากนั้นจึงมองไปที่ดีด้าอีกครั้ง
“คุณดีด้า ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน ซึ่งเร็วเกินไปหากจะพูดแบบนี้ ฉันเชื่อมั่นและยืนยันว่าเลอแปงของพวกเราไม่ใช่คนแบบนั้น สำหรับเรื่องนี้ ฉันกับพี่ชายของเขาจะตรวจสอบให้ชัดเจน และให้คำตอบที่น่าพึงพอใจกับคุณดีด้า เช่นนี้แล้วคุณคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างคะ?”
ท่าทางและคำพูดของเชอร์รีนล้วนทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าดีด้าเองก็ชื่นชอบลักษณะนิสัยอันอ่อนโยนของเธอ ท่าทีที่แสดงออกมาจึงไม่มีการคัดค้าน แถมยังพยักหน้ารับอีกด้วย
ทว่าเลอแปงกลับไม่คิดอย่างนั้น “ทำไมพวกเราต้องไปตรวจสอบล่ะ? ทำความดีครั้งเดียวแล้วทำให้ตัวเองมีปัญหาไปทั่ว แค่นี้ก็พอแล้ว ทำไมผมจะต้องไปทำอะไรแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองด้วย?”
ออกัสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางเหลือบตามองเขาแล้วเอ่ยว่า “พูดมาก!”
เมื่อคิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงนี้อีกต่อไป ดีด้าจึงกล่าวลาเชอร์รีน และออกัส ซึ่งยกเว้นเลอแปงไว้เพียงคนเดียว แล้วจากไปทันที
เมื่อไปที่โรงพยาบาล น้ำฝนยังไม่นอน และลืมตารอดีด้าอยู่ เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา เขาก็ดีดตัวลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะโผเข้ากอด และประทับจูบลงบนใบหน้าของเธออย่างแรง
ดีด้าถูกหยอกเย้าจนรู้สึกจักจี้ เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนดันน้ำฝนให้ผละออก แล้วบอกให้เขาเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน
แต่ในความเป็นจริงแล้วน้ำฝนเป็นเด็กคนหนึ่ง ยิ่งห้ามไม่ให้ทำอะไร เขาก็จะยิ่งทำสิ่งนั้น
อย่างไรก็ตามร่างกายของเขานั้นเต็มไปด้วยพลังงาน เมื่อดีด้าไม่ยอมให้จูบ เขาจึงโถมตัวเข้าหา แล้วจูบเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก
ชั่วขณะหนึ่ง ภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และอบอวลไปด้วยความสุข
เซ้นต์ผลักประตูห้องผู้ป่วยและเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว คิ้วของเขาขมวดเป็นปม สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
เสียงฝีเท้าทำให้ดีด้าหันกลับมา และทันทีที่เธอหันหลังกลับก็เห็นเซ้นต์
ในขณะที่เธอยกเท้าและกำลังจะเดินเข้าไปหา จู่ๆ น้ำฝนก็โผเข้ากอดเธอไว้ จูบเธออีกครั้งแล้วยิ้มตาหยี
เซ้นต์เดินเข้าไปผลักน้ำฝนออกด้วยสีหน้าเย็นชา
เมื่อน้ำฝนเห็นเซ้นต์ก็ดีใจมาก เขายื่นมือออกไป หมายจะกอดอีกฝ่ายเอาไว้ มือใหญ่หยิบเยลลี่ออกจากกระเป๋าแล้วซ่อนมันไว้ในฝ่ามือ ราวกับว่าอยากให้เซ้นต์ประหลาดใจสักครั้ง
ทว่าเซ้นต์กลับใจร้อนไปหน่อย เขาเลยน้ำฝนผลักออกไป
“ถ้าคุณไม่ทำเรื่องแบบนั้น คนอื่นจะฉวยโอกาสไปได้ยังไง?”
การโต้เถียงของทั้งคู่ค่อนข้างเสียงดัง จนทำให้น้ำฝนที่อยู่ในห้องผู้ป่วยตกใจ เขารีบวิ่งเท้าเปล่าออกมา ก่อนกางแขนทั้งสองข้างบดบังร่างของดีด้าเอาไว้ “ผมไม่ยอมให้คุณรังแกซูกัส! ไม่ยอมเด็ดขาด!”
อารมณ์ของเซ้นต์ไม่ดีนัก เขาพูดเสียงต่ำเชิงตำหนิว่า “ตอนนี้เรากำลังคุยกันอยู่ นายกลับไปซะ!”
น้ำฝนไม่ยอมโอนอ่อน เขาพุ่งเข้าไปผลักอีกฝ่าย ซึ่งในขณะเดียวกันเซ้นต์เองก็เริ่มมีโทสะ จึงเหวี่ยงเขาออกไปอย่างแรง
น้ำฝนทนแรงที่มากขนาดนี้ไม่ไหว เลยล้มลงกระแทกพื้นด้านหลัง ดีด้าโมโหพลางกล่าวว่า “คุณทำอะไรน่ะ? ใครใช้ให้คุณผลักเขาแรงขนาดนั้น?”
“ทุกครั้งคุณมักจะมองไปที่เขา ตราบใดที่เกิดความขัดแย้ง ไม่ว่าจะถูกหรือผิด คุณก็เอาแต่มองน้ำฝน ตอนนี้ผมจำเป็นต้องให้คุณเลือกระหว่างเขากับผมมาหนึ่งคน หลังจากที่คุณตัดสินใจแล้ว ค่อยมาหาผม ถ้าไม่อย่างนั้น เราก็ไม่ต้องเจอกันอีก!”
เมื่อเซ้นต์จากไป น้ำฝนจึงดึงแขนเสื้อของดีด้า “นิสัยไม่ดี… เขารังแกซูกัส… แย่มาก!”
เธอส่ายศีรษะ มองน้ำฝนว่าล้มลงกระแทกกับอะไร หรือบาดเจ็บตรงไหนไหม
ยังดีที่หน้าผากของน้ำฝนแดง และฝ่ามือถลอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดีด้ากล่าวโทษเซ้นต์อยู่ในใจ น้ำฝนนั้นมีอาการป่วย ส่วนเขาเป็นชายหนุ่มที่ปกติดีคนหนึ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะหาเรื่องเด็กแบบนี้
ผ่านไปไม่นาน เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง ดีด้านึกว่าเป็นเซ้นต์ที่ไปแล้วย้อนกลับมา คิดว่าเขารู้ตัวว่าทำเกินไปแล้วกลับมาขอโทษ
ทว่าเมื่อหันไปมอง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเลอแปง สีหน้าของเธอก็พลันเปลี่ยนไปในทันที
น้ำฝนเจอเลอแปงเป็นครั้งแรก เขาเอียงศีรษะจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย พร้อมกับความงุนงงที่แปะอยู่เต็มใบหน้า
เมื่อสังเกตเห็นความสงสัยในแววตาของน้ำฝน เลอแปงก็เลิกคิ้วขึ้น พลางหันมาเผชิญหน้ากับเขา แล้วยื่นมือใหญ่ออกไปหาอีกฝ่ายด้วยท่าทางจริงจัง และกล่าวขึ้นว่า “สวัสดี”
น้ำฝนกะพริบตาปริบๆ จ้องมองเลอแปงไม่กี่วินาที หลังจากนั้นก็ยิ้มตาหยี พลางยกมือเช็ดเสื้อผู้ป่วยของตัวเอง เพราะกลัวว่าตัวเองจะสกปรก จากนั้นจึงพูดเลียนแบบเขาว่า “สวัสดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง