ไม่ว่าความคิดใดๆ ของเธอ ก็ไม่สามารถหลบพ้นสายตาของคนเหล่านี้ได้เลย
เพราะครั้งแรกที่อยากหนี เธอก็โดนดึงหัวตบ จากนั้นก็โดนสาดกระสุนสองนัดไปที่ส้นเท้าของเธอ จากนั้นก็ถูกเตือนด้วยภาษาไทยกระท่อนกระแท่น "ครั้งหน้า ถ่ากล้าหนี๊อี้ก กาสูนพวกเน้ได้ไปอยู่ที่หนาอกเธอแน่"
พวกนี้แม่นปืนมาก มณิกาลองหนีตั้งกี่ครั้งก็ล้มเหลว ทำได้แค่เชื่อฟังพวกเขา หาโอกาสที่เหมาะกว่า ยังไง ถึงเธอจะวิ่งได้ไวแค่ไหน ก็ไวได้ไม่เท่ากระสุนปืน
ตอนนี้เธอ ยังไม่อยากตาย!
"คนพวกนี้ ......เป็นทหารรับจ้าง"
นิอรนั่งอยู่บนพื้น มองมณิกาที่ก็ดูจะไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าเธอไม่พูดอะไร คงจะได้นั่งอยู่แบบนี้ตลอดจริงๆ แน่
พูดด้วยความสิ้นหวังว่า "เพราะว่าฉันทำเรื่องผิดกับเจ้านายพวกมัน ก็เลยต้องทำทุกวิถีทางที่จะจับฉันกลับไป"
ในตอนที่เธอพูด มณิกายืนอยู่ข้างๆ ได้สำรวจท่าทีการแสดงออกของนิอร ความรู้สึกของเธอมันบอกว่านิอรกำลังโกหกอยู่
แต่ มณิการู้ดีว่า นิอรไม่อยากบอกความจริงกับเธอ เธอก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ถาม
"เรื่อออกทะเลมาแล้ว ห้องนี้ปิดแน่นหนามาก พวกเราออกไปกันไม่ได้หรอก "ประตูห้องถูกเปิดจากข้างนอก ข้างในไม่เพียงแค่ไม่มีด้ามจับประตู แม้แต่รูกุญแจก็ไม่มี
สายตาของจ้องไปที่หน้าต่างบานเล็กนั่น หน้าต่างนั้นใหญ่เท่าหัวคนสองคนเท่านั้น ไม่มีทางที่คนคนนึงจะออกไปได้
"เรื่อสำราญลำนี้จะไปประเทศ C ที่นั่นเป็นที่ของพวกมัน ถ้าตอนนี้ไม่หนีล่ะก็ ถ้าถึงประเทศ Cแล้วหนีไม่รอดแน่"
นิอรนั่งอยู่ในมุม พิงกำแพง สายตาเอยๆ มองไปยังมณิกา
ใบหน้าของนิอรเข้ารูปดูดี ไม่ต้องแต่งหน้าก็สวยมาก ทั้งยังแฝงไปด้วยความยโสและความเย็นชาเล็กน้อย
ถึงจะถูกลักพาตัวอยู่ชัดๆ แต่ใบหน้าของเธอก็ไม่ได้แสดงออกถึงความวิตกกังวลใดๆ
นี่......
ถูกลักพาตัวอยู่จริงหรอ?
มณิการู้สึกว่านิอรกำลังหลอกเธออยู่
แต่ดูเหมือนนิอรจะรู้จักพวกที่ลักพาตัวมาเป็นอย่างดี เธอก็ยังมีข้อมูลที่มีประโยชน์อยู่ ดังนั้นจะหักหน้าเธอตอนนี้ไม่ได้
"เรือนี่จะหยุดระหว่างทางที่ไหน?"เธอถาม
"ตรงไปยังประเทศC"
"ตรงไปถึงประเทศC?เธอเคยนั่งหรอ"
"ไม่เคย แต่เมื่อกี้ฉันได้ยินที่พวกมันพูดกัน"นิอรอธิบาย
มณิกายกมือขึ้นมาคลำศีรษะของเธอ แล้วพึมพำ "เครื่องบินเร็วกว่าเรือสำราญ 40 เท่า จากประเทศจีนไปถึงประเทศCต้องใช้เวลาสิบสองชั่วโมง นั่งเรือสำราญก็จะต้องใช้......ต้องใช้เวลา 20 วัน"
ตั้งแต่เธอโดนลักพาตัวมาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาสามวันกว่าแล้ว บนข้อมือของเธอเห็นได้ชัดว่าสวมเครื่องดักฟังชนิดพิเศษอยู่ ซีนจะต้องรู้ตำแหน่งของเธอแน่
แต่ว่าจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครออกมาตามหาเธอ
มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่างคือ
ถ้าซีนไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายล่ะก็ เขาก็เลือกที่จะ......ทรยศ!
ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร ก็ทำให้มณิกาเหลือเพียงทางเดินเดียวเท่านั้นก็คือ—— ช่วยตัวเอง!
จากนั้น ไม่กี่วันถัดมา ทั้งสองก็มีท่าทีที่ "เชื่อฟัง"อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จึงทำให้ทหารรับจ้างพวกนั้นอะลุ่มอล่วยกับทั้งสองมากขึ้นเรื่อยๆ
เชือกที่มัดทั้งสองไว้ก็ถูกปลดออกแล้ว ให้ทั้งสองไปอยู่ในห้องที่มีหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องน้ำได้อย่างอิสระ และยังให้หนังสือสองสามเล่มให้พวกเธออ่านฆ่าเวลาด้วย
รู้อีกทีก็ผ่านไปสัปดาห์นึงแล้ว ทุกๆ วัน มณิกากินข้าวตรงเวลา ไม่ทะเลาะเบาะแว้งอะไร เชื่อฟังอย่างน่าเหลือเชื่อ
ในที่สุดมณิกาก็อดไม่ได้ มองไปยังผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้า "พวกเขาไม่ได้ระวังตัวแล้ว เธอยังไม่คิดหนีอีกหรอ?"
ในห้องมีเตียงสองหลัง ทั้งสองเตียงติดกับผนัง คนนึงนอนบนขอบเตียง
มณิกานอนขี้เกียจอยู่บนเตียง เงยหน้ามองไปยังนิอร ที่นั่งอยู่บนเตียงตรงข้าม กินเมล็ดแตงพลาง ถุยเปลือกแตงลงบนพื้น "ทำไมต้องหนีด้วย?ไม่เห็นหรือว่าพวกเราอยู่กันแบบดีๆ พวกเขาไม่เพียงแค่แก้มัดให้ น้ำกับผลไม้ก็มีให้ จะโง่ต่อสู้อีกทำไม"
อย่างน้อย ก็ฉลาดกว่าธิกานต์เยอะเลย
มณิกาไม่ได้สนใจนิอร หันหลังให้เธอ หลับตาลงแกล้งหลับไป
"ถ้าเธออยากจะหนีต้องพาฉันไปด้วย ไม่งั้นฉันจะฟ้องพวกนั้น"นิอรพูดขู่
เมื่อคำพูดนี้เข้าหู มณิกา ไฟโกรธที่เธอกดเก็บไว้ในใจก็ปะทะออกหูทันที ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง แล้วเดินไปที่หน้านิอร คว้าคอเสื้อของเธอขึ้นมา "อยากตายก็พูดมาตรงๆ !อยากให้ฉันฆ่าหั่นศพเธอแล้วโยนลงทะเลไหม จะได้ประหยัดเงินค่าโถอัฐิ ห้ะ?!"
"ใคร...... ใครอยากตายกันเล่า เพราะฉันไม่อยากตายไง ถึงอยากให้เธอพาฉันออกไปด้วยน่ะ"
ท่าทีเย่อหยิ่งของนิอร หายไปในทันใด ใบหน้าที่หงอยลง มองไปที่มณิกาด้วยความหงุดหงิดใจ
"ฉันไม่ใช่พ่อ แล้วก็ไม่ใช่แม่ของเธอ ญาติสนิทหรือมิตรสหายก็ไม่ใช่ ทำไมฉันต้องช่วยเธอด้วย? "
"วันนั้นฉันก็ช่วยเธอไว้นะ"
"เธอ......"
มณิกาพูดไม่ออก
ถึงแม้จะพูดว่าวันนั้นนิอรช่วยเธอไว้ แต่ก็ทำให้เธอมาตกอยู่ในน้ำมือของทหารรับจ้างพวกนี้ แต่จะพูดยังไงนิอร ก็นับว่าจิตใจดี
ให้เธอทิ้งผู้หญิงคนนี้ไว้คนเดียวจริงๆ ก็ทำไม่ได้หรอก
"ก็ได้"
มณิกาปล่อยมือทั้งที่โมโหอยู่ หันตัวกลับไปนั่งที่เตียงของตัวเอง คิดว่าจะหนียังไง
ตอนนั้นเอง นิอรก็เดินเข้ามา ถอนสร้อยคอทรงกลมสีทองมอบให้ มณิกา"ในโอกาสที่เขาได้พบกัน ฉันให้สร้อยคอนี้กับเธอ เป็นของที่ระลึก"
มณิกาเหลือบมองไปที่สร้อยคอเส้นเดียวกันนั้น ภายในทรงกลมกลวง มีเพชรที่แวววาวฝังอยู่ เมื่อมองให้ละเอียดจะพบว่ามี อักษรตัว'นิ'สลักอยู่
เป็นสร้อยคอที่มองจากภายนอกแล้วดูธรรมดา แต่กลับมีค่ามากเส้นหนึ่งเหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณคือของขวัญจากฟ้า