แม้แต่ศิษย์พี่สี่ที่ไม่ชอบไปมาหาสู่กับผู้คน เอาแต่หมุกมุ่นอยู่กับการกลั่นยา ยังมีเพียงตอนเผชิญหน้ากับนาง ถึงจะพูดด้วยอย่างไม่เบื่อหน่าย
แต่หลังจากที่เย่ฉงซินปรากฏตัว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
เย่ฉงซินเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของผู้อาวุโสเย่แห่งนิกายเต๋าทั้งห้า นางเกิดมาพร้อมข้อบกพร่อง
ผู้อาวุโสเย่สงสารลูกสาวตัวน้อย จึงรับนางมาอยู่ข้างกายและอบรมเลี้ยงดูด้วยตนเอง
แม้ว่าร่างกายของนางจะอ่อนแอ แต่นางเป็นคนมีชีวิตชีวา บริสุทธิ์ไร้เดียงสา จึงเข้ากันได้ดีกับพวกศิษย์พี่ทั้งหลายในนิกายเต๋าทั้งห้าได้อย่างรวดเร็ว
เมื่ออวี๋จาวตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ศิษย์พี่ทั้งห้าของนางก็ต่างพูดถึงแต่เย่ฉงซินเสียแล้ว ยอดเขาตู๋เยว่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็เป็นสถานที่ที่เยว่ฉงซินมาบ่อย ๆ
ในขณะนั้น อวี๋จาวอายุเพียงสิบสามปี เมื่อเห็นความสนใจของศิษย์พี่ทั้งหลายถูกคนอื่นพรากไป ภายในใจย่อมรู้สึกไม่ดีเป็นธรรมดา
เพื่อดึงดูดความสนใจของพวกศิษย์พี่กลับคืนมา นางทำหลายสิ่งหลายอย่าง แต่นางกล้าสาบานได้ว่า มีเพียงทำร้ายเย่ฉงซินข้อนี้นางไม่ได้ทำ
เย่ฉงซินได้รับบาดเจ็บ มันเป็นกลอุบายตั้งแต่ต้นจนจบ
“ข้ายอมรับผิด”
อวี๋จาวลดสายตาลงเล็กน้อยแล้วพูดทีละคำ
ชาติที่แล้วเป็นเพราะนางปฏิเสธที่จะยอมรับความผิด นางจึงถูกกักขังอยู่ในคุกมืดหนึ่งเดือนเต็ม ๆ
ที่นี่ไม่มีเวลากลางวันกลางคืน และไม่มีเสียงใด ๆ เลย
ความมืดมิดสุดขั้วเกือบจะทำให้นางเป็นบ้า
สุดท้าย เพราะลูกศิษย์ที่คอยเฝ้าคุกพบว่าสติของนางเริ่มเลอะเลือน จึงรายงานต่อนิกาย นางจึงออกจากสถานที่เลวร้ายแห่งนี้ได้
ถึงกระนั้น หลังจากออกไปนางก็ยังไม่อาจลบข้อกล่าวหาได้
อย่างไรพวกเขาก็โยนความผิดให้นางแล้ว นางจะยอมรับหรือไม่มันแตกต่างตรงไหนหรือ
“เป็นฝีมือเจ้าจริง ๆ หรือ” น้ำเสียงของฟางเฉิงหล่าง แสดงความผิดหวังอย่างไม่ปิดบัง
“ใช่”
“ดี ในเมื่อเจ้ายอมรับความผิดอย่างจริงใจ ข้าจะกลับไปรายงานต่ออาจารย์ทันที และขอให้ท่านถอนคำสั่ง”
“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่”
น้ำเสียงของเด็กสาวยังคงเย็นชาเช่นเดิม
ฟางเฉิงหล่างพยักหน้า หันหลังกลับและเดินออกไป เมื่อเดินไปได้สองสามก้าว เขาพลันชะงักฝีเท้าลง
เขาเพิ่งตระหนักได้ว่า พฤติกรรมของอวี๋จาวผิดปกติเล็กน้อย
ฟางเฉิงหล่างเดินขึ้นบันได ระหว่างทางได้พบกับลูกศิษย์ที่มาร่วมพิธีมากมาย ต่างพากันทำความเคารพเขาอย่างกระตือรือร้น
เขาตอบรับด้วยรอยยิ้ม ท่าทางสุขุมเยือกเย็น
หลังจากที่เขาจากไป ลูกศิษย์พวกนั้นก็เกาะกลุ่มสนทนากัน
“ศิษย์พี่ฟางสมกับที่จะเป็นศิษย์คนแรกของเซียนชิงเหยี่ยนจริง ๆ ทุกคำพูดและการกระทำล้วนมีท่วงท่าของสุภาพบุรุษ”
“สายตาคัดเลือกศิษย์ของเซียนชิงเหยี่ยน แน่นอนว่าเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว นอกจากเจ้าก้อนขี้หนูนั้น ลูกศิษย์คนอื่น ๆ มีใครบ้างที่ไม่ใช่คนโปรดของสวรรค์ เป็นหงส์เป็นมังกรในหมู่คนทั้งนั้น”
“ตอนนั้นเซียนชิงเหยี่ยนต้องถูกรากวิญญาณธาตุน้ำของอวี๋จาวหลอกเอาเป็นแน่ คิดว่านางมีความสามารถเกินใคร สุดท้ายเวลาผ่านไปเจ็ดปีแล้ว ความก้าวหน้าในการฝึกฝนของนางไม่ต่างอะไรกับลูกศิษย์ทั่วไปในสำนัก เพิ่งจะบรรลุระดับสร้างรากฐานปราณเมื่อไม่นานนี่เอง แม้แต่ศิษย์น้องเย่ที่เข้าสำนักมาทีหลังยังเทียบไม่ได้”
“หึ ถ้าหากอวี๋จาวยอมเอาสมองที่ใช้คิดเรื่องสกปรกมาใช้กับการฝึกฝน ไม่แน่ว่าอาจบรรลุระดับสร้างรากฐานปราณตั้งนานแล้วก็ได้”
"ถูกต้อง ถูกต้อง"
เสียงหัวเราะที่แฝงความเหยียดยามดังเข้ามาในหูของฟางเฉิงหล่าง
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจางลงเล็กน้อย
ศิษย์น้องหกไม่ได้แย่อย่างที่พวกเขาพูดถึงเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลับมาครั้งนี้ ข้อขอเดินวิถีไร้รัก