เว่ยเจี้ยนป๋อรีบไปตัดไม้มาทำคานหาม เหลียนอี้ปิงเองก็รีบกุลีกุจอเข้าไปช่วยอีกแรง ด้วยความร่วมมือของทั้งสองคนไม่นานหมูดำตัวเขื่องก็ถูกมัดเท้าทั้ง 4 ข้างเข้ากับไม้ จากนั้นทั้งสองคนยกขึ้นพาดบ่าทันที
เว่ยเจี้ยนป๋อกับเหลียนอี้ปิงรีบหามหมูดำออกจากป่าทันทีโดยมีเว่ยจื้อโหยวแบกหมูดำที่มีขนาดตัวใหญ่กว่าตัวที่พ่อกับลุงของนางหาม เว่ยจื้อโหยวสาวเท้าเดินออกจากป่าด้วยความเร่งรีบ นางจะรีบออกจากป่าเพื่อที่จะได้นำหมูป่าไปขายในวันนี้ ถ้าหากนำไปขายในวันพรุ่งนี้นางกลัวว่าหมูดำจะไม่สดและกลัวว่าราคาจะไม่ดี
“ท่านพ่อเจ้าคะ ไหวหรือไม่เจ้าคะ แล้วท่านลุงเล่าเจ้าคะไหวไหม”
“ไหว ๆ พวกเราไหว อาโหยวไม่ต้องเป็นห่วง รีบเดินเถอะลูก”
“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าคิดว่าท่านพ่อกับท่านลุงควรจะเดินไปที่บ้านท่านยายเลยนะเจ้าคะ ให้ชาวบ้านได้เห็นว่าวันนี้ท่านพ่อกับท่านลุงได้หมูดำมา เวลาบ้านเรามีเงินขึ้นมาชาวบ้านจะได้ไม่ต้องมาตั้งข้อสงสัย ส่วนข้าจะกลับไปรอที่บ้าน ท่านพ่อค่อยเอาเกวียนมารับหมูดำอีกตัวไปขายด้วยกัน”
“ได้ ตกลงตามนั้น พี่ใหญ่เห็นด้วยหรือไม่ขอรับ”
“ข้าเห็นด้วย เดิมทีชาวบ้านพวกนี้ก็อิจฉาตาร้อนอยู่แล้วจะได้ไม่ต้องมีคนเอาไปพูดในทางที่ไม่ดี”
“เช่นนั้นตกลงตามนี้นะเจ้าคะท่านพ่อ”
เว่ยเจี้ยนป๋อกับเหลียนอี้ปิงช่วยกันหามหมูดำตัวใหญ่เดินกลับบ้านด้วยความเร่งรีบ ระหว่างทางมีชาวบ้านเห็นทั้งสองคนไม่น้อย จากนั้นก็เกิดเสียงซุบซิบนินทากันเกิดขึ้น
บ้างก็อิจฉาในวาสนาของทั้งสองคน บ้างก็อยากจะทำใจกล้าเข้าป่าลึกไปล่าหมูป่ามาขายบ้าง แต่ไม่ว่าใครจะมีความคิดเห็นเช่นไรนับว่าวันนี้สิ่งที่พวกเขาต้องการสำเร็จแล้ว ชาวบ้านพวกนี้เรื่องซุบซิบนินทานั้นไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง
ใช้เวลาไม่นานทั้งสองคนก็กลับมาถึงบ้าน จากนั้นจึงนำหมูดำไปวางเอาไว้บนเกวียน เหลียนอี้ปิงที่วางหมูลงแล้วเขารีบไปนำล่อทั้งสองตัวมาเทียมเข้ากับเกวียนจากนั้นให้เว่ยเจี้ยนป๋อไปบอกคนในบ้านว่าพวกเขาจะเข้าเมืองไปเอาของไปขายอีกครั้งอาจจะกลับมามืดค่ำ
เพราะครั้งนี้เว่ยจื้อโหยวจะเดินทางเข้าเมืองไปกับท่านพ่อด้วย เว่ยเจี้ยนป๋อที่ห่วงความปลอดภัยของน้องสาวน้องชายลูกเขยจึงได้บอกให้เด็กทั้งสองคนอยู่กินข้าวเย็นเสียที่นี่ รอให้เว่ยจื้อโหยวกลับมาจากในเมืองเสียก่อนจึงค่อยกลับบ้านไปพร้อมกับนาง ซึ่งเด็กทั้งสองคนก็เข้าใจและทำตามด้วยความเต็มใจ
“พี่สะใภ้ ข้ากับพี่ใหญ่จะเข้าเมืองไปอีกรอบนะขอรับ แล้วก็อาโหยวฝากเด็กทั้งสองกินมื้อเย็นที่นี่ด้วย หลังจากกลับจากขายของในเมืองแล้วนางถึงจะมารับทั้งสองคนกลับด้วยตัวเอง หากพวกเรากลับมาไม่ทันมื้อเย็นก็ไม่ต้องรอนะขอรับ ฝากบอกภรรยาข้าด้วย”
“ได้ ๆ เจ้ารีบไปเถอะประเดี๋ยวจะกลับมืดค่ำเอาได้”
เหลียนอี้ปิงขับเกวียนเทียมล่อออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังบ้านของหลานสาวทันที เมื่อมาถึงเว่ยจื้อโหยวยกหมูดำขึ้นวางจากนั้นก็คลุมด้วยเสื่อไม้ไผ่ทับอีกที
เหลียนอี้ปิงเมื่อเห็นหลานสาวนั่งเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางทันที เขาเร่งล่อให้วิ่งเร็วขึ้นและเจ้าสองตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แม้ว่าบนเกวียนจะมีคนถึงสามคนนั่งอยู่และยังมีหมูดำทั้งสองตัวที่น้ำหนักตัวรวมตัวกันได้เกินกว่าพันชั่ง
“หากเรารีบไปตอนนี้เราจะกลับถึงบ้านก่อนเวลากินข้าวเย็น แต่ถ้าหากลูกต้องการซื้อของเราจะกลับบ้านไม่ทันมื้อเย็นแถมยังจะกลับบ้านค่ำมืดและอันตรายมาก”
“ข้าไม่ต้องการซื้ออันใดเจ้าค่ะท่านพ่อ แล้วเมล็ดผักของข้าท่านพ่อซื้อให้ข้าแล้วหรือยังเจ้าคะ”
“พ่อซื้อแล้ว แต่ลืมเอาให้เจ้า เอาไว้กลับถึงบ้านแล้วพ่อจะหยิบมาให้นะ”
“ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ”
ใช้เวลาไม่นานเกวียนเทียมล่อก็มาถึงประตู เมื่อทำการจ่ายเงินค่าผ่านประตูคนละ 2 อิแปะแล้ว เหลียนอี้ปิงก็บังคับเกวียนมุ่งหน้าไปยังเหลาอาหารทันที
เมื่อเสี่ยวเอ้อร์ที่ทำหน้าที่รับซื้อของจากชาวบ้านเห็นเหลียนอี้ปิงขับเกวียนมาแต่ไกล เสี่ยวเอ้อร์ไม่รอช้ารีบวิ่งไปตามหลงจู๊มาทันที หลงจู๊เองพอทราบว่าเหลียนอี้ปิงนำของมาขายอีกรอบเขาก็ออกไปรอด้วยความตื่นเต้น
“คารวะหลงจู๊ขอรับ เหตุใดท่านถึงมาอยู่ตรงนี้เล่า แขกในเหลาไม่ยุ่งหรือขอรับ”
“ไม่เป็นไร มีคนดูแลอยู่ ว่าแต่พวกเจ้ากลับมารอบนี้ได้อะไรดี ๆ มาให้ข้าใช่หรือไม่”
“ย่อมเป็นเช่นนั้นขอรับ”
“เช่นนั้นมีอะไรมา เอาออกมาให้ข้าดูเร็วเข้า”
“นี่ขอรับ” เว่ยเจี้ยนป๋อเลิกเสื่อไม้ไผ่ขึ้น ทำให้หลงจู๊ที่มองมาต้องตกใจตาโตอ้าปากกว้าง
"นะ .นะ… นี่มันหมูป่าดำ หมูป่าดำจริง ๆ ด้วย ขอบใจมาก ขอบใจพวกเจ้าจริง ๆ ถือว่าพวกเจ้าได้ช่วยเหลาอาหารและข้าเอาไว้ได้มาก พวกเจ้าไม่ต้องห่วงข้าย่อมให้ราคาที่น่าพอใจแก่พวกเจ้าได้เลย หมูป่าดำนี้ข้าให้ช่างละ 10 ตำลึงเงิน พวกเจ้าจะว่าอย่างไร"
“ตกลงขอรับหลงจู๊”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย