ตระกูลซ่งแยกออกเป็นสองสายเพราะเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเผิงไหล หนึ่งสายยังคงอยู่พัฒนาในเผิงไหล ส่วนอีกสายย้ายไปตั้งหลักที่ประเทศมี่
นี่เป็นกลยุทธ์ของซ่งเหวินและซ่งอู่ที่ทั้งสองพี่น้องวางแผนด้วยกัน พวกเขายังเล่นละครบทที่จะต้องเสียสละตัวเอง แม้แต่กหลอกผู้มีอำนาจในรัฐบาลกลางของเมืองหลวงให้หลงเชื่อ
ฉีเติ่งเสียนเบื้องหลังเรื่องนี้ดี แต่เขาไม่ได้เปิดเผยออกมา เพราะไม่มีเหตุผลจำเป็นต้องทำ
ถึงแม้ตระกูลซ่งจะมีอิทธิพลในเผิงไหล แต่ในจังหวัดซีเทียนที่ห่างไกลนี้ อิทธิพลนี้ก็แทบไม่มีความหมายเลย
พูดตรง ๆ คือไม่มีใครสนใจตระกูลซ่งนอกจากจะอยู่ที่เมืองเผิงไหล ต่างฝ่ายต่างอยู่กันคนละมุมประเทศไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย
ซ่งเจียอวี่ให้การต้อนรับฉีเติ่งเสียนอย่างอบอุ่นและสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ ไม่เพียงแต่แต่ฉีเติ่งเสียนกลับมีปมในใจ เขาเริ่มจากการคุ้ยอาหารแต่ละจานก่อนทาน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเนื้อหนูอยู่ข้างใน ถึงได้เริ่มใช้ตะเกียบ
ท่าทางเช่นนี้ทำให้ซ่งเจียอวี่มองว่าเขาไม่มีมารยาท เพราะยังไม่ได้ทานก็คุ้ยอาหารแล้ว เธอไม่รู้ถึงอดีตอันขมขื่นของเขา!
ซ่งเจียอวี่ยิ้มและพูดว่า“คุณปู่ของฉันฝากขอบคุณคุณที่ช่วยเหลือท่านซึ้งใจเป็นอย่างมาก มื้อนี้ถือเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำแน่นอน”
ฉีเติ่งเสียนพยักหน้าและพูดว่า“คุณซ่งอู่เกรงใจเกินไปแล้ว ตระกูลซ่งมีความสามารถจึงก้าวออกมาสู่เส้นทางนี้ได้ ก็เพราะเขามีความกล้าตัดสินใจ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผมมากนัก”
จากนั้นเขาก็เริ่มทานอาหารโดยไม่รีบร้อน รู้สึกว่าอาหารร้านนี้รสชาติดีจนน่าประหลาดใจ ถึงแม้การตกแต่งจะดูเรียบง่าย แต่กลับมีลูกค้าแน่นเต็มร้าน
“นอกจากเรื่องทานข้าวแล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า?” เขาเงยหน้ามองเธอและถามด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“อืม พูดอะไรนะ?”ซ่งเจียอวี่อึ้งไปเล็กน้อย หลังฟังแล้วไม่เข้าใจ
ฉีเติ่งเสียนหัวเราะและพูดว่า “ “ผมหมายถึงคุณชวนผมมากินข้าว ไม่น่าจะใช่แค่ทานข้าวใช่ปะ!”
ร่างกายของซ่งเจียอวี่ผงะเล็กน้อยและถอยไปด้านหลัง ราวกับอยากจะหนีออกห่างและพูดว่า “ก็ทานข้าวไง คุณจะคิดอะไรอีกล่ะ?”
ฉีเติ่งเสียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและตอบว่า“ยัยเต่า นี่เธอหลงตัวเองไปหน่อยไหม ความหมายที่ผมพูดคือเธอคงมีเรื่องอยากให้ช่วย ไม่ใช่ว่าผมอยากทำอะไร!”
เมื่อพูดประโยคนี้จบซ่งเจียอวี่ก็ถอนหายใจโล่ง พร้อมกับยิ้มออกมา
ฉากนี้ทำให้ฉีเติ่งเสียน ถึงกับหน้าดำ เขาคิดในใจว่าชื่อเสียงของเขานี่ใครมันทำให้เสียหายขนาดนี้แล้ว ทำไมผู้หญิงทุกคนต้องระวังตัวกับเขาราวกับโจร?เรื่องนี้ทำให้เขาไม่มีความสุขมาก!
“มีเรื่องเล็ก ๆ จึงอยากขอความช่วยเหลือค่ะ ไม่รู้ว่าคุณจะสะดวกมั้ย?”ซ่งเจียอวี่พูดขึ้นอย่างระมัดระวัง
“พูดมาเถอะ!”ฉีเติ่งเสียนส่ายหัวพลางถอนหายใจ
ซ่งเจียอวี่เริ่มอธิบายอย่างระมัดระวัง“ตระกูลซ่งของพวกเราเคยลงทุนในจังหวัดซีเทียนถึงหนึ่งพันล้าน แต่เพราะเกิดเหตุการณ์ในเมืองเผิงไหล จึงทำให้ตระกูลแยกเป็นสองสาย ผู้คนในจังหวัดซีเทียนเลยไม่เห็นหัวพวกเราทั้งที่ควรได้หุ้นก็ไม่ได้ ทั้งที่ควรได้ปันผลก็ไม่ได้ ฉันต้องการเอาเงินห้าร้อยล้านคืนมาเท่านั้น ”
ฉีเติ่งเสียนถามว่า “ เงินนี้ให้ใครลงทุน?”
ซ่งเจียอวี่ตอบว่า“จั๋วปู้ฝานลงทุนให้ เขาเป็นพี่น้องกับซุนเมี่ยนและสนิทกับตระกูลซุน”
ฉีเติ่งเสียนหัวเราะเยาะออกมาและพูดว่า“ไม่ต้องเดาเลย เขาต้องถูกใครบางคนยุให้ยักยอกเงินแน่ ๆ ตระกูลซ่งแยกตัวในเผิงไหลแบบนั้น หลายคนไม่พอใจอย่างหนัก”
ซ่งเจียอวี่พยักหน้าอย่างจริงจังและพูดว่า“ใช่นะ”
ฉีเติ่งเสียนยิ้มและพูดว่า “แน่นอน วันนั้นคงอีกไม่นานแล้ว”
ตระกูลจ้าวต้องการโชว์ไพ่ทุกใบออกมา เขาไม่เชื่อว่าฝ่ายนั้นจะมีทางพลิกเกมส์กลับได้ ขอเพียงเล่นเกมอย่างมั่นคงต่อไป กลุ่มผลประโยชน์มหาศาลนี้จะต้องล่มสลาย ขอแค่เพียงเรื่องของเวลาก็ไม่มีปัญหาแล้ว!
“เจียอวี่ เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? และยังอยู่กับพวกนี้อีก! เธอไม่กลัวว่าจะถูกเขาลากไปทำร้าย?!”ในเวลานี้มีเสียงมาจากเพื่อนของซ่งเจียอวีชื่อหวงฮุ่ยฮุ่ย
เธอรีบเดินเข้ามาอย่างลนลาน มองฉีเติ่งเสียนด้วยสายตาระแวดระวัง แล้วพูดว่า“นายเป็นลูกน้องของกู่ฉงเฟิงใช่มั้ย
ถ้านายเห็นเจียอวี่เป็นเพื่อนจริง ๆ ก็อยู่ห่าง ๆ เธอไว้เถอะ อย่าพาเธอเดือดร้อน!”
เมื่อฉีเติ่งเสียนได้ฟังแล้วถึงกับงง อะไรนะ? เขาเป็นลูกน้องของกู่ฉงเฟิงและหม่าใจ๋ แล้วยังจะทำร้า ซ่งเจียอวี่ อีก?
แต่ในฐานะพระอัครสังฆราช ผู้ช่ำชองเรื่องการแกล้งโง่ ดังนั้นเขาก็ไม่ได้โกรธอะไร
ไม่ใช่เพราะเขาไม่ถือศักดิ์ศรี แต่เพราะเขาชอบดูคนหน้าแหกต่างหาก ส่วนเรื่องใครจะเหยียบเขาเพื่อหวังฟันเงิน มันก็แค่ของแถม
เรื่องเงินทองอะไรนั่น ฉีเติ่งเสียนไม่ได้สนใจเลยสักนิด เขาเหมือนไตเท้อที่ไม่ชอบเงิน ไม่ชอบแตะเงิน เพราะนั่นคือนิสัยอันสูงส่งของเขา!
ซ่งเจียอวี่รู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่หวงฮุ่ยฮุ่ยกระทำ จึงพูดขึ้นว่า“ฮุ่ยฮุ่ย อย่าพูดมั่วสิ พวกเราก็แค่มาทานข้าวกันธรรมดา ๆ จะมีเรื่องอะไรได้?”
ในตอนนั้นเองชายคนหนึ่งที่มากับ หวงฮุ่ยฮุ่ย แล้วก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางหยิ่งยโสแล้วพูดว่า“หม่าใจ๋ลูกน้องของกู่ฉงเฟิงหมายถึงรองหัวหน้าสำนักวังพระจันทร์ เต็มดวงน่ะเหรอ?เขาอาจจะเก่งที่อื่น แต่ใน จังหวัดซีเทียน ชื่อเสียงของเขาไม่ได้มีค่าแม้แต่เงินเหมาเดียว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...