หลังจากที่จิ่วเฮิงถูกจับตัวเข้าไปภายในโรงงานอย่างรวดเร็ว ภายในโรงงานนั้นกลับมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ล้ำสมัยมากมาย ซึ่งทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
เพื่อความแน่ใจอย่างที่สุดมีคนมาตรวจร่างกายเขาอีกครั้งโดยเฉพาะ และการตรวจครั้งนี้ก็เป็นการตรวจที่ละเอียดและมืออาชีพ ครอบคลุมในทุกด้าน
จิ่วเฮิงแอบหัวเราะอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคดีของตัวเองหรือเพราะพวกเวรพวกนี้ดวงซวยกันแน่ที่ดันมาจับเขาได้ แถมดูเหมือนว่าตัวเขาจะเข้ากับเงื่อนไขของบุคคลสำคัญคนนั้นอย่างพอดิบพอดีเสียด้วย!
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราเป็นเลือดแพนด้า เหอะ เหอะ เหอะ เหอะ ... เรานี่แหละคือผู้ถูกเลือกของยุคนี้ เป็นพระเอกของโลกใบนี้!” จิ่วเฮิงครุ่นคิดในใจ
“ไม่รู้ว่าจ้าวหงซิ่วโดนจับไปที่ไหนแล้ว พวกที่จับเธอไปดวงคงซวยยิ่งกว่าพวกนี้อีก”
“หวังว่าไอ้พวกงี่เง่าเหล่านั้นจะไม่กล้าทำอะไรเธอ ถ้าไม่อย่างนั้นเราคงต้องลงมือก่อนเวลาอันควรแน่”
เป้าหมายของจิ่วเฮิงยิ่งชัดเจนมากขึ้นคือแกล้งทำตัวว่านอนสอนง่ายกับพวกสารเลวพวกนี้ เพื่อให้ถูกส่งตัวไปยังบุคคลสำคัญคนนั้นที่ต้องการอวัยวะของเขา
จะจับโจรก็ต้องจับหัวหน้าโจรก่อน ฆ่าตัดหัวมันไปเลย
เขาเริ่มวางแผนแล้วว่าจะจัดการพวกนี้ด้วยวิธีไหนถึงจะดีที่สุด
หลังจากการตรวจเสร็จสิ้นลง จิ่วเฮิงก็ถูกมัดไว้ มีคนคอยเฝ้าดูแล และยังมีอาหารให้กิน ที่สำคัญที่สุดคืออาหารนั้นดีมากด้วย
เห็นได้ชัดเจนว่าเขากำลังถูกเลี้ยงดูอย่างดี เพื่อเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
เมื่อถึงช่วงเวลาในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด จิ่วเฮิงก็ตื่นขึ้นมา เมื่อเขาได้ยินเสียงอะไรมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่
แม้เขาจะไม่รู้เวลาคือกี่โมง แต่ก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นช่วงรุ่งสาง
หลังจากนั้นเขาก็เห็นเงาร่างหนึ่งแอบย่องเข้ามาในโรงงานอย่างเงียบกริบ เงานั้นเคลื่อนไหวอย่างว่องไวและชาญฉลาดเหมือนผี ไม่มีใครที่หลับครึ่งตื่นพวกนั้นสังเกตเห็นเลยแม้แต่คนเดียว
“หมอนี่เป็นใครกัน?” จิ่วเฮิงครุ่นคิดในใจอย่างอดไม่ได้
คนที่แอบย่องเข้ามาในโรงงานดูเหมือนจะสังเกตเห็นจิ่วเฮิงเช่นกัน เขาแอบเข้ามาใกล้อย่างเงียบกริบ ขณะที่ยามสองคนที่อยู่ข้างๆ จิ่วเฮิง ต่างก็หลับตานอนหลับไปแล้ว
เมื่อจิ่วเฮิงเห็นหน้าคนคนนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะกัดลิ้นตัวเองแรงๆ ด้วยความตกใจว่า “นั่นคือฉีปู้อวี่ไม่ใช่เหรอ?!”
เมื่อฉีปู้อวี่เห็นว่าเป็นจิ่วเฮิงก็ถึงกับชะงักไปชั่วขณะ คาดไม่ถึงว่าพระบ้าอย่างเขาจะถูกลักพาตัวมาได้!
จิ่วเฮิงรีบทำหน้าทะเล้นส่งสายตาขยิบตาถี่ๆ ให้กับฉีปู้อวี่ พร้อมทั้งแสดงสีหน้าภูมิใจอย่างยิ่ง
ฉีปู้อวี่ที่มองเห็นท่าทางของจิ่วเฮิง ก็อดที่จะยิ้มอย่างจนปัญญาไม่ได้ ในใจก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เหอะ เหอะ”จิ่วเฮิง ยิ้มแห้งๆ สองทีให้กับฉีปู้อวี่ แล้วก็ส่ายหัวเล็กน้อย เป็นสัญญาณบอกว่าให้รีบหนีไป อย่าให้ใครจับได้
ฉีปู้อวี่เมื่อเห็นอย่างนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็แอบย่องจากไปเงียบๆ คนอย่างจิ่วเฮิงที่นิสัยโหดหินขนาดนี้ ถึงจะถูกจับก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครต้องเป็นห่วงเลย
เหมือนตอนที่ฉีเติ่งเสียนเคยโทรไปหาพวกกลุ่มเครือข่ายสแกมเมอร์ที่หลอกหลี่อวิ๋นหว่านกับหยางกวนกวน บอกว่าเขาถูกจับตัวในพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แล้วกลับโดนพวกนั้นหัวเราะเยาะเสียอีก
เพราะคนที่น่าเป็นห่วงจริงๆ ไม่ใช่ จิ่วเฮิง แต่เป็นพวกที่จับเขาต่างหาก
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉีปู้อวี่ก็กำลังเล็งเป้าหมายองค์กรนี้เหมือนกัน ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เพียงแต่ข้าใช้ฟ่อเย่ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว!” “นี่มันเรียกว่าอะไรน่ะเหรอ? ก็เรียกว่าโชคชะตายังไงล่ะ! ข้านี่แหละคือพระเอกของยุคสมัยใหม่นี้!”
จิ่วเฮิง คิดในใจด้วยความตื่นเต้นและภาคภูมิ รู้สึกเหมือนโชคชะตากำลังเข้าข้างตนเองอย่างแท้จริง
เมื่อรอฉีปู้อวี่แอบย่องเดินออกไปอย่างเงียบๆ เดินจากไปอีกครั้งโดยไม่มีใครรู้ตัว จิ่วเฮิงก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า“ พ่อลูกคู่นี้เกิดมาเพื่อเป็นโจรชัดๆ ถ้าอยู่ในยุคก่อนนะ คงเป็นระดับโจรชื่อดังก้องประเทศไปแล้ว!”
“ไม่เลว งานครั้งนี้พวกแกทำได้ดีมาก แถมยังโชคดีสุดๆ ด้วย! เดี๋ยวไปเอาโบนัสคนละห้าหมื่นจากหัวหน้ากลุ่มของตัวเองไปเลย”เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีดังขึ้น พวกนั้นพากันขอบคุณจั๋วปู้ฝานเสียงดังลั่น
“แน่นอนสิ คนนี้ฉันคัดเลือกเองกับมือเลยนะ! แต่หมอนี่สมองไม่ค่อยดีหรอก ออกจะทึ่มๆ หน่อย ” หนุ่มคนเดิมที่เมื่อวานโดนจิ่วเฮิงซัดไปเต็มแรงเดินเข้ามาหา แล้วใช้โอกาสนี้สร้างคะแนนต่อหน้าจั๋วปู้ฝาน
เมื่อจิ่วเฮิงมองสบตากับจั๋วปู้ฝาน แล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า“ปล่อยข้าไปได้ไหม? ข้าเป็นคนดีนะ ไม่เคยทำเรื่องเลวๆ ข้ามีเงิน จะเอาไว้ไถ่ชีวิตตัวเองก็ยังได้”
แต่จั๋วปู้ฝานกลับหัวเราะเบาๆ พลางพูด“เป็นคนดีไม่เกี่ยวอะไรกับฉันหรอกเพื่อน นายอยากโทษ ก็ต้องโทษพ่อแม่นาย ที่ให้ชีวิตมาแบบนี้!ทุกอย่างล้วนถูกลิขิตไว้แล้ว ไม่มีใครหนีโชคชะตาได้!”
“ฉันเองก็ไม่อยากทำเรื่องแบบนี้หรอกนะ แต่บางทีมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ทำก็ไม่ได้!”
“วางใจเถอะ ข้าไม่ทำให้นายต้องเจ็บปวด”
จิ่วเฮิงหน้าซีดเผือด รีบพูดเสียงสั่นว่า“พวกคุณทำแบบนี้จะได้รับกรรมแน่! ข้านับถือพระเจ้านะ! พระองค์ไม่มีทางปล่อยพวกคุณไว้แน่!”
เมื่อจั๋วปู้ฝานได้ยินก็หัวเราะเยาะ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“ถ้าในโลกนี้มีพระเจ้าจริง จะยังมีเรื่องสกปรกต่ำช้าแบบนี้อยู่เหรอ?”
เขายื่นมือไปตบที่ไหล่ของจิ่วเฮิง แล้วหัวเราะพลางพูดว่า“กล้ามเนื้อนายแน่นดีนะ ร่างกายก็แข็งแรงมาก ดีเลยล่ะ!”
จิ่วเฮิงถูกจ้องมองราวกับเป็นแค่สินค้าชิ้นหนึ่ง
“อวัยวะของนาย จะช่วยให้ท่านผู้มีอำนาจท่านหนึ่งได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ถือว่าเป็นเกียรติของนายแล้วล่ะ นายควรจะดีใจด้วยซ้ำ เพราะอย่างน้อยส่วนหนึ่งของนายจะได้ใช้ชีวิตหรูหราแบบที่นายไม่เคยแม้แต่จะฝันถึง” จั๋วปู้ฝานพูดราวกับกำลังปลอบใจ
“ถ้าหากหลีกหนีไม่ได้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นฝากบอกท่านคนนั้นด้วยนะให้พาไตของข้าไปแช่ออนเซ็นบ่อยๆ ” จิ่วเฮิงเงียบอยู่นาน ก่อนจะพูด แล้วถอนหายใจ
รอยยิ้มบนใบหน้าของจั๋วปู้ฝานแข็งค้างไปทันที ก็สมแล้วล่ะหมอนี่สมองไม่ค่อยดีจริงๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...