มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 466

สวีเอ้าเสวี่ยเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าในที่สุดวันนั้นก็มาถึง ฉีเติ่งเสียนที่เริ่มปล่อยวาง ให้เธอเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะอยู่หรือไป

“เขาว่ากันว่าความมีน้ำใจของคู่สามีภรรยาจะมั่นคงยาวนาน เธอหยุดมองฉันด้วยความเกลียดชังแบบนั้นสักทีได้ไหม?” ฉีเติ่งเสียนมองดูสวีเอ้าเสวี่ยแล้วถามด้วยรอยยิ้ม

“เป็นสามีภรรยาแล้วจะเกิดความรักลึกซึ้งกันงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะแทงนายตั้งหลายครั้ง เพื่อตอบแทนน้ำใจของนาย!” สวีเอ้าเสวี่ยตอบด้วยรอยยิ้ม

หลังจากปรับสภาพจิตใจและอารมณ์ ในที่สุดเธอก็พบความรู้สึกบางอย่างในอดีตและไม่รู้สึกหดหู่อีกต่อไป

ฉีเติ่งเสียนยักไหล่และพูดว่า “เรากำลังจะบอกลากัน ฉันไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรกว่าเราจะได้พบกันอีก ฉันไม่อยากจากกันเลยจริงๆ”

สวีเอ้าเสวี่ยฟังด้วยใบหน้าเฉยเมยก่อนจะพูดว่า: “นายควรรักษาความหน้าซื่อใจคดเอาไว้ดีกว่า ฉันหวังว่านายจะคิดแบบนี้อยู่ ในตอนที่ฉันสามารถเอาคืนนายวันข้างหน้า!”

ฉีเติ่งเสียนยิ้มและพูดว่า: “ตกลง ฉันจะคอย! ฉันหวังว่าเธอจะทำให้ฉันประหลาดใจได้สำเร็จได้นะ”

เขาเก็บสวีเอ้าเสวี่ยไว้ข้างตัว ก่อนจะปล่อยให้สวีเอ้าเสวี่ยไป แน่นอนว่าเขามีความคิดบ้างอย่าง

การมีอยู่ของสวีเอ้าเสวี่ยสามารถเพิ่มความขัดแย้งระหว่างอวี้เสี่ยวหลงและตระกูล จ้าวได้ ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อเขามาก

ตระกูลจ้าวคือบอสตัวหลักที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา และเป็นผู้ร้ายที่คอยขัดขวางการกลับมาพบกันของครอบครัวของเขาเอง

“เมื่อเธอถึงเมืองหลวง หากเธอพบแม่ของฉัน ฝากทักทายแทนฉันด้วยนะ” ฉีเติ่งเสียนกล่าวอย่างสบายๆ

“ตกลง” แน่นอนสวีเอ้าเสวี่ยจะไม่ปฏิเสธคำขอนั้น ไม่อย่างนั้นเธออาจจะดูเป็นคนแล้งน้ำใจเกินไป

รถได้ขับเข้าไปในลานจอดรถชั้นใต้ดินของสนามบิน

หลังจากจอดรถในลานจอดรถแล้วสวีเอ้าเสวี่ยก็ปลดเข็มขัดนิรภัย เปิดประตูแล้วลงจากรถ

ฉีเติ่งเสียนลงจากรถ เขาต้องส่งเธอให้ถึงที่สุด ต้องให้เธอขึ้นเครื่องบินอย่างปลอดภัยพร้อมที่จะออกเดินทาง

การพรากจากกันไม่มีความโหยหาเหมือนคู่รักคู่อื่นๆ

“พอแล้ว ส่งตรงนี้ก็พอ ฉันคิดว่าเราคงมีโอกาสเจอกันได้บ่อยๆ” สวีเอ้าเสวี่ยยืนสง่าผ่าเผย รองเท้าส้นสูงเกือบเจ็ดเซนติเมตร ทำให้ขาของเธอดูยืดยาวขึ้นไปอีก

“เธอจะจากทั้งแบบนี้เหรอ? เธอควรจะทำอะไรก่อนจะจากกันไม่ใช่เหรอ?” ฉีเติ่งเสียน ยิ้มอย่างสบายๆ และยื่นมือออกไปให้สวีเอ้าเสวี่ย

สวีเอ้าเสวี่ยยิ้มเยาะ ยังต้องกอดกันอีกเหรอ !?

ฉีเติ่งเสียนยิ้มก่อนจะพูดว่า: “ฉันดูแลเธอเป็นอย่างดีและซื้อวิลล่าที่เธอขายไป คืนให้ด้วย เธอก็ไม่ควรขอบคุณฉันไม่ใช่เหรอ?”

สวีเอ้าเสวี่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วเธอก็พุ่งตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาตรงๆ

ฉีเติ่งเสียนกอดหยกนุ่มนิ่มที่มีกลิ่นหอมอบอุ่นแล้วถอนหายใจ

สวีเอ้าเสวี่ยกระซิบ: “ฉันต้องขอบคุณนาย ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันคงไม่มีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ!”

คำพูดของสวีเอ้าเสวี่ยนั้นนั้นเป็นความจริงทุกประการ เพราะเธอเสื่อมโทรมมากหลังจากความล้มเหลวในสงครามธุรกิจในครั้งนั้น แต่เป็นเพราะฉีเติ่งเสียนที่เ)นคนทำให้เธอรู้สึกถึงไฟแห่งการแก้แค้นอีกครั้ง

เหตุผลที่เธออยากจะกลับมาหลังจากที่เธอสิ้นหวัง ก็เพราะเธอแค่อยากจะแก้แค้นเอาคืนที่เธอต้องทนกับฉีเติ่งเสียนมานับครั้งไม่ถ้วน!

“คำพูดนี้ ฉันขอให้ต่อจากนี้เธอไม่สับสนอีก” ฉีเติ่งเสียนยิ้มและพูดเบา ๆ

สวีเอ้าเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมองฉีเติ่งเสียนอย่างจริงจัง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ฉันหวังว่านายจะไม่ถูกคนอื่นฆ่าก่อนที่ฉันจะฆ่านายแล้วกัน!”

ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยรอยยิ้ม: “ไม่หรอก ขาของเธอสวยขนาดนี้ ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก”

สวีเอ้าเสวี่ยรู้สึกถึงมือคู่หนึ่งไต่เลื้อยมาที่ขา

บางทีอาจเป็นเพราะเธอต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้มาบ่อยครั้ง ในครั้งนี้เธอจึงไม่รู้สึกรังเกียจเลย

สวีเอ้าเสวี่ยยิ้ม ก่อนจะหันหลังกลับเดินจากไป ก่อนเข้าสู่ประตูผู้โดยสารขาออก เธอหันกลับมาและเห็นฉีเติ่งเสียนยังคงมองมาที่เธอ

เธอยกมือขวาขึ้น ยกไว้ใต้คาง ก่อนจะทำท่าทางเชือดคอช้าๆ

จ้าวหางเปียพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “มีคนต้องการชีวิตของคุณมากเกินไป คุณสวี เพราะงั้นฉันเลยต้องมาที่นี่ด้วยตนเอง!”

สวีเอ้าเสวี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดด้วยรอยยิ้ม: “ถ้าอย่างนั้น ฉันต้องขอบคุณผู้อาวุโสจ้าว ที่ต้องให้คุณมาด้วยตนเองแบบนี้ ฉันเกรงใจมากจริงๆ”

จ้าวหางเปียพูดอย่างใจเย็น: “ไม่เป็นไร ตระกูลมอบความรับผิดชอบอันหนักหน่วงให้กับคุณ การที่ฉันออกมา ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

ทุกคนรู้ดีว่าจ้าวหางเปียไม่ค่อยได้ออกนอกสถานที่ บางทีเขาอาจจะกำลังส่งสัญญาณบางอย่างเมื่อเขาก้าวออกมาในครั้งนี้

ฉันเชื่อว่าหลังจากที่คนเหล่านั้นได้รับสารนี้ พวกเขาจะไม่มีเจตนาร้ายต่อสวีเอ้าเสวี่ยอีกต่อไป

สวีเอ้าเสวี่ยมองไปที่ชายชราที่แต่งตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาไม่สูงและหลังของเขาโก่งโค้งลงเล็กน้อย ผมขาว ใบหน้าของเขามีเหี่ยวรอยย่นตามกาลเวลา เหมือนฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถปกป้องตระกูลจ้าวมาเป็นเวลานับร้อยปี!

“คุณอยากรู้เกี่ยวกับฉันงั้นหรือ?” จ้าวหางเปียถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ เมื่อเห็นดวงตาของสวีเอ้าเสวี่ย

“ใช่” สวีเอ้าเสวี่ยตอบอย่างไม่อาย พร้อมทั้งพยักหน้าไปตรงๆ

“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันฉีเติ่งเสียนคนที่บังคับให้คุณสวีก้มหัวและทุบตีลูกศิษย์ของฉันจนตาย ในสายตาคุณสวี เขาเป็นคนยังไง?” จ้าวหางเปียพูดอย่างใจเย็น

เมื่อสวีเอ้าเสวี่ยได้ยินเขาพูดถึงชื่อนี้ ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป ใบหน้ามืดลงพร้อมทั้งยิ้มเย็นชา “เขาเป็นคนทั้งน่ารังเกียจทั้งสกปรก และแน่นอนว่าเขามีฝีมือไม่ได้ด้อยเลย แถมยังเก่งกาจมากจริงๆ!”

จ้าวหางเปียส่งเสียงเย็นชาในลำคอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ราวกับว่าการตายของจ้าวเหิงหยู่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา

สวีเอ้าเสวี่ยกล่าวว่า: “คุณจะลงมือเองงั้นหรือ?”

จ้างหางเปียไม่ตอบ

หลังจากขึ้นรถแล้วจ้าวหางเปียก็พูดอย่างช้าๆ: “ถ้าเขากล้ากลับมายังเมืองหลวง ฉันก็จะทำ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง