“เทควันโด?”
“นับเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ไม่เลว แต่น่าเสียดายที่เน้นการใช้ขามากไป การใช้ร่างกายส่วนบนในการต่อสู้เลยอ่อนด้อยไปหน่อย”
“ถ้าผนึกรวมกับมวยไท่เก๊กก็คงจะดีไม่น้อย”
ฉีเติ่งเสียนประเมินด้วยสีหน้าที่เฉยเมยหลังจากจัดการหลี่เฮ่าหมินเรียบร้อย
เฉินหยูเม้มปากและเอ่ยว่า “ทำหน้าแบบนี้แล้วดูหล่อมาก กิริยาท่าทางเหมือนปรมาจารย์ ผู้ชายคนนี้ เวลาแบบนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่น่ารักที่สุดแล้วไหม”
หลี่อวิ๋นหว่านพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ประมาณนั้น ปกติน่ะมักจะน่าทุบ!"
ทันใดนั้นสีหน้าเหล่าผู้คุ้มกันของซุนอิ่งซูก็เปลี่ยนไป พวกเขารีบมารุมล้อมตัวเธอไว้ คอยป้องกันเธออย่างแน่นหนา ไม่ปล่อยให้ฉีเติ่งเสียนมีโอกาสฉวยประโยชน์
“ทักษะของพวกนายแย่เกินไป ปกป้องคุณนายใหญ่สติ๊กไม่ได้หรอก ถ้าฉันจะฆ่าเธอจริงๆ ให้พยายามเพิ่มอีกเท่าตัวก็ยังเปล่าประโยชน์” ฉีเติ่งเสียนเอ่ยเรียบๆ เรื่อยๆ ในแววตาแฝงไปด้วยความเหยียดหยามและเยาะเย้ย
ปากของภู่ซิงซ่านแทบจะตกลงมากองอยู่บนพื้น แม้แต่อดีตแชมป์เทควันโดสากลก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉีเติ่งเสียนงั้นหรือ? อะไรจะแพ้ง่ายขนาดนี้ นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน!
เขาเองก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่ครู่ใหญ่เช่นกัน ก่อนหน้านี้มีอยู่หลายครั้งที่เขาเกือบจะเป็นฝ่ายไปลงมือกับฉีเติ่งเสียนก่อน โชคดีที่เขาทำไม่สำเร็จ ไม่อย่างนั้นคนที่ถูกทุบเป็นหมูเป็นหมาก็คงจะเป็นเขาเอง
ใบหน้าสวยๆ ของซุนอิ่งซูเหยเก ปกติเธอเป็นระดับบอสแถวหน้าของนายทุนซ่านซิง นึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกฉีกหน้าแบบนี้
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ซุนอิ่งซูก็กล่าวว่า “ก็แค่ต่อสู้เป็น ไร้ประโยชน์”
ฉีเติ่งเสียนกล่าวว่า “ไร้ประโยชน์ แต่ผมไม่ได้แค่สู้เป็น แต่ยังฆ่าเป็นอีกด้วย! ถ้าคุณอยากตายละก็ บอกผมได้ทุกเมื่อ”
ว่าแล้วฉีเติ่งเสียนก็ยิ้มและเอ่ยอีกว่า “กระบองน้อย อย่าเดิมพันน้อยกว่าร้อยล้านเลยดีกว่า ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำให้นายได้รู้ ว่ายมบาลหน้าตาเป็นอย่างไร”
ภู่ซิงซ่านกลืนน้ำลาย ภายในใจรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
ซุนเจ๋ออวี่ผู้เป็นเถ้าแก่ของบาร์แห่งนี้เพิ่งจะวิ่งเข้ามาตอนนี้นี่เอง เมื่อเห็นสภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเขาก็รีบร้อนถามว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ คุณนายซุน”
ซุนเจ๋ออวี่นามสกุลซุนเหมือนกัน แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดเกี่ยวข้องกับซุนอิ่งซู ตระกูลของซุนอิ่งซูมาจากอาณาจักรโคกูรยอ
“เถ้าแก่ซุน หมอนี้หยาบคายมาก เวลาฉันมาใช่จ่ายเงินที่บาร์ของคุณ ฉันไม่อยากเห็นคนต่ำๆ ประเภทนี้” ซุนอิ่งซูชี้นิ้วไปทางฉีเติ่งเสียนและเอ่ยอย่างมีเสน่ห์
ฉีเติ่งเสียนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย ซุนอิ่งซูคนนี้ช่างเป็นสาวใหญ่ที่มีเสน่ห์จริงๆ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเต็มไปด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของผู้หญิงที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผู้ชายตบะต่ำเห็นแล้วคงแทบจะควักลูกตาออกมายัดใส่อ้อมแขนของเธอ
ซุนเจ๋ออวี่ได้ยินซุนอิ่งซูบอกดังนั้น สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นทันที เขากล่าวว่า “คุณนายซุนคือคนที่จะมาเป็นบอสใหญ่ของบาร์เราในอนาคต ในเมื่อนายทำให้เธอไม่พอใจ งั้นก็อย่าหวังว่าจะเข้ามาที่บาร์แห่งนี้อีก ไสหัวไปซะ!"
ฉีเติ่งเสียนบอกว่า “เกิดมายังไม่เคยเห็นเถ้าแก่คนไหนเป็นฝ่ายไล่ลูกค้ามาก่อนเลย”
ซุนเจ๋ออวี่เอ่ยเสียงเย็นว่า “หยุดพูดพล่ามแล้วไสหัวไปซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันใช้วิธีโหดร้าย!"
ตอนนี้เองที่เฉินหยูก้าวออกมาและเอ่ยเรียบๆ ว่า “ตอนไหนกัน คุณนายซุนเป็นเจ้าของบาร์จินเฉิงตอนไหนกัน ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่อง”
เมื่อเห็นเฉินหยู ซุนอิ่งซูก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ จากนั้นจึงเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “พวกเรานายทุนซ่านซิงตกลงลงทุนกับเถ้าแก่ซุน เปลี่ยนบาร์จินเฉิงมาทำเป็นแฟรนไชส์ ดังนั้นยังไงฉันก็ต้องกลายเป็นบอสเขาอยู่แล้ว”
“อ๋อเหรอ ขอโทษทีนะ ฉันซื้อบาร์จินเฉิงแล้ว ฉันจะขอพูดตรงนี้เป็นครั้งสุดท้าย” เวลานี้เฉินหยูยิ้มและยื่นมือออกไปทางบอดี้การ์ด “หนึ่งร้อยล้าน”
บอดี้การ์ดชะงักไปนิดหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบเช็กหนึ่งใบออกมาให้เฉินหยูเซ็น
หลังจากเซ็นเช็ก เฉินหยูก็เดินไปตรงหน้าซุนเจ๋ออวี่และยัดเช็กลงในกระเป๋าเสื้อของเขาทันที จากนั้นจึงบอกว่า “เข้าใจแล้วใช่ไหม”
สีหน้าของซุนเจ๋ออวี่เปลี่ยนไป เขาเอ่ยเสียงเย็นว่า “ล้อเล่นอะไรกัน แค่เธอบอกว่าจะซื้อก็ซื้อเลยงั้นเหรอ ฉันไม่ยอม!"
ซุนอิ่งซูมีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย เธอเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่เคยมีปัญหาบาดหมางกับหนานหยางเฉินกรุ๊ป เธอคิดจะหาเรื่องฉันงั้นเหรอ”
“แค่ตัวเองคุณยังเอาตัวไม่รอด มาพูดแบบนี้กับฉันมันไม่ตลกไปหน่อยเหรอ” เฉินหยูชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะหัวเราะ
ซุนเจ๋ออวี่กล่าวว่า “คุณนายซุนไม่ต้องห่วง บาร์จินเฉิงจะเป็นของคุณคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าใครก็ทำอะไรไม่ได้!"
ขณะที่กำลังพูด โทรศัพท์มือถือของเขาก็ส่งเสียงขึ้นมา เมื่อหยิบขึ้นมาดูหมายเลขบนหน้าจอ เขาก็ดูแย่และสีหน้าก็ซีดเผือดขึ้นมาทันที
“ไงเสี่ยวซุน มีคุณหนูคนหนึ่งชอบบาร์ของนาย ขายให้เธอไปนะ”
“ไม่ว่าเธอจะจ่ายเท่าไรนายก็ขายไปเลย”
“ถ้าขาดทุนจะมีคนมาชดเชยให้ ถ้าได้กำไรก็ถือว่าเป็นของนายไปเลย”
ซุนเจ๋ออวี่กลืนน้ำลายอย่างยากเย็นก่อนจะเอ่ยว่า “ผะ... ผมเข้าใจละครับ ท่านวางใจได้”
ไม่ต้องสงสัยในอิทธิพลของหนานหยางเฉินกรุ๊ปในหัวกั๋ว ณ ตอนนี้ตระกูลเฉินยังคงเป็นใหญ่ในหนานหยางแต่เพียงตระกูลเดียว ดังนั้นตำแหน่งพวกเขาในหัวกั๋วจึงไม่มีทางสั่นคลอนได้เลย!
ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นอย่างตระกูลเฉิน ซึ่งไม่เคยลืมบ้านเกิดของตัวเองและยินดีขายวัตถุดิบจำนวนมากให้หัวกั๋วในราคาต่ำ
ยิ่งไปกว่านั้นวัตถุดิบเหล่านี้ก็ใช่ว่าจะหามาได้ง่ายๆ ต้องผ่านการปิดล้อมจากพวกประเทศตะวันตกตั้งหลายชั้นหลายซ้อน
ก่อนที่ตระกูลจ้าวจะเข้ามาในหนานหยาง สถานะและสิทธิ์ตามกฎหมายของตระกูลเฉินไม่มีอะไรมาสั่นคลอนได้ เพราะการสั่นคลอนตระกูลเฉินก็เท่ากับการสั่นคลอนผลประโยชน์ของชาติ
แม้ว่าบาร์แห่งนี้จะเปิดโดยคนใหญ่โตแห่งเมืองหลวง ถ้าแต่เฉินหยูกล่าวออกมาแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมปล่อยให้ไป
แม้ว่าซุนอิ่งซูจะเป็นนักธุรกิจต่างชาติคนสำคัญ แต่ในช่วงสำคัญแบบนี้ เทียบกับเฉินหยูแล้ว เธอยังเสียเปรียบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...