มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 554

การที่คนโบราณพูดว่าการจากลาสั้นๆ ก็เหมือนการแต่งงานใหม่นั้นก็ไม่ผิดหรอก

ฉีเติ่งเสียนต่อสู้กับความง่วงงุนตลอดทั้งคืน เขาทำให้นักฟุตบอลชายของจีนต้องร้องไห้ด้วยแฮตทริกอันน่าทึ่ง

อย่างน้อยที่สุด เขาจะไม่ปล่อยให้ใครก็ตามที่รอคอยเขาต้องร้องตะโกนออกมาว่า "เจนีวา คืนเงินมานะ"

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไมได้ส่งผลต่อการที่ฉีเติ่งเสียนจะต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อพาหยางกวนกวนและหงชงไปฝึกฝน อย่างไรก็ไม่ควรปล่อยให้คนรอเขานาน

ยิ่งกว่านั้น สถานการณ์ล่าสุดของหยางกวนกวนนั้นก็มีพัฒนาการที่ดี จึงจำเป็นต้องเสริมสร้างต่อไป

“ไปสอนกังฟูอีกแล้วหรอ?” หลี่อวิ๋นหว่านถามอีกครั้งโดยไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมา

“ใช่ การฝึกพวกนี้หากไม่ก้าวหน้าก็จะถดทอย ดังนั้นจะต้องฝึกต่อไปในทุกๆวัน” ฉีเติ่งเสียนพูดขณะที่เขาเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกายแล้ว

“ซื้ออาหารเช้าจากร้านหน้าสวนสาธารณะเซินไห่ให้ฉันด้วยนะ!” หลี่อวิ๋นหว่านเตือนเขา

ฉีเติ่งเสียนตอบตกลง เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลาและพบว่ามีข้อความเข้าจากอิเลียน่า จินวาส่งมา

อิเลียน่า จินวาเคยรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ของงานให้เขา หลังจากนั้นยังบอกเขาด้วยว่าเธอได้เล่นหมากรุกเมื่อวานนี้ หลักจากชนะแล้วเธอก็ออฟไลน์ทันที

ภาพโปรไฟล์ของอิเลียน่า จินวาเป็นภาพที่ฉีเติ่งเสียนเป็นคนถ่ายให้เอง แต่ถูกตัดเอาเฉพาะครึ่งบนเท่านั้น

เพราะครึ่งล่างของภาพนั้นเป็นเรียวขายาว ถึงแม้จะงดงามแต่มันก็ไม่เหมาะสมสำหรับตั้งเป็นภาพโปรไฟล์ และไม่ควรโชว์ให้ใครเห็น

“ยังคงเป็นสาวน้อยที่ขยันขันแข็ง” ฉีเติ่งเสียนคิดในใจ จางนั้นเขาก็ไปที่สวนสาธารณะเซิ่นไห่อย่างตรงเวลา

หยางกวนกวนและหวงชงกำลังอุ่นเครื่องกันอยู่ ทั้งสองคนมัดแขนเข้าด้วยกัน แล้วผลัดกันดนเพื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของแรก

หลังจากที่รู้ว่าหยางกวนกวนมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นอาจารย์แม่ของตัวเอง หวงชงจึงไม่กล้าคิดอะไรเกินเลยกับเธออีก แม้แต่การยืนอยู่ต่อหน้าเธอเขาก็ทำได้โดยไม่แม้แต่จะหันตาไปทางอื่น ละทิ้งสัญชาตญาณของผู้ชายที่เขาไม่สามารถละทิ้งได้

ฉีเติ่งเสียนยืดเส้นยืดสายและพูดว่า “มาฝึกกันเถอะ วันนี้ฝึกกลยุทธ์กัน”

ศิลปะการต่อสู้แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ บำรุง ฝึก ตี และแสดง โดยบำรุงร่างกายเป็นอันดับแรก รองลงมาคือการฝึกฝน ถัดมาเป็นวิธีการตี และสุดท้ายคือการแสดง

แต่ในทางปฏิบัติแล้ว การฝึกฝนและการใช้จริงนั้นแตกต่างกันมาก เมื่อคุณฝึกฝน คุณทำแบบนี้ แต่เมื่อคุณต่อสู้ คุณต้องทำอย่างนั้น

เช่นเดียวกันกับไท่จี๋โบราณของอวี้เสี่ยวหลง ซึ่งมักจะฝึกด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย แต่เมื่อถึงเวลาต่อสู้จริง พลังที่ระเบิดออกมาจากร้างกายนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่ามวดแปดสุดยอดเลย

ในช่วงนี้ฉีเติ่งเสียนไม่ได้มีอะไรใหม่ๆมาสอน เขาทำเพียงแค่ถ่ายทอดแนวคิดและหลักการต่อสู้ที่เขาเข้าใจ แล้วบางครั้งก็มีการลงมือปฏิบัติจริงเพื่อการฝึกซ้อมบ้าง

การฝึกศิลปะการต่อสู้เป็นเรื่องของการเรียนรู้ทีละขั้น บางส่วนต้องปฏิบัติตามสัญชาตญาณ ส่วนอื่นต้องพยายามเอาชนะสัญชาตญาณ ไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ภายในหนึ่งวันหรือหนึ่งคืน

เมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ฉีเติ่งเสียนก็สังเกตเห็นจ้าวหงหนีเดินถือกระเป๋าเล็กๆของเธอมาที่นี่

จ้าวหงหนีเดินมาด้วยสีหน้ามืดหม่น เมื่อเธอเห็นฉีเติ่งเสียนแล้วก็พูดขึ้นทันทีว่า “รอบต่อไป!”

ฉีเติ่งเสียนส่ายหัวของเขาและพูดออกมาว่า “มันเหนื่อยมาก สมองไม่ได้ฟื้นฟูได้เร็วขนาดนั้นหรอกนะ!”

"ทักษะของคุณถึงขั้นนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ฝึกฝนสมองให้ดีขึ้น อย่ามาหาข้ออ้างไร้ประโยชน์ให้ฉันฟังอีก!" จ้าวหงหนีพูดด้วยความไม่พอใจ

เมื่อคืนนี้เธอรู้สึกไม่สบายใจและไม่ถูกต้อง และเมื่ออิเลียน่า จินวามาศึกษาหมากรุกของเธอ เธอก็ได้รับบทเรียนอันรุนแรงจากหมากตานั้น

ในหมากรุกนั้น จ้าวหงหนีไม่สามารถหาฟอร์มอันเก่งกาจของตัวเองได้จนกระทั่งช่วงหลังของเกม แต่เมื่อสถานการณ์พลิกผันไปแล้ว เธอก็พ่ายแพ้อย่างเลวร้ายที่สุด

นี่คือการพ่ายแพ้ที่เลวร้ายที่สุดของเธอ พอเธอคิดจะเล่นเกมที่สอง อีเลียน่า จินวาก็ทำตามคำแนะนำของฉีเติ่งเสียนซึ่งเกือบทำให้เธอโกรธจนนอนไม่หลับทั้งคืน

สำหรับนักหมากรุกมืออาชีพอย่างเธอ การชนะหรือแพ้เป็นเพียงเรื่องปกติของการทำสงคราม แต่การแพ้ให้กับฉีเติ่งเสียนนั้นเธอยากที่จะยอมรับจริงๆ

ฉีเติ่งเสียนพูดเสียงต่ำว่า “เมื่อวานหลังจากเล่นหมากรุกกับเธอแล้ว ฉันยังต้องใช้เวลาถึงตีสามกับผู้หญิงของฉัน และตอนนี้ฉันก็มาฝึกศิลปะการต่อสู้ที่สวนสาธารณะตั้งแต่ตีห้า แม้ว่าฉันจะฝึกสมองให้ดีขึ้น แต่ก็ไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วขนาดนั้น เธอตั้งใจจะทำให้ฉํนหมดเลือดตายอยู่บนกระดานหมากรุกและกลายเป็นวิญญาณหมากรุกเพื่อไปคอยชี้แนะเด็กอัจฉริยะคนใดคนหนึ่งในอนาคตหรอ?”

จ้าวหงหนีได้ยินดังนั้นก็มุมปากกระตุก เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเกมหมากรุกกับคนธรรมดาถึงได้เก่งขนาดนี้

“มากกว่าครึ่งคงเป็นเช่นนั้น จ้าวหงหนีไม่ยอมอยู่กับที่บ้าน ออกมาเผชิญโลกกว้างคนเดียว”

“หลายปีผ่านไป คาดว่าตระกูลจ้าวเองก็ไม่อยากจะพูดกับเธอไปมากกว่านี้ พวกเขาจึงส่งจ้าวหงซิ่วมาจับเธอกลับไป”

“ไม่แปลกใจเลยที่เธอบอกเหลือเวลาไม่มากแล้ว”

ฉีเติ่งเสียนมองไปที่จ้าวหงหนีที่เดินจากไป และเต็มไปด้วยความคิดในใจ

หลังจากจบจากการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ลงแล้ว ฉีเติ่งเสียนก็ได้แวะที่ปากทางเข้าสวนสาธารณะเซินไห่เพื่อซื่อเสี่ยวหลงเป่าให้หลี่อวิ๋นหว่าน

ระหว่างทางเขายังได้รับโทรศัพท์จากหม่าหงจุน

การที่หม่าหงจุนจะมาแทนที่สวี่อานนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด

หลักจากที่สวี่อานตายไปแล้ว ก็มีคนหลายคนที่มีความคิดเช่นนี้กระโดดตัวออกมา และด้วยอำนาจของหม่าหงจุนคนเดียวก็ไม่สามารถจะจัดการสถานการณ์เหล่านี้ได้

“โอเค ฉันจะช่วยคุณในเรื่องนี้” ฉีเติ่งเสียนคิดก่อนครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลง

จังหวัดตงไห่กลายเป็นฐานหลักของเขาแล้ว ดังนั้นจำเป็นต้องดำเนินการอย่างมั่นคงมากกว่าเดิม

การสนับสนุนให้หม่าหงจุนกลายเป็นผู้ถือหางเสือเรือหลักของสาขาย่อยของหลงเหมิน ในจังหวัดตงไห่นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อเขา และไม่มีอะไรเสียหายเลยแม้แต่น้อย

เมื่อหม่าหงจุนได้ยินว่าว่าฉีเติ่งเสียนตอบตกลงแล้ว เขาก็ไม่อาจซ่อนความดีใจเอาไว้ได้อีกต่อไป และพูดว่า “งั้นผมจะรอข่าวดีจากคุณนะครับ! และในวันประชุมใหญ่ผมหวังว่าคุณจะมาให้กำลังใจผม!”

ฉีเติ่งเสียนตอบ “โอเค งั้นก็ตามนี้ ฉันยังมีธุระอื่นอีก วางสายก่อนนะ”

หม่าหงจุนหัวเราะและพูดว่า “ผมเจอสาวลูกครึ่งที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ยังมีเวอร์จิน่าอีกด้วย วันนี้คุณฉีจะมาดื่มเหล้ากับพวกเรามั้บครับ?”

ฉีเติ่งเสียนได้ยินคำพูดนั้นก็ไม่อาจซ่อนความรู้สึกรังเกียจที่เกิดขึ้นในใจของเขาได้เลย เขาสามารถแสร้งทำท่าในบาร์ได้ แต่ไม่สามารถทนต่อทัศนคติที่ไม่ใส่ใจชีวิตมนุษย์ของหม่าหงจุนได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง