ฉีเติ่งเสียนถูกกอดด้วยแขนเรียวหยกนุ่มอบอุ่นมีกลิ่นหอม ครู่หนึ่งเขารู้สึกสติกระเจิดกระเจิงไปแล้วจริงๆ
ในชีวิตเขาแทบไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้หญิงเลย
“คุณฉี ถ้าเขตตัดสินใจพัฒนาดินแดนแห่งความตายเป็นเขตการค้าจริงๆ มูลค่าที่ดินหนึ่งเอเคอร์*ก็จะเกือบหลายสิบล้านนะสิ!” ( 1 ไร่ : 0.3333 เอเคอร์)
“ตอนนี้นายมีที่ดินอยู่ในมือเท่าไหร่?”
หลี่อวิ๋นหว่านกอดคอของฉีเติ่งเสียนไว้แน่น พร้อมทั้งนั่งลงบนตักของเขาโดยไม่ลังเล ก่อนจะเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี
ฉีเติ่งเสียนพยายามสงบสติอารมณ์ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดช้าๆ: “ที่ดินนี้ถูกจำนองโดยกลุ่มจังกรุ๊ปในสัญญาจองซื้อหุ้น ฉันรวบรวมทีละเล็กทีละน้อยได้เกือบสามสิบล้านและฉันมีเกือบสองร้อยเอเคอร์อยู่ในมือ”
“สามสิบล้านรวบรวมที่ดินได้สองร้อยเอเคอร์?!!!” หลี่อวิ๋นหว่านเกือบเป็นลม
“ใช่ ที่ดินตรงนั้นเดิมมีการวางแผนสำหรับทำการเพาะปลูก มันเป็นนโยบายพิเศษ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นที่ดินแห้งแล้ง อสังหาริมทรัพย์ของตระกูลจัง ซื้อมันเพียงเพื่อรองรับรัฐบาลและนโยบายจากเบื้องบน เมื่อได้มาแล้วมันก็ถูกทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งาน”
“เมื่อตอนที่พวกเขาเริ่มไม่ไหว พวกเขายึดที่ดินทั้งหมดในดินแดนแห่งความตายและใช้เป็นหลักประกันในการลงนามในสัญญาจองซื้อหุ้น ตระกูลเฉียวลำพังใช้เงินไปเกือบหกสิบล้าน ฉันไม่มีเงินจึงรับไปสามสิบล้าน อีกสองร้อยเอเคอร์ที่เหลือควรอยู่ในมือของชิวเมิ่ง”
หลี่อวิ๋นหว่านบ่นออกมา: “ถ้าฉันรู้ก่อนฉันจะจองซื้อหุ้นอสังหาริมทรัพย์ของจัง ตอนนี้ฉันคงได้ที่ดินนี้ไปแล้ว!”
ฉีเติ่งเสียนส่ายหัวและพูดว่า: “ในเวลานั้นเมืองยังไม่ได้ข้อสรุป ยิ่งกว่านี้เธอไม่ทราบข่าวอสังหาริมทรัพย์ของจังที่โดนล้มละลาย เธอคงไม่รู้สึกเสียดายแบบนี้หรอกใช่ไหม?”
หลี่อวิ๋นหว่านยังรู้สึกว่านี่เป็นพร ไม่ใช่คำสาป เรียกว่าคำสาปไม่ได้
หากใช้เงินเพื่อซื้อหุ้นของจังกรุ๊ป คงไม่สามารถอยู่ในบริษัทได้อีกต่อไป และจะถูกแทงจนตายได้
ใครจะคิดว่าดินแดนรกร้างที่ถูกทิ้งไว้โดยอสังหาริมทรัพย์ของจังกรุ๊ปที่ล้มละลายและหนีไปพร้อมกับเงินก้อนโต จะกลายเป็นดินแดนแห่งขุมสมบัติภายใต้การตัดสินใจของเมือง
หลี่อวิ๋นหว่านทำการคำนวณคร่าวๆ หากการคำนวณขึ้นอยู่กับระดับเศรษฐกิจของ จงไห่และนโยบายของเมืองดินแดนแห่งความตายห้าล้านหยวนต่อหนึ่งเอเคอร์เป็นประเมินการแบบคร่าวๆ และ แปดล้านหยวนต่อหนึ่งเอเคอร์สำหรับทำเลที่ดีบางจุด หากบางจุดทำเลดีมากๆ มากกว่าสิบล้านก็ไม่ใช่ปัญหา
ดังนั้น ที่ดินที่อยู่ในมือของฉีเติ่งเสียนเพียงอย่างเดียวก็มีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งพันล้านแล้ว
“นี่เป็นพรจากสวรรค์จริงๆ มีคนกำลังจะรวย ใครก็ฉุดไม่อยู่!” หลี่อวิ๋นหว่านอดไม่ได้ที่จะกลอกตา โดยลืมไปเลยว่าเธอยังคงนั่งอยู่ในบนตักพร้อมกับอ้อมแขนที่โอบรอบคอฉีเติ่งเสียน.....
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็หันมองไปที่ฉีเติ่งเสียน ดวงตาของเธอเป็นประกายแล้วพูดว่า: “คุณฉี จะมอบพื้นที่กี่เอเคอร์ให้กับมู่จือกรุ๊ปเหรอ?”
“แน่นอน ฉันไม่สามารถให้เธอฟรีๆ นี่เป็นเพียงวิธีในการขัดขวางหู่เหมินกรุ๊ปเท่านั้น” ฉีเติ่งสียนส่ายหัว เขาไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องเงินเรื่องทอง แต่เขาก็ไม่สามารถเอาไปโยนทิ้งขว้างได้
“โอ้... คุณฉี! ขอแค่สิบหรือยี่สิบเอเคอร์เท่านั้นก็พอแล้ว!” หลี่อวิ๋นหว่านพูดอย่างตื่นเต้น ร่างกายอันสง่างามของเธอเคลื่อนไหวในอ้อมแขน
“ถ้ามันไม่ได้ผล เราจะกู้เงินมาก่อน แล้วนายก็สามารถโอนที่ดินให้กับมู่จือกรุ๊ปได้ จากนั้นเราจะเริ่มพัฒนา”
“นายจะได้รับเงินปันผลจากเงินที่ได้รับจากการพัฒนา และเมื่อเรามีเงินทุนเพียงพอ เราก็จะคืนเงินที่ดินให้กับนายด้วยเช่นกัน!”
ฉีเติ่งเสียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เซี่ยงกรุ๊ปดูถูกที่ดินมูลค่าหลายพันล้าน ในแง่ของอสังหาริมทรัพย์สำหรับเซี่ยงกรุ๊ปที่จะมีที่ดินแดนแห่งยุคใหม่แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว
ทางด้านเฉียวกรุ๊ปนั้น เฉียวชิวเมิ่งยังคงมีพื้นที่ในมืออีกสองร้อยเอเคอร์ ซึ่งเพียงพอแล้ว หากมีมากกว่านี้ ก็จะดึงดูดความโลภของจากผู้คนอาจจะทำให้กลายเป็นหายนะได้
“แบบนั้นก็ได้ มันเป็นความผิดของฉันที่ทำให้เธอพลาดที่ดินที่อสังหาริมทรัพย์ของจังกรุ๊ปที่ถูกทิ้งไว้ เมื่อถึงเวลาเธอก็พัฒนาพื้นที่สองร้อยเอเคอร์นี้ แต่ถึงอย่างนั้นเม็ดเงินก็ไม่ควรสูญหายไป”ฉีเติ่งเสียนกล่าวอย่างสบายๆ
“หากฉันไม่สามารถตอบแทนด้วยเงิน ฉันจะชำระด้วยร่างกายของฉันแทนได้ไหม?” หลี่อวิ๋นหว่านถามอย่างน่าสงสาร โดยจับแขนของฉีเติ่เงสียนแล้วเขย่าด้วยมือเล็ก ๆ ของเธอ และจงใจยกมุมกระโปรงของเธอขึ้นเผยให้เห็นขาเรียวเล็กของเธอดูแวววับภายใต้แสงไฟ
“หึ! ไม่ตกลง... ถ้าฉันจ่ายด้วยร่างกาย ฉันจะได้ผู้หญิงเพียงคนเดียว ถ้าจ่ายด้วยเงิน ฉันก็จะได้ผู้หญิงหลายคน!” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างมั่นใจ และตบมือเล็ก ๆ ของหลี่อวิ๋นหว่าน
หลี่อวิ๋นหว่านตกตะลึงกับคำพูดเหล่านี้ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็ส่งเสียงคำราม: “ไอ้ผู้ชายเฮงซวย! ฉันจะต้องเปิดเผยหน้ากากหน้าซื่อใจคดของนายต่อหน้าเมิ่งเมิ่งให้ได้!”
ฉีเติ่งเสียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “ในสายตาของเธอ ฉันไม่เคยถูกมองว่าเป็นผู้ชายที่ดีเลยหรือไง”
“ไม่เป็นไรหรอก อยู่กับฉัน นายจะมีที่ที่สำหรับนายเสมอ!” หลี่อวิ๋นหว่านพูดอย่างภาคภูมิใจ เธอกอดรอบคอของฉีเติ่งเสียนและจูบปากเขาอย่างแรง
“นี่คือจูบแรกของฉัน!”
“ธุรกิจมีผลกำไรไม่แน่นอน ถ้าฉันไม่สามารถหาเงินเพื่อชดใช้นายได้ ฉันจะจ่ายคืนให้นายด้วยร่างกายของฉัน และนี่จะถือเป็นดอกเบี้ย!”
หลังจากพูดแบบนี้ หลี่อวิ๋นหว่านก็ตระหนักว่าเธอใจร้อนเกินไป และใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ คราวนี้เธอไม่ต้องการเร่งเร้าเขา เธอหันหลังกลับแล้วกลับไปที่ห้อง ก่อนโบกมืออย่างสง่างามแล้วพูดว่า “ไปพักผ่อนแล้ว!”
ฉีเติ่งเสียนนั่งสบาย ๆ บนโซฟาและตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วก่อนเอ่ยตำหนิ: “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไอ้พวกสารเลวในคุกชอบเล่าเรื่องตลกสกปรก ตอนไม่มีอะไรจะทำ.....”
ขณะที่เขาพูด เขาก็ทำท่านวดด้วยมือแล้วบ่นว่า “เหมือนว่ามันใหญ่มาก”
เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนจะรุ่งสาง หลี่อวิ๋นหว่านจากไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกว่าเมื่อวานนี้เธอหุนหันพลันแล่นเกินไป หากเธอไม่แสดงความยับยั้งชั่งใจ ฉีเติ่งเสียนอาจเข้าใจผิดว่าเธอเป็นคนง่ายๆ เกินไป
หลังจากอีกคืนที่ที่หัวสมองของฉีเติ่งเสียนเต็มไปด้วยเรื่องขา จนกระทั่งช่วงบ่ายได้รับโทรศัพท์จากเฉียวชิวเมิ่ง โดยบอกว่าได้นัดหมายกับหัวหน้าโครงการของ เซี่ยงกรุ๊ปเพื่อรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน และได้ขอให้เขาไปด้วยกัน......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...