มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 159

กระบี่นี้ ไม่เพียงแต่เป็นการรวมตัวของเพลิงมรณะ แต่ยังผสานเจตนาฆ่าของเขาเข้าไปด้วย ราวกับค่อยแอบแทรกซึมเข้าไปในกระบี่เล่มนี้

“ข้าเคยบอกแล้วว่า ดาบเร็วของเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้ !”

การสำนึกของโม่โจวผูกติดอยู่กับกระบี่ เขาขยับตัว ทำให้กระบี่ของหลัวซิวแทงทะลุอากาศไป

แต่ทว่า เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ถูกกระบี่ทำร้ายเข้า แต่กลับมีพลังรุนแรงปกคลุมรอบตัวเขา ทำให้โม่โจวรู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังถูกฉีกออก

“นี่มัน......หรือว่านี่คือห้วงกระบี่ ?”

โม่โจวใจเต้นรัว แต่เขาก็รีบปฏิเสธการคาดเดาของตนเองทันที เพราะหากเป็นห้วงกระบี่จริง กระบี่ที่แทงมาเมื่อครู่ คงพรากชีวิตเขาไปเรียบร้อยแล้ว

ห้วงยุทธ์ไม่ใช่สิ่งที่แดนพรสวรรค์จะตระหนักรู้และเข้าใจได้

เพราะห้วงยุทธ์ ต้องใช้พลังการสำนึกเพื่อควบคุม ซึ่งนี่หมายความว่า เกณฑ์ต่ำสุดที่จะตระหนักรู้แล้วเข้าใจห้วงยุทธ์ จะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในแดนฝึกจิต

เมื่อครู่ หลังซิวได้ส่งผ่านเจตนาฆ่าไปที่ดาบเร็ว เพราะไม่มีการสำนึก ถึงแม้จะไม่สามารถตระหนักรู้ห้วงกระบี่ได้ แต่กลับสัมผัสได้ถึงความลึกลับบางอย่างของห้วงกระบี่

“พลังแปรเสวียนเทียน !”

หลัวซิวใช้ดาบอีกครั้ง แต่ดาบยังไม่ทันจะฟันลงไป ก็เกิดไอสังหารเลือดพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง ทำให้โม่โจวรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ทำให้เขาเข้าใจในทันทีว่า ถึงแม้เด็กหนุ่มผู้นี้จะยังไม่เข้าใจห้วงกระบี่ แต่กลับสัมผัสถึงความลับบางอย่างที่อยู่ในห้วงกระบี่เรียบร้อยแล้ว

ดาบนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยพลังแปรเสวียนเทียนหกเท่า ปราณกระบี่เปลวไฟดำพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และแผ่รัศมีอันน่าสะพรึงกลัว ที่ดูราวกับจะสามารถทำลายทุกสิ่งให้แหลกเป็นผุยผงได้ออกมา

กระบี่นี้รวดเร็วถึงขนาดการสำนึกไม่อาจจับการเคลื่อนไหวของมันได้ แม้แต่อากาศก็ถูกฉีกออกจากกัน ปรากฏแสงวาบราวกับฝนดาวตก

“ห้วงกระบี่หรือ ? ดูเหมือนจะยังขาดอะไรไปบางอย่าง......”

การรวมตัวกันของเจตนาฆ่าและดาบเร็ว ทำให้หลัวซิวสัมผัสได้ถึงต้นแบบของห้วงกระบี่

กระบี่เล่มนี้เกิดประกายของเปลวไฟดำขึ้นมาในทันใด ทั้งเฉียบคงและแข็งแกร่ง

“หยุดก่อน ! ข้าไม่ใช่ศัตรูของเจ้าอีกแล้ว”

ภายใต้กลิ่นอายของไอสังหารเลือด โม่โจวส่งเสียงคร่ำครวญออกมา และถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว

กระบี่นี้ การสำนึกไม่อาจจับร่องรอยการเคลื่อนไหวได้ เขารู้ดีว่าไม่อาจป้องกันได้ หากยังไม่ยอมแพ้อีก เกรงว่าคงจะต้องกลายเป็นวิญญาณที่ตายอยู่ภายใต้กระบี่เล่มนี้

เมื่อเห็นโม่โจวล่าถอยด้วยความกลัว ฝูงชนต่างตกตะลึง โม่โจวผู้สูงส่งที่อยู่ถึงระดับแดนฝึกจิตครึ่ง แต่กลับยอมแพ้ให้กับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ?

เด็กหนุ่มคนนี้ดูเหมือนว่าจะมีอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น ?

เด็กหนุ่มอายุสิบห้าปี แต่สามารถโจมตีปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตได้ คงเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาด !

หากวันใดวันหนึ่งข้างหน้าก้าวเข้าไปในแดนราชายุทธ์ ไม่แน่ว่าตำแหน่งผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของเขตการปกครองโตว้ไห่ อาจมีการเปลี่ยนมือจริง ๆ

หลัวซิวแสยะยิ้มออกมา พลังของกระบี่ยังคงไม่ลดลง

“เจ้าคิดจะฆ่าข้าเพื่อเอาใจสำนักเหลยหวู่ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า แต่กลับคิดจะให้ข้าเห็นใจ ในโลกนี้มีเรื่องดีเช่นนี้ที่ไหนกัน ?”

หลัวซิวยังไม่ทันจะพูดจบ คมดาบของกระบี่ก็แทงทะลุลำคอของโม่โจวเรียบร้อยแล้ว

กระบี่ที่อาบไปด้วยเลือดถูกดึงออกมา โม่โจวล้มลงไปกับพื้น เลือดไหลทะลักออกมาจากแผล

บริเวณใกล้ ๆ หลัวซิว มีร่างที่ไร้วิญญาณของจอมยุทธ์ใหญ่สามท่าน และปรมาจารย์ยุทธ์อีกหนึ่งท่านนอนนิ่งอยู่

เลือดฉาบไปทั่วพื้นดิน ทำให้ผู้พบเห็นต่างรู้สึกตื่นตกใจ

กวาดสายตามองไปรอบ ๆ นอกจากปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตเพียงไม่กี่คน คนอื่น ๆ ต่างไม่มีใครกล้าสบตาเขา

เช้ง !

เก็บกระบี่กลับเข้าฝัก จากนั้นหลัวซิวก็เดินจากไป ฝูงชนต่างเปิดทางให้เขา ไม่มีใครกล้าขัดขวาง

ปรมาจารย์ยุทธ์ที่เหลืออยู่ไม่กี่คนเหล่านั้น ไม่ใช่คนของสำนักเหลยหวู่ พวกเขาต่างมองดูชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำเดินจากไปด้วยแววตาที่สั่นคลอน

หากฆ่าเด็กหนุ่มคนนี้ได้ ไม่แน่ว่าอาจผูกมิตรกับสำนักเหลยหวู่ได้

ชายชุดดำไม่รู้สึกโกรธแต่กลับหัวเราะออกมา เขาเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า และมายืนอยู่ตรงหน้าหลัวซิว

ดาบขึ้นสนิมเปล่งประกายพลังที่รุนแรงออกมา และแทงเข้าไปที่หน้าอกของหลัวซิว

หลัวซิวดึงกระบี่ออกจากฝัก เขายกกระบี่ขึ้นป้องกัน พลังที่พุ่งออกมาจากดาบทำให้ตัวของเขาลอยกระเด็นไป และร้องคร่ำครวญออกมา

ปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตทรงพลังอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือว่าพลัง จอมยุทธ์ใหญ่และฝึกจิตครึ่งต่างไม่อาจเทียบได้

ระดับวิชาดาบของอีกฝ่าย เทียบเท่ากับดาบเร็วของเขา ล้วนแต่อยู่ในแดนบริบูรณ์

ซึ่งส่วนนี้ หลัวซิวไม่เกิดข้อได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย

อีกทั้งอีกฝ่ายยังมีการสำนึก พลังจิตแท้ ซึ่งเรียกได้ว่ามีความสามารถที่เหนือกว่าเขาในทุกด้าน

การโจมตีหนึ่งครั้งทำให้ต้องล่าถอย แต่ใบหน้าของหลัวซิวกลับเผยรอยยิ้มออกมา “เจ้ายิ่งแข็งแกร่งยิ่งดี ข้ากลัวว่าเจ้าจะแข็งแกร่งไม่พอ”

ไอสังหารเลือดแผ่ซ่านออกมา หลัวซิวผสานเจตนาฆ่าเข้ากับวิชากระบี่ ทำให้เกิดต้นแบบของห้วงกระบี่ขึ้น

“สัมผัสถึงบางส่วนของห้วงกระบี่แล้วหรือ ? แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ห้วงกระบี่ของจริง”

หังเซี่ยงเฉินผงะไปเล็กน้อยในตอนแรก แต่ก็กลับมาหัวเราะเยาะในทันที การสำนึกพุ่งเป้ามาที่หลัวซิว และไม่เกรงกลัวต่อแรงกดดันจากไอสังหารเลือดเลยม้แต่น้อย

ถึงแม้ไอสังหารเลือดของหลัวซิวจะรุนแรง แต่ก็สร้างแรงกดดันต่อผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าการฝึกจิตเท่านั้น หากต้องการสร้างผลกระทบต่อปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิต สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำก็คือการฆ่าปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิต และผนึกรวมไอสังหารที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

วิชาท่าร่างที่หังเซี่ยงเฉินผู้นี้ใช้ รวดเร็วกว่าวิชาเศษเงาสิบช่องของหลัวซิว ดาบขึ้นสนิมที่อยู่ในมือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนไม่อาจคาดเดาได้ การโจมตีนั้นยากที่จะป้องกัน

เวลาเพียงช่วงสั้น ๆ หลัวซิวก็ถูกดาบแทงเข้าไปหลายแผล ทั่วทั้งตัวของเขาเปียกโชกไปด้วยเลือด ส่วนชุดคลุมยาวดำถูกพลังอันน่ากลัวของมีดฟันขาดจนกลายเป็นเศษผ้า

ถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน แต่หลัวซิวก็เป็นร่างยุทธ์ขั้นสูงแดนร่างเนื้อ จึงพอจะป้องกันได้หลายครั้งจนไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต

วิชาท่าร่างวิชาเงาเศษสิบช่องถูกสำแดงออกมาอย่างเต็มกำลัง หลังซิวพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลบแสงของดาบที่ฟันลงมานับครั้งไม่ถ้วน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ