“ตุบ !”
ภายใต้สายตาที่จับจ้องของทุกคน หลัวซิวเดินไปยังโต๊ะรับรอง แล้วฟาดใบสมัครลงโต๊ะ จากนั้นจึงหันมองเจียงชานชานด้วยรอยยิ้ม
“น้องชาย ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บนะ หรือว่าเจ้ากลัวจึงถอนตัวเสียก่อน ไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบ ?” เจียงชานชานมองพิจารณาหลัวซิว แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“พี่สาวคนสวย แล้วถ้าข้าบอกว่าข้าผ่านการทดสอบล่ะ ?” หลัวซิวเองก็ยิ้มเช่นกัน อันที่จริงแล้วเขารู้ดีว่าการที่เจียงชานชานเตือนเขาก็เพราะเป็นห่วง เขาแค่รู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้น่าสนใจ อาจเป็นเพราะได้รับอิทธิพลจากบรรยากาศของแก๊งนักล่าอสูรภายในห้องโถงใหญ่ ทำให้นิสัยของเขาดูโผงผางขึ้นมาก
คนของโจวหลงและโกวหูจื่อทั้งสองฝ่าย ต่างก็กำลังจับจ้องความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น พวกเขาอยากรู้ว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไรกันแน่
เจียงชานชานมองค้อนหลัวซิว จากนั้นจึงชี้นิ้วไปที่ริมฝีปากแดงระเรื่อแล้วหัวเราะ : “น้องชาย ไม่ใช่ว่าพี่สาวดูถูกเจ้าหรอกนะ ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น5แทบจะไม่มีโอกาสผ่านการทดสอบเลยด้วยซ้ำ ถ้าหากเจ้าผ่านการทดสอบจริง พี่สาวจะขอตามจีบเจ้าเป็นอย่างไร ?”
“พรวด !”
หลายคนที่กำลังดื่มเหล้าอยู่ในห้องโถงใหญ่ เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ต่างก็สำลักออกมา และตกตะลึงอ้าปากค้าง
“โถ่เอ๊ย ทำไมข้าถึงไม่โชคดีแบบนี้บ้างนะ ให้สาวงามชานชานตามจีบ !”
“ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี หรือว่าชานชานจะชอบเจ้าหมอนี่จริง ๆ ชอบหญ้าอ่อนอย่างนั้นหรือ ?”
“บ้าเอ๊ย ข้าขอสาปแช่งให้เจ้าหมอนี่ไม่ผ่านการทดสอบ !”
คนในห้องโถงเริ่มกรูกันเข้ามาแล้วส่งเสียงตะโกน : “เจ้าหนู รีบบอกมาเร็วเข้าว่าตกลงเจ้าผ่านการทดสอบหรือไม่”
หลัวซิวหัวเราะเบา ๆ จากนั้นจึงเลื่อนฝ่ามือออกจากใบสมัคร “คนสวย อย่าลืมคำพูดเมื่อครู่ของเจ้านะ”
สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่ใบสมัคร คำว่า “ผ่าน” ปรากฏอยู่อย่างชัดเจน ทำให้บรรยากาศในห้องโถงใหญ่เงียบสงัดลงทันที
“บ้าเอ๊ย นี่มันเรื่องโกหกใช่ไหม ?”
ดวงตาของโกวหูจื่อเบิกโพลง บนกระดาษทดสอบเขียนคำว่า “ผ่าน” เอาไว้ ราวกับว่าเขาถูกตบหน้าฉาดใหญ่
“พูดจาเหลวไหลอะไรกัน ! ใครจะกล้าโกงการทดสอบนักล่าอสูร ?” โจวหลงแสยะยิ้ม เขาจ้องมองโกวหูจื่อ และพูดว่า : “ชื่อที่เขียนอยู่บนใบสมัครเป็นชื่อของผู้อาวุโสจวง เจ้ากล้าสงสัยผู้อาวุโสอย่างนั้นหรือ ?”
จากการวิพากษ์วิจารณ์ของบรรดานักล่าอสูร ทำให้หลัวซิวได้รู้ว่าชายชราชุดขาวที่รับผิดชอบการทดสอบของเขาเมื่อครู่ เป็นผู้อาวุโสของแก๊งนักล่าอสูรแห่งเมืองชิงหยุน มีนามว่าจวงหนานเทียน
อีกทั้งจวงหนานเทียนผู้นี้ ยังเป็นนักค่ายกลระดับ3อีกด้วย !
ทั่วทั้งเมืองชิงหยุน นักค่ายกลที่ไต่เต้าจนถึงระดับ3มีอยู่ไม่เกิน5คน
เจียงชานชานเองก็ผงะไปเช่นกัน โดยเฉพาะกับคำพูดของตนเองที่พูดว่าหากเด็กหนุ่มผ่านการทดสอบ นางจะขอตามจีบเขา
เมื่อเห็นหลัวซิวจ้องมองตนเองด้วยรอยยิ้ม แก้มของเจียงชานชานก็แดงระเรื่อขึ้นมา
“หึ น้องชาย เรื่องนี้ไว้เจ้าโตอีกหน่อยแล้วค่อยว่ากันเถอะนะ” นางมุ่ยปาก ริมฝีปากแดงระเรื่อของนางช่างเย้ายวน และทำท่าทีไม่รู้ไม่ชี้
“ฮ่าฮ่า หมอนี่จงใจแน่นอน อายุยังน้อยแต่กล้ามาจีบสาวงามที่สุดในแก๊งนักล่าอสูรของเมืองชิงหยุนเรา หูตากว้างไกลเสียจริง ๆ!”
“นี่ โกวหูจื่อ เมื่อครู่เจ้าพูดว่าหากน้องชายผู้นี้ผ่านการทดสอบ เจ้าจะก้มหัวลงมาให้เขาเตะเป็นลูกบอลไม่ใช่หรือ ?”
“จริงด้วย หากเจ้ายังเป็นลูกผู้ชาย ก็จงก้มหัวลงมาเสียดี ๆ !”
“ถ้าอย่างนั้นต้องขอบคุณน้ำใจของเฮียโจวหลงมากครับ” เขากล่าวขอบคุณ แล้วหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา
เด็กหนุ่มที่มีอายุไม่ถึง14ปี จึงกลายเป็นจุดสนใจอย่างมากภายในห้องโถงของนักล่าอสูร นักล่าอสูรจำนวนมากที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ราว ๆ 25 ปีขึ้นไป
โจวหลงต้องการเชิญชวนหลัวซิวดื่มเหล้า ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อน จึงดูเหมือนแทบจะถูกลากไปที่โต๊ะในห้องโถง
เมื่อนับรวมโจวหลงและหลัวซิวแล้ว บนโต๊ะนี้มีทั้งหมด 5 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมบาง สีหน้าเย็นชา ส่วนอีกสองคนเป็นหญิงสาวฝาแฝดสองพี่น้อง หน้าตาธรรมดา แต่มีรูปร่างที่เร่าร้อน สวมใส่ชุดต่อสู้รัดรูป เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจน
“มานี่สิ น้องหลัวซิว ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก......”
จากการแนะนำของโจวหลง หลังซิวขึงรู้ว่า ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางที่มีใบหน้าเย็นชาผู้นั้นมีชื่อว่า โกวอ๋าง ส่วนหญิงสาวฝาแฝดสองพี่น้องมีชื่อเรียกต่างกันว่าจี้โหรวและจี้เซว่
เมื่อนับรวมโจวหลงแล้ว พวกเขาทั้งสี่คือกลุ่มนักล่าอสูรกลุ่มหนึ่ง หัวหน้าโจวหลงเป็นนักยุทธ์แดนฝึกชี่ไห่ขั้น2 โกวอ๋างอยู่ระดับการกลั่นร่างขั้น9 จี้โหรวและจี้เซว่สองพี่น้องล้วนอยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น8
อย่าว่าแต่เมืองหลัก ๆ ในประเทศเทียนหวูเลย แม้กระทั่งประเทศอื่น ๆ ในโลก นักล่าอสูรถือเป็นกลุ่มของนักยุทธ์ที่พบเห็นได้มากที่สุด อย่างเช่นกลุ่มของโจวหลง สามารถพบเห็นได้ทั่วไป
“หลัวซิว ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดเอาไว้ว่า หากเจ้าผ่านการทดสอบ ข้าจะรับเจ้าเข้ามาในกลุ่มของข้า จะว่าอย่างไร ?” โจวหลงดื่มเหล้าเข้าไปอึกใหญ่ แล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ครึ่งชั่วยามก่อนหน้า ตอนที่หลัวซิวเข้ามาสมัครเป็นนักล่าอสูร ไม่มีใครในห้องโถงใหญ่ที่คิดว่าเขาจะผ่านการทดสอบมาได้ ในตอนแรกโจวหลงเองก็เพียงพูดล้อเล่นสองสามประโยคเท่านั้น ในใจของเขาเองก็ไม่คิดว่าหลิวซิวจะมีโอกาสผ่านการทดสอบมาได้เช่นเดียวกัน
แต่ผลลัพธ์กลับออกมาเหนือความคาดหมายของทุกคน ดังนั้นการที่โจวหลงเชิญหลัวซิวเข้ามาร่วมกลุ่มของตน ก็เท่ากับเป็นการรักษาสัจจะของตนเอง
ในป่าลึกมีอันตรายแอบแฝงอยู่มากมาย มีทั้งอสุรกายที่ดุร้ายและทรงพลัง นอกเสียจากจะเป็นนักยุทธ์ที่มีความสามารถส่วนตัวที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งเท่านั้น นอกนั้นนักล่าอสูรส่วนใหญ่มักจะออกล่ากันเป็นกลุ่ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...