มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 297

ร่างของเหลยเว่ยหลงก็ระเบิดพลังจิตแท้สายฟ้าออกมา ส่วนรัศมีสายฟ้าสีน้ำเงินล้อมรอบทั้งร่างกายและพลังก็เพิ่มขึ้น ในระยะมากกว่า 100 เมตร โดยมีเขาเป็นศูนย์กลางของพายุสายฟ้านี้

“ราชายุทธ์อัศจรรย์มากขนาดนั้นเลยหรือ?”

หลัวซิวเหลือบตามอง เผยรอยยิ้มเหยียดหยาม เห็นเพียงร่างของเขาสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นเพลิงมรณะก็ระเบิดออกมารอบ ๆ ตัวเขาเปลวไฟสีดำจำนวนมากพุ่งสูงขึ้นเกือบหนึ่งเมตร

เปลวเพลิงสีดำที่ปั่นป่วนปกคลุมร่างกายของเขาอย่างสมบูรณ์ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน พื้นที่โดยรอบเริ่มบิดเบี้ยว แม้แต่รอยร้าวสีดำเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้น ค่อยๆ แผ่ขยายออกไป

พลังของร่างกายเพิ่มขึ้น บรรยากาศที่กดดันก็แพร่ออกมามากจากร่างของหลัวซิวไม่หยุดหย่อน

เห็นได้ชัดว่า มีเพียงผลการฝึกตนของฝึกจิตขั้นเก้า แต่พลังบนร่างของหลัวซิวในเวลานี้กลับมากขึ้นจนเกินระดับฝึกจิตขั้นเก้า สามารถทัดเทียมเสมอเหมือนราชายุทธ์ทั่วไป

เมื่อพลังบนร่างของหลัวซิวกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนทัดเทียมเสมอเหมือนผู้แข็งแกร่งแห่งราชายุทธ์ขั้นสอง ในที่สุดเขาก็ค่อย ๆ สงบลง ร่างของเขาในเปลวไฟสีดำนั้นเกือบจะหายไปอย่างสมบูรณ์ และมองเห็นเพียงเปลวไฟสีดำเท่านั้น ที่เผาไหม้อย่างดุเดือดกลางอากาศ

ด้วยขีดจำกัดผลการฝึกตนของตัวเอง หลัวซิวได้รับความช่วยเหลือจากภูตอัคคีกลืนกิน ยกระดับพลังปราณให้อยู่ในระดับเดียวกันกับระดับตัวสำนึก นั่นก็คือแดนราชายุทธ์ขั้นสอง

ด้วยสภาพนี้ บวกกับพลังแปรเสวียนเทียน24เท่า รวมถึงดาบดับสิ้น กระบี่คร่าชีวีหวงเสวียนและวิชาภูตผีเซินหลัว สามารถมีพลังรบเทียบเท่ากับราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งขั้นสี่อย่างเต็มที่!

“เรื่องสนุกเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น…”

น้ำเสียงเย็นยะเยือกลอยออกมาจากเพลิงมรณะที่กำลังเผาไหม้

“เหลยเว่ยหลง เจ้าจะเป็นราชายุทธ์คนที่สองที่ตายด้วยมือของข้า”

น้ำเสียงเยือกเย็นแฝงด้วยจิตสังหารอย่างไม่สิ้นสุด หลัวซิวค่อยๆ ยกฝ่าเท้าของเขาและกระทืบเท้าอย่างรุนแรงกลางอากาศ เปลวเพลิงสีดำแผดเผาและทำให้พื้นที่โดยรอบบิดเบี้ยว

ปัง!

เสียงระเบิดดังขึ้น ร่างของหลัวซิวหายไปจากจุดเดิมในทันที เวลาราว ๆ เพียงสองลมหายใจ ก็ปรากฏตัวตรงหน้าเหลยเว่ยหลง

ความเร็วขนาดนี้ ทำให้สีหน้าของเหลยเว่ยหลงเปลี่ยนไปอย่างมาด หลังจากนั้นพลังราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งขั้นสี่ก็แพร่กระจายอย่างไม่ต้องสงสัย เทียบกับพลังอันแข็งแกร่งของหลัวซิวที่ทัดเทียมราชายุทธ์ขั้นสองแล้ว มันแข็งแกร่งกว่ามากทีเดียว

เหลยเว่ยหลงเป็นอีกคนที่มีห้วงยุทธ์ของราชายุทธ์ สายฟ้าหลอมรวมกันระหว่างฝ่ามือและนิ้วมือของเขา ด้วยแรงเสริมจากพลังของห้วงยุทธ์ เขายกดาบขึ้นและฟันไปทางหลัวซิวอย่างดุเดือด

ใช้ทักษะดาบเร็วเพื่อเพิ่มความเร็วและแรงในทันที วินาทีเดียวกันร่างของหลัวซิวก็เบี่ยงออก หลบการโจมตีของเหลยเว่ยหลงครั้งนี้ได้ กระบี่อาถรรพ์ฟันเสือถูกยกขึ้นสูง แผดเผาด้วยเพลิงมรณะ และฟาดฟันออกไป

เหลยเว่ยหลงยังตะโกนเสียงดัง สายฟ้าฟาดรวมร่างเป็นโล่ เตรียมที่จะต้านการโจมตีของหลัวซิว

“กระบี่คร่าชีวีหวงเสวียน!”

ห้วงยุทธ์แห่งความตายแพร่กระจาย ทำให้เหลยเว่ยหลงมีความรู้สึกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังอยู่ชั่ววินาที ราวกับว่าการเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ของหลัวซิว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อต้าน เป็นการดีกว่าที่จะเลิกต่อต้าน และนั่งรอความตาย

ปัง!

ในวินาทีที่เหลยเว่ยหลงเหม่อลอย กระบี่อาถรรพ์ฟันเสือฟาดฟันอย่างแรงบนโล่สายฟ้านั้น ตามด้วยเสียงแตกร้าว มีรอยแตกหลายจุดบนโล่สายฟ้า

เหลยเว่ยหลงก็ดึงสติกลับมาได้ในทันที กำมือขึ้นเพื่อรวมรวมสายฟ้า และฟาดฟันไปทางศีรษะของหลัวซิว

“ตายเสียเถอะ ไอ้หนุ่ม!”

พลังแห่งสวรรค์และโลกรอบตัว ถูกเหลยเว่ยหลงเรียกระดมพลเข้ามาในวินาทีนี้ รวมตัวกันราวกับคุก ขังหลัวซิวไว้กับที่ ทำให้เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีจากหมัดนี้ได้

“นี่เจ้ายังเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับห้า?”

เหลยเว่ยหลงหน้าเปลี่ยนสี เพราะหลัวซิวใช้ค่ายกลหลอมรวมกลายเป็นมังกรดำ พลังนั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขา สามารถทัดเทียมเสมอเหมือนราชายุทธ์ขั้นสี่

ปัง!

มีค่ายสังหารที่หลอมรวมกันเป็นมังกรดำคอยช่วยเสริม หลัวซิวพลิกกระแสการต่อสู้ในทันที และหลังจากต่อสู้ไปสองสามรอบ เขาก็ใช้ดาบฟันเข้าที่หน้าอกของเหลยเว่ยหลง

เหลยเว่ยหลงลอยกระเด็นออกไป ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวและซีดขาว เลือดกระเซ็นจากมุมปาก ในใจทั้งโกรธและตกใจ

เขาเคยได้ยินมาว่าหลัวซิวมีทักษะปรมาจารย์ค่ายกลระดับสี่ แต่คาดไม่ถึงว่าเจ้าหลัวซิวคนนี้ไม่ใช่ปรมาจารย์ค่ายกลระดับสี่ แต่เป็นระดับห้า!

อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของหลัวซิวก็ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ธงขลังสรรพสิ่งในมือสั่นไหวขึ้นอีกครั้ง ภายใต้แสงที่ตัดกันนั้น เพียงไม่กี่ลมหายใจ ค่ายสังหารระดับห้าก็ถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง

สายตาคู่หนึ่งจ้องเขม็งไปที่ธงขลังสรรพสิ่งในมือของหลัวซิว และเจ้าของสายตาคู่นั้น แน่นอนว่าต้องเป็นนายท่านแห่งตระกูลใหญ่กงซุนที่มากับเหลยเว่ยหลง ‘กงซุนเชียนจี’

เขาคือปรมาจารย์ค่ายกลระดับห้าคนหนึ่ง และรู้ดีว่าเมื่อนักค่ายกลต่อสู้เผชิญหน้ากับศัตรู อย่างไรก็ไม่สามารถสร้างค่ายธงได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ และเวลาสร้างค่ายจำเป็นต้องใช้ตัวสำนึกพลังจิตแท้เพื่อควบคุมธงค่าย

ในกรณีที่ต้องมีการเผชิญหน้ากะทันหัน โดยปกติแล้วนักค่ายกลจะเสียเปรียบ เพราะคู่ต่อสู้จะไม่มีเวลาให้พวกเขามากพอที่จะให้พวกเขาได้สร้างค่ายกลขึ้นมา

แต่เมื่อใดที่นักค่ายกลสามารถสร้างค่ายกลได้ รวมกับพลังแท้จริงของตนเองแล้วนั้น หากเจอคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกัน ก็จะสามารถได้เปรียบในทุก ๆ ด้าน

และหลัวซิวดูเหมือนว่าจะผิดบรรทัดฐานนี้ ภายในไม่กี่ลมหายใจก็สามารถสร้างค่ายกลขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถสร้างค่ายกลได้ถึงสองค่ายในเวลาเดียวกัน สำหรับนักค่ายกลคนหนึ่งที่มีกลยุทธ์ระดับนี้ ก็ไม่มีใครสามารถต่อกรกับเขาได้แล้ว?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ