ตอนที่บินออกมาจากหอหย่งชาง ในหัวของหลัวซิว มีเพียงประโยคเดียวที่ลอยเข้ามา。
“ข้าให้หมด!”
ใกล้ ๆ กับหอหย่งชาง มีนักยุทธ์นับสิบคนวนเวียนอยู่แถวนี้อยู่แล้ว เงินรางวัลก้อนโตถึงสองแสนกองอยู่ตรงหน้า ทันใดนั้น หลายคนทนกับสิ่งล่อใจไม่ได้ และบินขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยใบหน้าดุร้าย มุ่งตรงเข้าไปหวังจะฆ่าหลัวซิว
มีคนชิงลงมือก่อนเหมือนระเบิดลูกใหญ่ถูกจุดขึ้น คนเลวมากมายรวบรวมความกล้า แม้กระทั่งปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตขั้นปฐมภูมิบางกลุ่มต่างก็มีความคิดว่าอาจจะเกิดปาฏิหาริย์ เข้าร่วมวงล้อมโจมตีหลัวซิว
ตัวสำนึกของเสิ่นหยวนหนานสังเกตเห็นฉากนี้ สีหน้านั้นเผยความตะลึกเล็กน้อย
“ฆ่า!”
เหลือบมองบรรดาผู้ที่พุ่งเข้ามาหาตน หลัวซิวค่อย ๆ เอ่ยปาก ควบคู่ไปกับเสียงของคำว่า "ฆ่า" ตัวสำนึกของเขามันกลายเป็นเงาดาบสีแดงเลือดและฟาดไปกลางอากาศ
พัฟ! พัฟ! พัฟ!…
ดาบสังหารประกอบด้วยตัวสำนึกแห่งห้วงยุทธ์ ทำให้นักยุทธ์ทุกคนที่ต่ำกว่าแดนราชายุทธ์ ในวินาทีที่ดาบถูกฟันออกไป ตัวหยั่งรู้ต่างก็ตกใจกระเจิดกระเจิง ผลการฝึกตนอยู่ในระดับต่ำกว่าฝึกจิตช่วงหลัง ตัวหยั่งรู้ของบางคนก็ได้แตกกระเจิง เสียงกรีดร้องดังขึ้น ร่างกายของเขาแตกออกเป็นหมอกเลือด
พบกับการล้อมโจมตีจากนักยุทธ์นับสิบ หลัวซิวยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน เพียงแค่ตัวสำนึกกวาดออกไป ก็มีผู้เสียชีวิตนับสิบราย ตายคาที่!
ฉากดังกล่าว ทำให้นักยุทธ์คนอื่น ๆ ตกใจถึงขีดสุด ต่างก็ชะงักงันไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ต่อหน้ารางวัลใหญ่ถึงสองแสน ก็มีคนมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ปรมาจารย์ยุทธ์แดนฝึกจิตขั้นห้า20กว่าคน ล้อมหลัวซิวไว้ทั้งสี่ทิศ
ในที่มืด ปรากฏร่องรอยของราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งหลายคน ดูเหมือนจะกำลังมองหาเวลาที่ดีที่สุดที่จะลงมือ
“ทำไมไม่ลงมือล่ะ?”
หลัวซิวใช้สายตาเย็นชากวาดไปทั่วสี่ทิศ เพลิงมรณะสีดำโหมขึ้นรอบตัวเขา โหมกระหน่ำและสูงมากจนถึงสิบฟุต
“เพราะพวกเจ้าไม่ลงมือเสียที ล้อมข้าไว้เช่นนี้มันน่ารำคาญเกินไปที่”
เสียงยังไม่ทันตกถึงพื้น เงาของหลัวซิวหายตัวไปและพุ่งตรงไปที่ฝูงชน เผยโฉมหน้าของร่างผู้แข็งแกร่งระดับราชาร่างเนื้อยุทธ์ ไม่มีใครเป็นศัตรูของเขาเลย
ปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตทุกคน ไม่ถูกต่อยโดยตรง ก็แขนขาหัก เลือดสาดกระจายไปในอากาศ เมื่อใดก็ตามที่ร่างของหลัวซิวไปทางไหนก็ต้องมีเลือดสาดกระเซ็น พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่แสนทรมาน
ในเมือง ผู้คนหลายคนกำลังที่มองดูฉากนี้ที่เกิดขึ้นกลางอากาศ เพราะมันเป็นฉากที่บ้าและน่าตกใจอย่างมาก
นับจากวันนี้ไป ปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตแห่งเขตการปกครองโตว้ไห่จะหายไปครึ่งหนึ่งราวกับใบไม้ร่วง!
ที่ชั้นบนสุดของโรงเตี้ยมที่สูงที่สุดในเมือง กงซุนเชียนจีและชายในชุดผ้าทอคนหนึ่ง สายตาที่จดจ้องไปยังหอหย่งชางสั่นไหวเล็กน้อย มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่
โรงเตี้ยมที่รุ่งเรืองที่สุดแห่งนี้ เป็นกิจการของตระกูลกงซุน ยืนอยู่ชั้นบนสุด สามารถมองเห็นทั่วทั้งเมือง
“หลัวซิวคนนี้ พรสวรรค์สูงมากจริง ๆ ด้วย แต่เขาหยิ่งผยอง ไม่เห็นหัวคนอื่น เป็นเรื่องยากที่จะกลายเป็นอาวุธที่ยิ่งใหญ่ในท้ายที่สุด” ชายที่สวมชุดผ้าทอกำลังเล่นลูกปัดหยกสองเม็ดอยู่ในมือและพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ได้ยินมาว่า เมื่อเขาออกมาจากแดนปริศนาก็ก้าวล่วงสำนักเสวียนหยางกับราชวงศ์ตระกูลฝาน ตอนนี้ก็ยังจะยั่วยุพวกเราตระกูลเหยียนอีก ต่อให้มีอีกสิบชีวิต ก็ไม่พอ!”
ระหว่าสนทนา ชายในชุดผ้าทอหันไปมองกงซุนเชียนจีที่อยู่ด้านหลัง “ที่มาของเจ้าสำนักหอหย่งชาง หลินโยว่เทียน จริงตามที่เจ้าพูดหรือ?”
กงซุนเชียนจีโค้งคำนับเล็กน้อย เอ่ยด้วยความเคารพ “จริงที่สุด ชื่อเดิมของเขาคือเย่ซวน และเป็นชื่อจริงของหลินเจียเอ๋อร์ หรือก็คือเย่เจียเอ๋อร์ ไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ แต่เป็นหลานสาวของเขา”
“เศษซากของตระกูลเย่?”
ใบหน้าของชายในชุดผ้าทอเผยเจตนาฆ่า
เขตการปกครองโตว้ไห่ นอกหอหย่งชาง
เย่ซวน?
ได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อเขา สีหน้าของหลินโยว่เทียนก็เปลี่ยนไปในทันที เมื่อเขาสังเกตเห็นชายในชุดผ้าทอ ในดวงตาคู่นั้น เจตนาฆ่าล้างแค้นและความเกลียดชังปรากฏขึ้นในทันที
“เหยียนชูซิว เป็นเจ้า? ไอ้ชาติหมา” หลินโยว่เทียนกำหมัดแน่น รอบกายล้อมด้วยจิตสังหาร พลังจิตแท้ผันผวนอย่างรุนแรง
หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย สำหรับชื่อเหยียนชูซิวนั้น เขารู้สึกคุ้นหูเป็นอย่างยิ่ง
“ผู้อาวุโสหลิน นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมเขาถึงเรียกท่านว่าเย่ซวน?” ตัวสำนึกของหลัวซิวส่งเสียงออกไปถาม
“ท่านชายหลัวอาจจะไม่รู้ ชื่อเดิมของข้าคือเย่ซวน แต่เมื่อสามสิบปีก่อน พวกเราตระกูลเย่ถูกตระกูลเหยียนกวาดล้าง มีเพียงข้า และน้องชายของข้าเย่หยุนที่หนีออกมาได้ หลายปีมานี้ข้าพยายามปกปิดตัวตน ไม่คิดเลยว่าจะถูกไอ้สวะเหยียนชูซิวพบเข้าได้” หลินโยว่เทียนกัดฟันตอบ
“เย่หยุน?” สายตาของหลัวซิวเต็มไปด้วยความสงสัย “เย่หยุนคือน้องชายของท่าน? เมื่อสามสิบปีก่อนได้เข้าไปในแดนปริศนาใช่หรือไม่?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร…” หลินโยว่เทียนมีสสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็นึกขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว “ท่านชายหลัวเจอเขาในแดนปริศนาหรือ?”
ทุกคนรู้ดีว่า หากไม่มีสิ่งใดออกมาจากแดนปริศนานั่นหมายถึงสูญหายหรือตายไปแล้ว เย่หยุนเมื่อสามสิบปีก่อนก็ไม่ได้ออกมาจากแดนปริศนา
ทั้ง ๆ ที่รู้เรื่องนี้ แต่ใจใจของเย่ซวน ก็ยังคงรอคอยอย่างมีความหวัง หวังว่าน้องชายของตนจะยังมีชีวิตอยู่
หลัวซิวพยักหน้า เล่าเรื่องที่เขาเจอเย่หยุนออกมา
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเย่ซวนก็พลันเศร้าโศกปรากฏขึ้น “เมี่ยวฉิงคือภรรยาของน้องชายข้าเย่หยุน เหยียนชูซิวไอ้สวะนี่มันชอบน้องสะใภ้ข้า จึงใช้กำลังแย่งนางออกไป ทั้งยังพาผู้แข็งแกร่งของตระกูลเหยียนอีกกลุ่มหนึ่ง มาทำลายตระกูลเย่ของข้า แค้นนี้ไม่มีวันสิ้นสุด!”
ได้ยินเช่นนั้น หลัวซิวพูดไม่ออก เหยียนชูซิวคือคนของตระกูลเหยียน ตกหลุมรักภรรยาของคนอื่นจึงได้ลงมือแย่งชิง แล้วยังฆ่ายกตระกูลเขาอีก นึกย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน เจ้าสำนักน้อยตำหนักจื่อก็แย่งชิงภรรยาของผู้นำตระกูลเหยียน ช่วงเวลานั้นนิยมขโมยสะใภ้บ้านคนอื่นกันหรือ?
ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นการพรรณนาที่เป็นความจริงมากที่สุดในโลกนักยุทธ์ ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า อยากได้ของของเจ้าก็สามารถแย่งมาได้ทันที หากรู้สึกขัดหูขัดตาก็ฆ่าได้ในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...