มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 301

“แย่งเมียชาวบ้าน แถมยังฆ่าล้างตระกูล จะว่าแกเป็นเดรัจฉาน ก็ยังกลัวว่าจะเป็นการดูถูกเดรัจฉานมันอีก”

เนื่องด้วยเรื่องของเหยียนเยว่เอ๋อร์ ทำให้หลัวซิวรู้สึกไม่ดีกับตระกูลเหยียน และนี่ส่งผลทำให้น้ำเสียงของเขาที่กล่าวออกมาไม่มีความเกรงใจและเต็มไปด้วยความถากถาง

แววตาของเหยียนชูซิวแข็งกระด้างหนาวยะเยือก จอกสุราในมือของเขาถูกบีบจนแตกละเอียด ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “ไอ้หนุ่มปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแกถือดีอะไรมาดูถูกฉัน แกเบื่อจะใช้ชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือไง”

“ขอโทษด้วย ต่อให้ผมเบื่อชีวิต แต่ผมก็มีความสุขดี” หลัวซิวยิ้มอย่างดูแคลนพร้อมใบหน้าอันแข็งกระด้าง “ตรงกันข้าม ฉันคิดว่าคนที่ไม่อยากใช้ชีวิตต่อแล้วคือแกต่างหาก”

“ไปตายซะ!”

หลังจากที่ถูกหลัวซิวกล่าวเสียดสี อารมณ์ของเหยียนชูซิวจึงเดือดพล่านจนยกมือขึ้นทุบลงบนโต๊ะข้างกายจนแหลกละเอียด เขาแผดเสียงลั่น “ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคนที่ได้ชื่อว่าอัจฉริยะที่ร้อยปีจะปรากฏสักคนอย่างแกจะมีดีอะไรบ้าง!”

“อย่าคิดว่าแกสังหารไอ้สวะอย่างเหลยเว่ยหลงได้ แล้วจะมาทำตัวโอหังวางโตต่อหน้าฉันนะ แกยังห่างชั้นอยู่อีกเยอะ”

ระหว่างที่เขากำลังแผดเสียงลั่น รัศมีรอบกายของเหยียนชูซิวก็แผ่ซ่านออกมา พลังฟ้าดินถูกดึงดูดเข้ามารอบกายของเขา เกิดเป็นเปลวไฟที่ลุกโชนราวกับเทพสงครามที่อยู่ท่ามกลางเปลวไฟ

พลังงานของเขาตอนนี้แข็งแกร่งมากกว่าเหลยเว่ยหลงตอนรุ่งเรืองที่สุดเสียอีก เห็นได้ชัดว่าผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์แดนขั้น 5 สามารถเทียบเคียงได้กับหัวหน้าองค์กรนักล่ายุทธ์ของเขตการปกครองโตว้ไห่อย่างเสิ่นหยวนหนานได้

“ไอ้เดรัจฉาน ไปตายซะ!”

เจ้าของหอหย่งชางที่อยู่ใกล้ๆ หลัวซิวตะโกนร้องแล้วพุ่งเข้าใส่ทันที ท่าทีของเขาประกาศกร้าวอย่างชัดเจนว่าเขาตั้งใจที่จะสละชีวิตทิ้ง

เขาในตอนนี้ไม่ใช่หลินโยว่เทียน แต่เป็นเย่ซวน ผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ปราบปรามตระกูลเย่เมื่อ 30 ปีก่อน ต่อให้เขาตายไปแล้ว เขาก็จะกินเนื้อของเดรัจฉานอย่างเหยียนชูซิวเพื่อให้ได้

การฝึกตนของเจ้าของหอหย่งชางเดิมทีอยู่ที่ราชายุทธ์ขั้น 3 ทว่าพลังที่เขาระเบิดออกมารอบกายตอนนี้นั้นแผ่กระจายเป็นวงกว้างมาก จนทำให้พื้นที่บริเวณนั้นกลายเป็นพื้นที่อันตราย

“บ้าไปแล้ว!” กงซุนเชียนจีหรี่ตามอง การที่เจ้าของหอหย่งชางสามารถระเบิดพลังที่รุนแรงขนาดนี้ออกมาได้ นั่นเป็นเพราะว่าเขาเผาผลาญชีวิตดั้งเดิมของตัวเอง

ชีวิตดั้งเดิมเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงโชคชะตาและอายุขัยของคนคนหนึ่ง นี่เป็นการเอาชีวิตของตัวเองมาแลกกับพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งขึ้น

เจ้าของหอหย่งชางเก็บความแค้นที่มีมาหลายสิบปีไว้ในใจ และเมื่อระเบิดออกมาภายในชั่วพริบตา ร่างของเขาก็ลุกโชนราวกับเปลวเพลิงดวงใหญ่

หลัวซิวเข้าใจความบ้าระห่ำเช่นนี้ของเขา เพราะหากเกิดขึ้นกับตน การที่คนรักของเขาถูกฆ่าตาย เขาคงบ้าระห่ำยิ่งกว่านี้และกรีดร้องตะโกนอยู่ข้างใน

เจ้าของหอหย่งชางเผาผลาญชีวิตดั้งเดิมของตนเอง จึงทำให้เขาสามารถรับมือต่อสู้กับเหยียนชูซิวได้เป็นเวลานาน ดังนั้นหลัวซิวจึงเบนสายตาไปที่กงซุนเชียนจี

“ถึงเวลาที่ฉันต้องส่งแกไปแล้ว เหลยเว่ยหลงรอแกอยู่ในนรกมานานแล้ว”

ระหว่างที่พูด หลัวซิวก็เคลื่อนกายไปปรากฏอยู่ตรงหน้ากงซุนเชียนจีและชกไปที่ศีรษะของอีกฝ่าย

กงซุนเชียนจีคิดไม่ถึงว่าหลัวซิวจะลงมือกับตนอย่างกะทันหันเช่นนี้ ในช่วงเวลาเร่งรีบนั้นเขาไม่มีโอกาสได้ทันป้องกันจึงถูกหลัวซิวต่อยเข้าที่กะโหลกอย่างจัง

ตุ้บ!

ร่างของกงซุนเชียนจีโดนต่อยจนหมุนคว้างกระเด็นลอยออกไป แล้วชนเข้ากับกำแพงจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่

หลัวซิวยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดการเคลื่อนไหว ร่างของเขาพุ่งทะยานออกไปพร้อมไล่ตามไปติดๆ โดยไม่รอให้กงซุนเชียนจีได้ทันตั้งตัวก่อนจะใช้เท้ากระทืบเข้าที่หน้าอกของเขาจนอัดลงกับพื้น

ตุ้บๆๆ! ……

ร่างของหลัวซิวแปรเปลี่ยนเป็นเศษเงา เขาอาศัยพลังของร่างยุทธ์ระดับราชาย่ำไปที่กงซุนเชียนจี ทำให้ปรมาจารย์นักค่ายกลขั้น 5 ผู้นี้ได้แต่ใช้พลังจิตแท้ควบคุมพลังฟ้าดิน เพื่อใช้เป็นเกราะป้องกันตนเอาไว้ โดยไม่ทันมีโอกาสได้ลงมือวางค่ายกล

เมื่อไม่มีค่ายกลเป็นตัวช่วยแล้ว เขาจึงมีเพียงการฝึกตนในแดนราชายุทธ์ขั้น 1 เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมของหลัวซิว

การสังหารเหลยเว่ยหลงทำให้เขาได้รับบาดเจ็บร้ายแรง ทว่าการสังหารกงซุนเชียนจีกลับง่ายกว่านั้นมาก

“ตู้ม!”

ระหว่างที่หลัวซิวกำลังตะโกน ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากรอบด้าน ธงค่ายที่กงซุนเชียนจีจัดวางไว้ทั้งหมดระเบิดออกกลายเป็นผุยผงกระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้า

“นี่.......มันไม่มีทางเป็นไปได้!”

สีหน้าของกงซุนเชียนจีปรากฏความกลัวและตกใจสลับกัน ร่างของหลัวซิวเข้ามาใกล้ภายในชั่วพริบตา กระบี่อาถรรพ์ฟันเสือพุ่งตรงเข้ามา

หลังผ่านการต่อสู้รับมือกันสิบกว่ายกแล้ว ร่างไร้วิญญาณร่างหนึ่งก็ร่วงหล่นมาจากท้องฟ้าพร้อมเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่ว

นี่เป็นราชายุทธ์คนที่สามที่ตายด้วยน้ำมือของหลัวซิว แถมยังเป็นปรมาจารย์ที่เชี่ยวชาญค่ายกลขั้น 5 อีกด้วย

หลัวซิวยื่นมือออกไปคว้าแหวนเก็บของของกงซุนเชียนจีที่ตกลงมา และในตอนนั้นเอง ผู้คนด้านล่างที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างพากันเงียบไม่ส่งเสียง ก่อนจะกลับมาอยู่ในสภาพที่วุ่นวายอีกครั้งทันที

เจ้าสำนักเหลยหวู่ตายแล้ว เจ้าตระกูลกงซุนก็ตายแล้ว ถึงเวลาที่เขตการปกครองโตว้ไห่ต้องเปลี่ยนแผ่นดินแล้ว

เมื่อเทียบกับฝีมือการสังหารอย่างรวดเร็วของหลัวซิวแล้ว การต่อสู้ระหว่างเหยียนชูชิวกับเย่ซวนก็เริ่มดุเดือดเลือดพล่านมากยิ่งขึ้น

พลังจิตแท้เคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ทั้งสองฝ่ายต่างใช้พลังฟ้าดินเพื่อขับเคลื่อนทักษะยุทธ์จนกินกันไม่ลง

หลัวซิวเงยหน้าขึ้นมอง ในสายตาของเขาเห็นผังลายเส้นชีวิตของเย่ซวนเจ้าของหอหย่งชางกำลังเผาไหม้อย่างรวดเร็วและค่อยๆ สลัวลงเรื่อยๆ การเผาผลาญชีวิตดั้งเดิมเป็นวิธีการที่เป็นข้อห้าม เขายกระดับพลังยุทธ์ของตัวเองจนถึงราชายุทธ์ขั้น 5 แต่ก็ไม่สามารถรักษาสภาพเช่นนั้นไว้ได้นานนัก

หากไม่มีเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย สุดท้ายแล้วฝ่ายแพ้จะต้องเป็นเย่ซวนไม่ใช่เยียนชูซิว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ