มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 304

บนโลกใบนี้ไม่ใช่คนทุกคนที่จะโลภและมีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนกันไปเสียหมด อย่างน้อยๆ ก็ยังมีผู้แข็งแกร่งขององค์กรนักล่ายุทธ์อย่างเสิ่นหยวนหนาน เหวินเซวียนหง รวมทั้งจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงที่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าหลัวซิวมีความลับเก็บงำไว้ แต่ก็ไม่เคยมีความคิดชั่วร้ายแถมยังดูแลเขาดีอีกด้วย

“ก็แค่เสียราชายุทธ์ของตระกูลเหยียนไปคนเดียวเอง” หลัวซิวเบะปากอย่างไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร

ในแดนปริศนา คนของสำนักเสวียนหยางและตำหนักจื่อ ตายเพราะฝีมือของเขา ไหนจะยังมีพวกราชวงศ์ตระกูลฝานที่เป็นศัตรูกับเขาอีก หากจะมีตระกูลเหยียนเพิ่มอีกสักตระกูล หลัวซิวก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร

“เจ้าคิดว่ามีเพียงตระกูลเหยียนตระกูลเดียวหรือไง”

เสิ่นหยวนหนานถอนใจอย่างหัวเสีย “กงซุนเชียนจีที่เจ้าสังหารไปก็เป็นถึงปรมาจารย์นักค่ายกลขั้น 5 เจ้าคิดว่าปรมาจารย์ขั้น 5 เป็นผักปลาตามข้างถนนหรือยังไง เขาถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่าหายากเสียยิ่งกว่าผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ด้วยซ้ำ”

“การที่ตระกูลกงซุนสามารถมีอำนาจที่เขตการปกครองโตว้ไห่ได้นั้น ไม่ใช่เป็นเพียงเพราะกงซุนเชียนจีเป็นปรมาจารย์นักค่ายกลขั้น 5 เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะกงซุนเชียนจีเป็นน้องชายของปรมาจารย์นักค่ายกลขั้น 6 อีกด้วย”

“ทั่วทั้งประเทศเทียนหวูแห่งนี้ ปรมาจารย์ขั้น 6 มีเพียง 3 คนเท่านั้น นั่นคือหัวหน้าแก๊งของทั้งสามใหญ่อย่างแก๊งนักกลั่นยา แก๊งนักค่ายกล และแก๊งนักหลอมอาวุธ”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ริมฝีปากของเสิ่นหยวนหนานก็เริ่มกระตุกระหว่างที่จ้องมองไปทางหลัวซิว “ทีนี้เจ้ารู้แล้วหรือยังว่าตัวเองสร้างเรื่องใหญ่ขนาดไหนเอาไว้”

หลัวซิวชะงักไป ก่อนจะเกาศีรษะอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร “ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วจริงๆ”

เสิ่ยหยวนหนานกลอกตาอย่างเหลืออด “นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กไม่เล็ก แต่กำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วต่างหาก ปรมาจารย์ขั้น 6 สามท่านถูกเจ้าหาเรื่องไปแล้วสองท่าน ต่อให้จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงอยากปกป้องเจ้าก็คงปกป้องไม่ได้!”

ในประเทศเทียนหวู ผู้ที่มีสถานะสูงสุดคือผู้นำของสี่แก๊งใหญ่ ในจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสิบ ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดคือหัวหน้าแก๊งองค์กรนักล่ายุทธ์อย่างจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง

หัวหน้าแก๊งนักกลั่นยาอย่างฝานไท่เต๋อ ปัจจุบันคนผู้นี้เป็นอาของจักรพรรดิประเทศเทียนหวู หรือก็คือน้องชายของจักรพรรดิคนก่อน

ราชวงศ์ของตระกูลฝานมีทุกวันนี้ได้ก็เป็นเพราะว่าได้คนผู้นี้นั่งบัลลังก์ ถึงสามารถที่จะสร้างเมืองบนแผ่นดินนี้สำเร็จ และปกครองทั้งหกเมือง และสิบสามเขตการปกครองได้

จากนั้นยังมีหัวหน้าแก๊งของแก๊งนักค่ายกลอย่างเหว้ยห้าวหรานอีก คนผู้นี้คือขุนนางอาวุโสของตำหนักจื่อ กงซุนเชียนจีที่ถูกหลัวซิวสังหารนั้นคือลูกศิษย์ที่เขาเคยรับเอาไว้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว

นอกจากนี้ยังมีหัวหน้าแก๊งหลอมอาวุธอย่างหงหมิง คนผู้นี้ไม่เพียงมีชื่อเสียงในประเทศเทียนหวูเท่านั้น แต่ยังเป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเขตแดนรอบๆ อีกด้วย ทั้งได้รับการยอมรับจากผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์จำนวนมาก เพื่อหวังที่จะได้นักยุทธ์ที่มีอานุภาพแข็งแกร่งสักคน

ในบรรดาผู้นำทั้งสี่คนนี้ จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงเป็นผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุด ทว่าปรมาจารย์ขั้น 6 ทั้งสามคนกลับมีเส้นสายที่กว้างขวาง รู้จักผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์หลายคน หากต้องการหาคนมาช่วย การที่พวกเขาจะขอกำลังจากราชายุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์มาช่วยสักสองสามคนนั้น ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสักนิด

ดังนั้นนี่จึงเป็นเครื่องบ่งบอกว่า หลัวซิวได้มีเรื่องกับจักรพรรดิยุทธ์หลายคนไปแล้วอย่างอ้อมๆ

เมื่อได้ยินคำอธิบายแจกแจงของหัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนานเช่นนี้ หลัวซิวพลันรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที จากพลังยุทธ์ของเขาในตอนนี้ แม้แต่จักรพรรดิยุทธ์สักคนยังไม่อาจที่จะเอาชนะได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิยุทธ์หลายคน

“เอาเป็นว่ารักษาอาการบาดเจ็บให้หายก่อนแล้วค่อยว่ากัน ช่วงนี้ก็สงบปากสงบคำเอาไว้หน่อย จะได้ไม่มีผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์มาคิดบัญชีถึงที่” หลัวซิวแอบคิดในใจ

......

หลังจากนั้นเจ็ดวัน หลัวซิวก็ได้รับข่าวสารที่ส่งมาจากชิวลั่วสุ่ย ว่าอาจารย์ของสำนักสุ่ยเยว่จงหลังจากที่ได้กินยาวิญญาณหยินหยางเข้าไปแล้วก็สามารถฟื้นฟูการฝึกตนขึ้นมาได้ จึงต้องการแสดงความขอบคุณกับเขา และยังให้คำมั่นแทนอาจารย์สำนักสุ่ยเยว่จงอีกว่า หากหลัวซิวต้องการความช่วยเหลือ อาจารย์สำนักสุ่ยเยว่จงยินดีที่จะช่วยเหลือครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการทดแทนน้ำใจ

พอเป็นเช่นนี้แล้วก็เท่ากับว่า มีจักรพรรดิยุทธ์สองคนแสดงน้ำใจให้กับหลัวซิว ในช่วงเวลาที่ต้องการก็สามารถขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองคนนี้ได้

หากกลับมาคำนวณหินพลังจิตชั้นล่างที่เป็นหน่วยพื้นฐานที่สุด หินพลังจิตขั้นสูงหนึ่งก้อน จะเทียบเท่าได้กับหินพลังจิตชั้นล่างหนึ่งหมื่นก้อน เมื่อคำนวณโดยรวมออกมาแล้ว นั่นเท่ากับว่าจะต้องใช้หินพลังจิตชั้นล่างถึงสองพันล้านก้อน!

นี่ถือเป็นตัวเลขที่มากมายเหนือจินตนาการ อย่าว่าแต่จักรพรรดิยุทธ์เลย ผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ยังไม่มีฐานะดีขนาดที่จะมีได้มากเท่านี้

และเป็นเพราะการที่จะบรรลุได้ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล นี่เองที่ทำให้จำนวนผู้แข็งแกร่งที่จะบรรลุการฝึกตนระดับราชายุทธ์ขึ้นไปได้มีน้อยมาก

ปรมาจารย์โลกยุทธ์ที่อยู่ในแดนฝึกจิตขั้น 9 จำนวนมาก กว่าจะบรรลุแดนราชายุทธ์ได้จำเป็นต้องสะสมกว่าร้อยปี แถมยังต้องอาศัยโชคชะตา ความสามารถ พรสวรรค์และอื่นๆ กว่าจะบรรลุได้อย่างราบรื่น

การจะได้มาซึ่งหินพลังจิตขั้นสูงเป็นจำนวนสองแสนก้อนภายในคราวเดียวนั้น หลัวซิวไม่กล้าแม้แต่จะคิด เพราะหินพลังจิตขั้นสูงนั้นเป็นของที่หาได้ยากยิ่ง ในเหมืองแร่หินพลังจิตบางที่ก็ไม่สามารถหาหินพลังจิตขั้นสูงได้เลยแม้แต่ก้อนเดียว

ยกเว้นแต่ว่าโชคชะตาของหลัวซิวจะดีกว่าปกติ จนสามารถหาเหมืองหินพลังจิตที่ขนาดใหญ่ได้ และสามารถที่จะขุดหินพลังจิตจำนวนสองพันล้านก้อนขึ้นมาได้

เหมืองหินพลังจิตขนาดเล็กสามารถหาหินพลังจิตได้อย่างมากเพียงสิบล้านก้อนเท่านั้น เหมืองหินพลังจิตขนาดกลางสามารถขุดได้มากกว่าร้อยล้านก้อน มีเพียงเหมือนหินพลังจิตขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะสามารถหาหินพลังได้มากกว่าร้อยล้านก้อน

ทว่าการค้นพบและการขุดเหมืองหินพลังจิตนั้น มักจะมีกลุ่มอำนาจหลากหลายต่างพากันมาแสวงหาผลประโยชน์ ต่อให้หลัวซิวค้นพบเหมืองหินพลังจิตขนาดใหญ่ เขาก็ไม่มีความสามารถที่จะครอบครองมาเป็นของตนเองได้

แน่นอนว่าตัวเลขสองพันล้านเป็นตัวเลขที่น่าตกใจเกินไป ความเป็นจริงแล้วการบรรลุจากแดนฝึกจิตขั้น 9 ไปถึงแดนราชายุทธ์ เพียงแค่ผนึกรวมพลังจิตแท้ให้กลายเป็นรูปยา และต้องการใช้เพียงพลังจิตแท้เท่านั้น

อีกทั้งสำหรับผู้แข็งแกร่งที่ฝึกตนจนถึงขั้นราชายุทธ์แล้ว การแลกเปลี่ยนต่างๆ จะไม่ใช้หินพลังจิตชั้นล่าง เนื่องจากหินพลังจิตระดับนี้ พลังจิตที่อยู่ในนั้นมีเบาบางเกินไป ทั้งยังไม่ค่อยบริสุทธิ์ จึงไม่มีประโยชน์อะไรต่อการฝึกตน

ดังนั้นผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ขึ้นไป การแลกเปลี่ยนจะใช้อย่างต่ำที่สุดคือหินพลังจิตขั้นกลาง ส่วนสมบัติล้ำค่าบางชิ้นอาจจะต้องใช้ถึงหินพลังจิตขั้นสูงในการแลกเปลี่ยน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ