ริมฝีปากของหลัวซิวปรากฏรอยยิ้ม นักยุทธ์ส่วนมากมักเข้าใจว่าควบคุมพลังแห่งกฎได้แล้ว ก็หมายความว่าสามารถควบคุมแดนแห่งกฎขั้นแรกได้ แต่ในความเป็นจริงนั้นทั้งสองอย่างมีความแตกต่างกันอยู่ไกล
อีกทั้งในทุกๆ แดนของพลังแห่งกฎ ก็มีความแตกต่างที่ห่างกันค่อนข้างมาก นี่เองคือเหตุผลว่าทำไมเมื่อฝึกตนไปถึงช่วงปลายแล้ว การข้ามแดนจึงยากจนแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เพราะโดยทั่วไปแล้วคนที่สามารถฝึกตนจนตระหนักรู้แดนแห่งกฎได้ล้วนเป็นตระกูลอัจฉริยะ ภายใต้สถานการณ์ที่ผู้มีพรสวรรค์ใกล้เคียงกัน ความเป็นไปได้ที่จะข้ามขั้นก็จะยิ่งลดน้อยลงไปด้วย
“การฝึกตนของข้าอยู่ในแดนมกุฎยุทธ์ขั้นสี่แล้ว หากข้าไปที่ตำหนักเต๋าแล้วเลือกเอาสมบัติที่มีร่องรอยแห่งกฎชีวิต และสามารถตระหนักรู้กฎการเวียนว่ายตายเกิดจนสามารถควบคุมแดนขั้นแรกได้นั้น ไม่รู้ว่าพลังของข้าจะสามารถข้ามไปถึงหอคอยมหาภพ ชั้นสามได้หรือไม่”
แววตาของหลัวซิวส่องประกาย เขารู้ดีว่าการที่ เทวทูตจื่อเยียน เสนอข้อเสนอนี้ออกมาแสดงว่าจะต้องไม่สามารถทำสำเร็จได้ง่ายอย่างแน่นอน อีกอย่างเขาเคยได้ยินมาว่าหอคอยมหาภพเป็นหอคอยการฝึกฝนที่ยากที่สุดในบรรดาหอคอยทั้งสี่
อีกเรื่องหนึ่งคือกฎแห่งความเป็นตายไม่สามารถแสดงออกมาพร้อมกันได้ ในเมื่อเขาแสดงพลังแห่งความตายของตัวเองออกมาแล้ว นั่นหมายความว่าเขาจะต้องซ่อนพลังแห่งชีวิตเอาไว้
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เทพแห่งวัฏจักรเคยเตือนเขาเอาไว้ ในตอนที่พลังของเขายังไม่ได้รับการยอมรับ ไม่สามารถแสดงกฎแห่งความเป็นตายออกมาพร้อมกันได้
เพราะตามที่เทพแห่งวัฏจักรเคยได้บอกเอาไว้ หากเรื่องที่ผู้ฝึกกฎแห่งความเป็นตายพร้อมกันรั่วไหลไปถึงหูของผู้แข็งแกร่งบางพวก พวกเขาจะต้องนึกโยงไปถึงลูกแก้วความเป็นตาย เพราะมีเพียงแค่ผู้ที่ได้รับการยอมรับให้เป็นเจ้าของจากลูกแก้วความเป็นตายเท่านั้นถึงจะสามารถฝึกกฎแห่งความเป็นตายพร้อมกันและไม่ได้รับการโต้ตอบอย่างรุนแรงจากกฎทั้งสอง
แล้วพลังแบบไหนถึงจะได้รับการยอมรับจากเทพแห่งวัฏจักร เรื่องนี้หลัวซิวเองก็ยังไม่แน่ใจนัก เพราะว่าโดยปกติแล้วเทพแห่งวัฏจักรไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับเขาเท่าไหร่นัก
หลัวซิวหยุดความคิดของตัวเองแล้วเดินออกมา โดยที่ไม่แม้แต่จะหันไปมองศิลาสลักชื่อที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
หลัวซิวกังวลว่าเวลาของตัวเองจะไม่พอ จึงตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางที่จะมุ่งหน้าไปยังตำหนักเต๋า แล้วไปที่หอคอยเสวียนเทียนแทน
หอคอยเสวียนเทียนต่างจากหอคอยฝึกฝนที่เหลืออีกสามแห่ง ที่หอคอยฝึกฝนแห่งนี้ กายหยาบของนักยุทธ์จะไม่สามารถเข้าไปได้ แต่ต้องดึงตัวสำนึกบางส่วนออกมาเพื่อใช้เข้าไปในหอคอย หลังจากนั้นตัวสำนึกส่วนหนึ่งจะได้รับแรงเสริมจากค่ายกลในหอคอยเสวียนเทียนจนสามารถฝึกพลังจิตแท้ได้เช่นเดียวกับกายหยาบ
การฝึกตนของหลัวซิวอยู่ที่แดนมกุฎยุทธ์ขั้นสี่ ดังนั้นเมื่อตัวสำนึกของเขาเข้าไปในหอคอยฝึกฝนแล้ว สิ่งที่จะได้รับคือการฝึกพลังจิตแท้ของมกุฎยุทธ์ขั้นสี่ ส่วนแดนร่างเนื้อกับแดนตัวสำนึกก็จะถูกพรากไป
เนื้อหาในการฝึกฝนที่หอคอยเสวียนเทียน คือการทดสอบพลังในการต้านทานการโจมตีของนักยุทธ์ ซึ่งก็คือระดับความแข็งแกร่งของพลังจิตแท้ เพราะสำหรับนักยุทธ์คนหนึ่งนั้น หากพลังจิตแท้ไม่หนักแน่นพอ ต่อให้พลังจะแข็งแกร่งมากเพียงใดก็จะพบกับความยากลำบากในการต่อสู้เอาได้ง่ายๆ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายได้ง่ายๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...