หอเซียวเหยามีทั้งหมดสองชั้น ชั้นหนึ่งเก็บวิชายุทธ์ระดับ5 เอาไว้ ชั้นสองเก็บวิชายุทธ์ระดับ6
หากต้องการฝึกฝนวิชาที่สูงกว่าอย่างวิชายุทธ์ระดับ7 ก็จะต้องเข้าในสำนักกลายเป็นศิษย์หลัก ถึงจะได้รับการถ่ายทอด
วิชายุทธ์ระดับ7 นั้นเป็นการถ่ายทอดที่สูงที่สุดของสำนักเชียวเหยา เป็นธรรมดาที่จะไม่ถ่ายทอดอย่างง่ายได้ ต่อให้เป็นผู้อาวุโสในสำนักบางคน ยังไม่มีคุณสมบัติฝึกฝน
วิชายุทธ์ระดับ5 ที่อยู่ในชั้นหนึ่งนั้นมีเยอะมาก วิชาหมัด วิชาเท้าวิชาเตะ วิชาหมัด วิชาดรรชนี วิชาดาบ วิชากระบี่และอื่น ๆ มีครบทุกอย่าง
ทว่าหลัวซิวเหลือบมองอยู่หนึ่งรอบ ก็ไม่พบวิชายุทธ์ที่ยอดเยี่ยมกว่าวิชากระบี่แสงเหนือและวิชาเงาเศษสิบช่อง
หลังจากที่เดินอยู่หนึ่งรอบ หลัวซิวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หากไม่เลือกวิชายุทธ์ระดับ5 ทว่าในอนาคตตนเองได้แสดงวิชายุทธ์ระดับ5 ออกมา แถมยังไม่ใช่เคล็ดวิชาที่หอเซียวเหยามีอยู่ พอถึงตอนนั้นจะอธิบายเช่นไร?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลัวซิวก็ได้บอกเรื่องคลังสมบัติราชายุทธ์กับลู่เมิ่งเหยา สำหรับกระบวนการที่อันตรายถึงชีวิตนั้น ถูกเขาละเว้นไป
เขาเชื่อลู่เมิ่งเหยา ดังนั้นถึงได้บอกกับนาง
แม้ว่าหลัวซิวจะกล่าวอย่างสบาย ๆ สิ่งที่ได้จากคลังสมบัติราชายุทธ์เหมือนจะมากมาย ทว่าลู่เมิ่งเหยาทราบดี ไม่มีโอกาสใดในโลกนี้ที่ได้มาอย่าง่ายดาย ยิ่งเป็นโอกาสที่ดี ก็จะยิ่งอันตราย
ทว่านางคิดไม่ถึงว่า หลัวซิวจะได้รับคลังสมบัติของราชายุทธ์ที่แข็งแกร่งทิ้งเอาไว้ ทรัพยากรความมั่งคั่งที่อยู่ในนั้น ต่อให้เป็นระดับสูงสุดของสำนักเซียวเหยา เกรงว่าคงจะต้องใจสั่นหวั่นไหวแน่นอน!
“หลัวซิว เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ศิษย์มากมายออกไปฝึกฝนที่ด้านนอก มีบางครั้งก็ได้รับเช่นกัน ได้รับการสืบทอดวิชายุทธ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นนอกสำนักหรือในสำนัก สำหรับเรื่องนี้ล้วนไม่มีกฎเกณฑ์มาผูกมัด”
สำหรับปัญหาของหลัวซิว ลู่เมิ่งเหยาได้ให้คำอธิบาย
“นอกจากนี้หากเจ้ามีเคล็ดวิชายุทธ์ที่ตนเองไม่ได้ใช้ สามารถเอาออกมาเก็บไว้ที่หอเซียวเหยาได้ ตามระดับของเคล็ดวิชายุทธ์ที่เจ้ามอบออกมา ก็จะสามารถได้รับรางวัลตามความเหมาะสม”
ลู่เมิ่งเหยากล่าวต่อ “วิชายุทธ์ระดับ5 เคล็ดวิชาหนึ่ง สามารถแลกกับยาฝึกปราณสามเม็ด”
“ยาฝึกปราณสามเม็ด?” หลัวซิวชะงักเล็กน้อย
ตามมูลค่าที่แท้จริงแล้ว ยาฝึกปราณสามเม็ดมิอาจทัดเทียมได้กับวิชายุทธ์ระดับ5 เคล็ดวิชาหนึ่ง แต่วิชายุทธ์ที่ไม่ได้ใช้เก็บเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์ แลกกับยาฝึกปราณนับเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย
หลัวซิวไม่ได้แลกยาฝึกปราณมาในตอนนี้ เขาใช้ไปแล้วหนึ่งเม็ด ยังเหลืออีกสองเม็ด พึ่งจะทะลวงถึงขั้นชี่ไห่ขั้นสาม จะต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อให้ผลการฝึกตนเสถียรภาพ สามารถรอแลกในตอนที่ต้องการในอนาคตได้
ออกมาจากหอเซียวเหยา หลัวซิวได้กลับไปที่ที่พักของตนเอง ในตอนที่สร้างความเสถียรภาพให้กับวิชาชี่ไห่ขั้น3 นั้น ขณะเดียวกันก็เริ่มฝึกวิชากระบี่แสงเหนือและวิชาท่าร่างเงาเศษสิบช่อง
มีวิชากระบี่ฟ้าแลบและวิชาดาบเร็วเป็นที่พึ่ง หลัวซิวเข้าใจวิชากระบี่แสงเหนือได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ก็ได้เข้าใจประเด็นหลักของขั้นปฐมภูมิ
วิชากระบี่แสงเหนือแบ่งเป็นสามกระบวนท่า แยกเป็นกระบี่สะท้อนแสง กระบี่พรากชีวี กระบี่แสงเหนือ
สามกระบวนท่าเป็นไปตามนี้ กระบวนท่าหนึ่งมีพลังสูงกว่าอีกกระบวนท่าหนึ่ง หลัวซิวใช้เวลาทั้งวัน ก็เพียงเข้าใจกระบี่สะท้อนแสงขั้นต้นเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็เริ่มฝึกฝนวิชาเงาเศษสิบช่อง นึกผังลายเส้นชีวิตอยู่ในหัว พัฒนาวิชายุทธ์ทั้งสองนี้
ส่วนเรื่องกำลังภายใน ถึงแม้ว่าพลังหยางบริสุทธิ์จะเป็นระดับ3 ขั้นสุดยอด ทว่าในความเป็นจริงผลลัพธ์ที่แท้จริงสามารถทัดเทียมกำลังภายในระดับห้า เพียงแค่ยากที่จะฝึกฝน ดังนั้นถึงถูกจัดให้อยู่ในระดับสาม
รอจนผลการฝึกตนถึงชี่ไห่ระดับ7 หลัวซิวก็จะสามารถฝึกพลังพรสวรรค์ ผสมผสานกับพลังหยางบริสุทธิ์ ฝึกฝนพลังหยางบริสุทธิ์พรสวรรค์
โดยไม่รู้ตัว หลัวซิวหมกมุ่นอยู่กับการบรรลุความลึกซึ้งของวิชายุทธ์ เขาเข้านอกสำนักเซียวเหยามา เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว
ในช่วงเวลานี้ เข้าได้ฝึกฝนวิชาเงาเศษสิบช่องจนถึงแดนบรรลุผล สามารถแยกเงาร่างออกมาได้ถึงเจ็ดสาย
จากกระแสพลังที่ปล่อยออกมาผ่านทางลายเส้นชีวิต หลัวซิวรู้สึกว่าผู้อาวุโสนอกสำนักท่านนี้ด้อยกว่าลู่เฟยเฉินและจ้าวฉีหยวนเล็กน้อย อยู่ประมาณแดนเทพยุทธ์ตอนต้น ส่วนเป็นขั้นไหนนั้น ก็มิอาจมั่นใจได้
แดนใหญ่ทั้งเก้าระดับ ถูกแบ่งอย่างละเอียดประณีต ขั้นหนึ่งถึงขั้นสามเป็นตอนต้น ขึ้นสี่ถึงขั้นหกเป็นตอนกลาง ขั้นเจ็ดถึงขั้นเก้าเป็นตอนหลัง จากนั้นก็เป็นขั้นเก้าขั้นสูง
ขั้นสามถึงขั้นสี่ ขั้นหกถึงขั้นเจ็ด ขั้นเก้าถึงขั้นเก้าขั้นสูง ทั้งสามช่วงนี้ เป็นสันปันน้ำ ความสามารถแตกต่างกันมาก
ในแง่ของแดนชี่ไห่ วิชาชี่ไห่ขั้น3 เหมือนกับนวิชาชี่ไห่ขั้น2 และ1 ปราณแท้ล้วนมีสภาวะเป็นหมอกควันเช่นกัน เพียงแค่ปราณแท้จะทรงพลังมากกว่า และทันทีที่ก้าวเข้าสู่วิชาชี่ไห่ขั้น4 ปราณแท้ที่มีสภาวะเป็นหมอกควันก็จะกลายเป็นของเหลว เป็นการข้ามขั้นแบบเปลี่ยนธาตุ!
ดังนั้นวิชาชี่ไห่ระดับสี่ ก็คือชี่ไห่ตอนกลาง ขั้นสามนับเป็นเพียงตอนต้นขั้นสูง!
ปรมาจารย์โลกยุทธ์ในเขตการปกครองหยุนหลงนั้นพบได้ยากมาก ทว่าในนอกสำนักเซียวเหยาแห่งเขตการปกครองหยุนหลง กลับหาไม่ยาก แค่จับผู้อาวุโสนอกสำนักออกมาสักคน ล้วนเป็นปรมาจารย์โลกยุทธ์แดนเทพยุทธ์
ยอดฝีมือแดนเทพยุทธ์ขั้น9 ขั้นสูงอย่างเจ้าสำนักลู่เฟยเฉินนั้น ยิ่งมีฉายาเป็นปรมาจารย์แห่งโลกยุทธ์!
ส่วนในในสำนักเซียวเหยา หลัวซิวก็ได้ยินลู่เมิ่งเหยาเอ่ยเป็นครั้งครา ว่าศิษย์ในสำนักล้วนเป็นแดนพรสวรรค์ ผู้คุมกฎเป็นแดนเทพยุทธ์ มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่มีฉายาเป็นราชา ถึงจะขึ้นเป็นเจ่สำนักได้
สิ่งที่ผู้อาวุโสสั่งสอนบรรยายนั้น ล้วนเกี่ยวกับทักษะยุทธ์ หรือเคล็ดลับในการฝึกกำลังภายในรวมทั้งข้อห้ามต่าง ๆ
ในฐานะปรมาจารย์โลกยุทธ์แดนเทพยุทธ์ ชายชรานั้นมีประสบการณ์มากมาย ยังได้บรรยายเกี่ยวกับทักษะการป้องกันตัวเมื่อต่อสู้กับอสุรกาย ทักษะในการเอาตัวรอดและอื่น ๆ
ศิษย์นอกสำนักส่วนมากอายุยังน้อย ทักษะชั้นต้นเหล่านี้มีประโยชน์มาก หากสามารถเข้าใจได้ ในการฝึกฝนในอนาคต สามารถให้รักษาชีวิตของตนได้
เมื่อผู้อาวุโสสั่งสอนบรรยายจบและจากไป หลู่เมิ่งเหยาเองก็เตรียมที่จะกลับไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...