อ้อมกอดอสูรไร้ใจ นิยาย บท 32

พอชายหนุ่มออกมาถึงห้องอาหาร ก็เห็นซีซ่าร์เล่นกับอรองอย่างสนิทสนม ทั้งๆ ที่เป็นคนละสายพันธุ์

แพรณารา นานาและคารอส ต่างก็นั่งมองดูลูกหมาสองตัวหยอกเย้าเล่นกันไปมาอย่างน่ารักน่าเอ็นดู

“เริ่มเลยครับ ปล่อยให้ซีซ่าร์กับอรองเล่นกันไปก่อน” ออร์แลนโด้เอ่ยพลางส่งยิ้มให้ทุกคน ราวกับว่าไม่มีเรื่องขุ่นเคืองใจใดๆ ทั้งสิ้น

แต่กระนั้นก็ยังทำให้คารอสอดเสียวสันหลังไม่ได้ เพราะสายตาของออร์แลนโด้ที่มองมายังเขานั้น มันทำให้รู้สึกแปลกๆ ชอบกล

“มิกิเคลียร์จบแล้วใช่ไหมคะ” คารอสกระซิบถามเบาๆ

“น่ะ...น่าจะจบแล้วมั้งคะ” แพรณาราหันไปตอบเสียงเบาหวิว ทั้งที่ภายในใจนั้นคิดไปสารพัด ว่าคืนนี้เธอจะต้องโดนคนหื่นหาเรื่อง XYZ อีก เป็นแน่

ออร์แลนโด้หันมามองคารอสกับแพรณาราที่กระซิบกระซาบกันอย่างไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะกระแอมเสียงดัง แล้วทำทีเป็นเชิญที่โต๊ะอาหาร “อะแฮ่ม! เชิญที่โต๊ะเลยครับคุณนานา”

ทุกคนพากันเข้าไปนั่งที่โต๊ะ ขณะเดียวกันอันโตนีโอ้ที่มีกุญแจสำรองก็เปิดประตูเข้ามาเอง และเดินตามกลิ่นมายังโต๊ะทานข้าวตัวใหญ่ที่อยู่ติดกับระเบียง ที่ผู้เป็นนายชอบนั่งสังสรรค์เป็นประจำ

“สวัสดีครับบอส คุณมิกิ คุณเพชร อ้าว! ยัยพนักงานต้อนรับที่ร้องไห้โดนผู้ชายทิ้งเมื่อตอนบ่ายนี่” อันโตนีโอ้เอ่ยทักทายทุกคนเสร็จก็ต้องตกใจที่เห็นผู้หญิงที่เถียงกับตนเมื่อตอนบ่าย นั่งข้างๆ กับเพื่อนรักของเจ้านาย

“หน็อย! ไอ้พนักงานเดินเอกสารปากเสีย” นานารู้สึกโกรธขึ้นมา อีกครั้งจนแทบจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ‘ไอ้บ้านี่! ยังจะพูดจาเพ้อเจ้ออยู่ได้ ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ถูกผู้ชายทิ้ง ยังจะมาประจานอีก’

“รู้ได้ไงว่าปากฉันเสีย เคยชิมหรือไงฮึ! เป็นฉันก็ไม่เอาเหมือนกันนะ ผู้หญิงอะไรน่ากลัวชะมัดเลย” อันโตนีโอ้ตอบกลับทันทีเพราะรับไม่ได้กับคำว่า พนักงานเดินเอกสาร ที่สาวปากเสียยัดเยียดให้

“ฉันไม่ได้ถูกทิ้งย่ะ แล้วปากอย่างนายเนี่ยไม่ต้องชิมให้เป็นเสนียด ก็รู้ว่าเสียมาตั้งแต่เกิดแล้ว ฉันแค่ร้องไห้ที่เพื่อนของฉันจะไม่มาทำงานอีกก็เท่านั้นเอง ไอ้คนบ้า!”

“เธอน่ะแหละ ยัยบ้า แล้วก็ไม่ต้องมาโกหกหรอก หึ! ร้องซะขนาดนั้นยังไงก็คงถูกทิ้งมาแน่ๆ”

“แก! ไอ้ร็อตไวเลอร์ปากเสีย”

“เธอน่ะสิ! ยัยพิตบูลล์” อันโตนีโอ้ตอบกลับอย่างไม่ยอมเหมือนกัน

ระหว่างที่ร็อตไวเลอร์กับพิตบูลล์กำลังกัดกันนัว เอ๊ย! เถียงกันจนลืมสิ่งรอบข้าง ทั้งสามคนก็นั่งอึ้งอ้าปากค้างฟังกันจนลืมหมูย่างบนเตาไปชั่วขณะเช่นกัน

“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันครับ ช่วยเล่าให้ผมฟังทีว่าเกิดอะไรขึ้น” ออร์แลนโด้รีบทำการหย่าศึก ก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมบนโต๊ะอาหาร

“ก็เอกสารที่บอสให้ไปเอาวันนี้แหละครับ พอผมไปถึงที่เคาน์เตอร์ กำลังจะถามหาเอกสารก็เจอยัยนี่ยืนหันหลังคุยโทรศัพท์ไปร้องไห้ไปอย่างกับ มีใครจะเป็นจะตาย พอผมทักขึ้นก็หันมาด่าผมซะงั้น” อันโตนีโอ้ชิงเล่าก่อนอย่างแมนๆ

“นานากำลังคุยโทรศัพท์กับมิกิค่ะ พอรู้ว่ามิกิจะลาออกจากงานเลยเสียใจจนร้องไห้ อีตาบ้านี่ก็เข้ามา แถมยังกล่าวหาว่านานาร้องไห้เพราะถูกผู้ชายทิ้ง มันน่าโมโหไหมล่ะคะ” นานาตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“เพชร! กลับหมูสิ! ไหม้หมดแล้ว” ออร์แลนโด้หันไปต่อว่าเพื่อนรัก ที่เอาแต่อ้าปากชะเง้อมองตาม จนลืมสนใจกลิ่นเนื้อที่เริ่มจะไหม้ตรงหน้า

“แหม! กำลังถึงจุดไคลแม็กซ์เลย” คารอสบ่นพึมพำ แต่หูก็ไม่พลาดที่จะฟังเรื่องของชาวบ้านต่อ แถมยังเอียงข้างขยายเรดาร์ขึ้นอีกเป็นสองเท่า

“เอาเป็นว่า...พีเคขอโทษคุณนานาซะ เรื่องเข้าใจผิดกันทั้งนั้น” ออร์แลนโด้หันไปสั่งคนสนิท

“ฮะ! ทำไมผมต้องขอโทษยัยพิตบูลล์นี่ด้วยล่ะครับ” อันโตนีโอ้หันมามองหน้าผู้เป็นนายอย่างไม่เข้าใจ

“แมนๆ หน่อยสิ พนักงานเดินเอกสาร” คารอสเสริมต่อ พร้อมกับเอ่ยย้ำคำว่า พนักงานเดินเอกสาร อย่างสะใจ ที่อีกฝ่ายโดนลดขั้นจากมือขวาคนสนิท กลายเป็นพนักงานระดับล่าง

“โอเค! ขอโทษครับคุณผู้หญิง” อันโตนีโอ้กลอกตา

“ค่ะ งั้นก็หายกัน” นานาเอ่ยรับอย่างแกนๆ ‘ก็ยังดีที่ขอโทษ หึ!’

“ยังไม่หายครับ คุณต้องขอโทษที่เรียกผมว่าพนักงานเดินเอกสารก่อน เพราะผมเป็นมือขวาของคุณอลัน” อันโตนีโอ้เอ่ยต่อ

“อ้าว! งั้นก็ขอโทษแล้วกันค่ะ เป็นมือขวาหรอกหรือคะ” นานาส่งยิ้มกวนๆ ไปให้อีกฝ่าย

อันโตนีโอ้โกรธจนหักตะเกียบไม้ดัง เป๊าะ! แล้วส่งยิ้มที่น่ากลัวไปให้นานาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะกัดฟันเอ่ยเสียงเย็น

“ไม่เป็นไรครับคุณพิตบูลล์ เอ๊ย! คุณพนักงานต้อนรับ”

“เอาละครับ ลงมือทานกันเลยดีกว่า คุณนานาลองชิมเนื้อหมักสูตรของผมดูนะครับ ว่าพอทานได้ไหม?” ออร์แลนโด้รีบเปลี่ยนเรื่อง แล้วคีบเนื้อย่างที่กำลังได้ที่ให้สาวเจ้าเพื่อดึงความสนใจ

“ขอบคุณมากค่ะบอส” นานาเอ่ยขอบคุณพร้อมกับคีบเนื้อย่างที่ผู้เป็นนายวางลงในชามใบเล็กสไตล์ญี่ปุ่น ไปจิ้มน้ำจิ้มแล้วทาน

“อร่อยใช่ไหมนานา” แพรณาราเอ่ยถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“อื้ม! อร่อยมากๆ เลย” นานาเอ่ยชม เพราะเนื้อทั้งนุ่ม แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเครื่องเทศ แต่เดาไม่ออกว่าคืออะไร

“ขอบคุณครับ งั้นก็ทานเยอะๆ เลยนะครับ” ออร์แลนโด้ยิ้มพร้อมกับส่งเบียร์ขวดใหม่ให้สาวเจ้าอีกครั้ง

“เอ้า! พีเค นี่ฉันย่างให้นาย” คารอสคีบเนื้อให้อย่างเอาใจ

“ขอบคุณครับคุณเพชร” อันโตนีโอ้เอ่ยขอบคุณและกำลังจะคีบเนื้อย่างเข้าปาก

“ไม่เป็นไร พนักงานเดินเอกสาร ฮ่าๆๆ” คารอสหัวเราะอย่างชอบใจที่ได้แกล้งมือขวาของเพื่อนรัก

“เอาเนื้อย่างของคุณเพชรคืนไปเลยครับ!” อันโตนีโอ้คีบเนื้อที่กำลังส่งเข้าปากวางคืนลงในชามให้อีกฝ่ายทันที

“แหม! ล้อเล่นนิดหน่อยเอง ทำเป็นงอนไปได้ เอาน่าฉันไม่บอกใครหรอก” คารอสเอ่ยเสียงจริงจัง พร้อมกับส่งเนื้อย่างไปให้ใหม่อีกครั้ง

“ขอบคุณนะครับ แหม! ปลื้มใจจังเลย” อันโตนีโอ้ประชด

“น่า...คนกันเอง ฮ่าๆๆ ทุกคนครับ ขอชนขวดหน่อยครับ” คารอสเอ่ยหยอกอย่างอารมณ์ดี

“หมดขวดนะ” ออร์แลนโด้สมทบ

กริ๊ก/ กริ๊ก /กริ๊ก /

“หมดขวด” ทุกคนนั่งดื่มกินกันอย่างสนุกสนานเฮฮา ท่ามกลางสายตาขวางๆ ของพิตบูลล์กับร็อตไวเลอร์ ที่ส่งเขม่นกันข้ามโต๊ะไปมา

ด้านคารอสก็ยิ้มกว้างอย่างชอบใจ ที่เห็นอันโตนีโอ้มีคู่ชกที่สมน้ำสมเนื้ออย่างนานาจนลืมสายตาพิฆาตของเพื่อนรักไปอย่างสนิทใจ

ส่วนแพรณาราก็สังหรณ์ใจว่าคืนนี้จะต้องเจอกับอะไร เลยไม่ค่อยได้สนใจสิ่งรอบข้าง เพราะออร์แลนโด้แอบเอามือมาลูบต้นขาของเธอไปมา ระหว่างที่อันโตนีโอ้กับนานาเถียงกัน

เธอผลักมือของเขาออกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่อีกฝ่ายก็จับต่อ! และหันมาเลิกคิ้วให้เธออย่างกวนๆ จนเธอต้องข่มอารมณ์ แสร้งยิ้มส่งให้ใครต่อใคร ขณะที่ถูกคนหื่นจับนั่นจับนี่อยู่ใต้โต๊ะตลอดเวลา

จวบจนกระทั่งล่วงเลยไปหลายชั่วโมงที่นั่งทานและดื่มสังสรรค์กัน คารอสจึงขอตัวกลับ

“อลัน เดี๋ยวฉันกลับก่อนนะ ว่าจะเข้าไปตรวจงานที่กาสิโน สักหน่อย กลับก่อนนะครับทุกๆ คน ปะ ซีซ่าร์!” คารอสหันไปเรียกซีซ่าร์ที่นั่งเฝ้าอรองหลับอย่างน่ารักน่าชัง เหมือนพี่ดูแลน้อง เขาก้มลงอุ้มซีซ่าร์ที่ทำท่าไม่อยากกลับ แล้วเดินตรงไปที่ประตูทันทีเพราะมีงานด่วนรออยู่

“มีอะไรก็โทร. มาบอกนะเพชร!” ออร์แลนโด้เอ่ยตามหลังเพื่อนรัก ที่หันมาพยักหน้ารับก่อนจะกดลิฟต์ลงไป

“เอ่อ...งั้นนานาก็ขอตัวกลับก่อนนะคะ” นานาบอกยิ้มๆ

“งั้นเดี๋ยวพีเค! นายขับรถไปส่งคุณนานาด้วยนะ จะได้หายห่วง! ” ออร์แลนโด้รีบสั่งคนสนิท เพราะกลัวว่าแพรณาราจะเป็นห่วงถ้าหากว่าเพื่อนสาวจะนั่งแท็กซี่กลับเอง

“อ๋อ! ได้อยู่แล้วครับ!” อันโตนีโอ้ตอบรับพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์

“งั้นเรากลับก่อนนะมิกิ กลับก่อนนะคะบอส” นานาหันมาเอ่ยลาทั้งสอง ก่อนจะแอบกลอกตาอย่างเซ็งๆ

“นอนหลับฝันดีนะอรอง” หญิงสาวเอ่ยยิ้มๆ

ออร์แลนโด้ที่เดินตามมา มองสาวเจ้ายิ้มๆ ก่อนจะรวบเอวบางขึ้นมาอุ้มพาดบ่า แล้วพาแม่ของอรองเดินไปยังสระว่ายน้ำตรงระเบียง

“อ๊ะ! จะทำอะไรน่ะพี่อลัน ปล่อยนะ ปล่อย!” แพรณาราโวยวายไม่พอใจ

“พี่บอกแล้วไงว่าไม่ชอบคนโกหก จะบอกหรือไม่บอกโอกาสสุดท้ายแล้ว” ออร์แลนโด้เอ่ยถามเสียงเย็น

“ก็ได้ๆ ก็แค่หัวเราะที่พี่อลันหน้าเหมือนอรองเท่านั้นเอง” แพรณาราตอบไปตรงๆ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำรุนแรง และเธอไม่รู้ว่าตอนนี้ผีกำลังเข้า หรือว่าผีกำลังจะออกกันแน่ เลยไม่อยากเสี่ยง

“เหมือนตรงไหน” ออร์แลนโด้ถามเสียงขุ่นทันที

“วางมิกิลงก่อนสิแล้วจะบอก” เธอต่อรอง

“ได้! อย่าตุกติกนะ” ออร์แลนโด้เอ่ยเตือน ก่อนจะยอมปล่อย

“ก็หน้าของพี่อลันตอนที่โมโหอย่างตอนนี้เนี่ยแหละค่ะ เหมือนกับ อรองไม่มีผิดเลย ลองไปส่องกระจกดูสิคะ” แพรณาราบอกความจริง

“แต่อรองมันเป็นหมานะ แถมหน้าตายังน่าเกลียด แล้วคิดยังไงถึงได้เอามันมาเปรียบเทียบกับพี่ซึ่งเป็นผัวของมิกิ!” คนถูกเปรียบเทียบเอ่ยถามเสียงดังตามอารมณ์ที่เดือดดาล

“ก็ไหนบอกว่าถ้าพูดความจริงให้ฟังแล้วจะไม่โกรธไง” เธอรีบทวงสัญญา

“แล้วมิกิคิดว่าพี่สมควรจะโกรธไหมล่ะ และถ้าจะไม่ให้พี่โกรธ พี่ก็แค่จับอรองโยนลงไปจากระเบียงตรงนี้ แค่นี้ก็หายโกรธแล้วละ” แพรณารามองดูสีหน้าที่เหมือนฆาตกรโรคจิตของคนตรงหน้าแล้ว ก็เริ่มจะหวั่นใจว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างที่พูดจริงๆ

“ห้ามทำแบบนั้นนะ มิกิขอโทษ พี่อลันอย่าทำอะไรอรองนะ มิกิขอร้อง” แพรณารารีบอ้อนด้วยสีหน้าเศร้าๆ

“งั้นบอกมาสิ ว่าจะไถ่โทษพี่ยังไง หรือจะให้พี่โยนไอ้หมาบ้านั่นลงจากระเบียง” คนหื่นได้ทีก็เล่นใหญ่

“พี่อลันจะให้มิกิทำอะไรก็ได้ แต่อย่าทำอะไรอรองนะคะ มิกิรักอรองมากค่ะๆ” แพรณาราเอ่ยพร้อมกับเดินเข้าไปกอดอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน

“อะไรนะ รักอรองงั้นเหรอ ?” ออร์แลนโด้ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่เมียรักหมามากกว่าตัวเอง ตั้งแต่อยู่กันมาเธอยังไม่เคยบอกรักเขา แต่ไอ้หมาน่ารังเกียจที่เจอได้วันเดียวกลับรักมันอย่างนั้นเหรอ? หึ! พระเจ้า! เขาชักอยากจะฆ่ามันขึ้นมาจริงๆ แล้วสิตอนนี้

“มะ...ไม่ได้รักแบบนั้น มิกิหมายถึงรักแบบเอ็นดูในความน่ารักของมันน่ะค่ะ” หญิงสาวรีบอธิบาย

“รักเพราะเอ็นดู!” ออร์แลนโด้เอ่ยเสียงดัง ‘รักเพราะเอ็นดูมันเนี่ยนะ หึ! แล้วเขาล่ะ อุตส่าห์ให้ดูเอ็นทุกวันทุกคืนกลับไม่รักให้ตายสิ’

“รักเหมือนลูก เหมือนที่พี่เพชรรักซีซ่าร์ไงคะ”

“งั้นมิกิ ปัดโธ่โว้ย! ใครโทร. มาวะ!” ออร์แลนโด้ที่กำลังจะบอกอะไรบางอย่าง ก็มีสายเข้ามาซะก่อน พอเห็นชื่อคนโทร. เข้า จึงรีบกดรับสายอย่างหงุดหงิด

“อลันแกมาที่กาสิโนหน่อยได้ไหม มีเรื่องน่ะ!” คารอสบอกเสียงตึงๆ

“แหม! โทร. มาราวกับรู้จังหวะนะ เออๆ เดี๋ยวไป” ออร์แลนโด้ประชดก่อนจะวางสาย พลางคิดในใจอย่างเคืองๆ เขาน่าจะปิดเครื่องซะตั้งแต่แรกก็จบ หึ! เลยอด XYZ เลยกู

“พี่ต้องออกไปทำธุระที่กาสิโน มิกิอยู่คนเดียวได้ไหมคะ”ออร์แลนโด้ถามอย่างแสนเสียดาย

“กาสิโน!” แพรณาราเอ่ยทวนอย่างงงๆ พลางรู้สึกวูบในใจแปลกๆ เพราะปกติเขาจะอยากพาเธอไปนั่นมานี่ด้วยกันตลอด แต่ครั้งนี้กลับไม่!

“ใช่ค่ะ กาสิโนของพี่ชายพี่น่ะ มีอยู่หลายที่ด้วยกัน ร่วมหุ้นกับพี่ชายของเพชรมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว เดี๋ยววันหลังพี่จะพามิกิไปเที่ยว แต่วันนี้พี่ไปธุระสำคัญ มันค่อนข้างอันตราย มิกิอยู่ที่นี่พี่จะสบายใจกว่า” เขาหว่านล้อม เพราะดูจากสีหน้าแล้ว เขารู้ว่าเธออยากจะไปด้วย

“ค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” แพรณาราเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มของออร์แลนโด้ทั้งสองข้าง ก่อนจะรีบเดินเข้าไปยังห้องนอน ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนอึ้งอยู่กับที่ กับการกระทำเมื่อครู่ มันทำให้หัวใจของเขาพองโตสุดๆ เพราะตลอดเวลามีแต่เขาที่แสดงออกอยู่ฝ่ายเดียว

ออร์แลนโด้ลังเลว่าจะเดินตามสาวเจ้าไปดีไหม? จนสุดท้ายต้องกลั้นใจเดินออกมากดลิฟต์ เพื่อจะไปหาเพื่อนรักแทน พลางอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี เมื่อนึกถึงตอนที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มแตะลงยังแก้มเมื่อครู่ ‘หรือว่าเธอจะเริ่มรักเราขึ้นมาบ้างแล้ววะ!’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ้อมกอดอสูรไร้ใจ