อาการปวดฟันของซู่ชินอ๋องไม่ใช่วันสองวันแล้ว เฟิ่งชิงเฉินไม่ไปก่อนหน้านี้ แต่เลือกไปจังหวะนี้ จุดประสงค์ยังต้องกล่าวถึงอีกหรือ
เจ้าเก้าหนอเจ้าเก้า นี่คือสิ่งที่เจ้าบีบบังคับข้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะเชือดไก่ให้ลิงดู
"ทหาร" องค์จักรพรรดิลุกขึ้นยืน "จงเรียกตัวอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายไปหารือที่ตำหนักไท่เหอ"
เมื่อกล่าวจบก็ได้เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ค่ำคืนนี้คาดว่าคงจะไม่ได้พักผ่อนอีกแล้ว
เสด็จอาเก้าประทับอยู่ในเรือนจำ และเนื่องจากกลิ่นหอมมันเข้มข้นจึงไม่อาจทำให้หลับตาลงได้ ดังนั้น ผู้คนในเมืองหลวงและจึงได้แต่อยู่เป็นเพื่อนคอยรับใช้อย่างว่าง่าย
หลังจากที่คนรับใช้นำสิ่งของมาวางไว้ให้ เฟิ่งชิงเฉินก็กวักมือให้หวังจิ่นหลิงเข้ามาช่วย "เจ้าช่วยถือกระจกและยืนดีๆ"
เมื่อนำกระจกส่องเข้าไปในช่องปากของซู่ชินอ๋อง เฟิ่งชิงเฉินก็จุ่มตะเกียบลงไปในสุรา แล้วสั่งให้ซู่ชินอ๋องอ้าปาก ซู่ชินอ๋องเคยชินกับการรักษาจากหมอหลวงและคนอื่นๆ เช่นนี้ จึงทำให้อ้าปากโดยง่าย
มือซ้ายของเฟิ่งชิงเฉินถือหินเรืองแสงเอาไว้ มือขวาถือตะเกียบ มองไปเหมือนจะดูตลกแต่สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินนั้นจริงจัง
ช่างเข้มงวด ดูเป็นมืออาชีพ ท่าทางสง่างามทำให้ทุกคนไม่กล้าที่จะดูถูกนาง
ซู่ชินอ๋องอ้าปาก เฟิ่งชิงเฉินปรับตำแหน่งของกระจกที่ถืออยู่ในมือของหวังจิ่นหลิง แล้วถือหินเรืองแสงขยับไปมา พบว่า......
กระจกนั้น ส่องสะท้อนภาพภายในปากของซู่ชินอ๋องได้อย่างดี
ซู่ชินอ๋องนึกอยู่ในใจว่า ฉลาดไม่เบา
เฟิ่งชิงเฉินไม่มีอารมณ์ไปคิดถึงความคิดใดของซู่ชินอ๋อง นางตรวจมองดูฟันบนและฟันล่าง ดูเหมือนจะถูกถอนออกไปถึงแปดซี่ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน
การถอนฟันในสมัยโบราณจะไม่ได้กำจัดเซลล์ประสาทซึ่งทำให้เจ็บปวดนี้ออกไป แต่ต้องถอนออกมาโดยตรง ไม่ต้องกล่าวเรื่องของความเจ็บปวด แต่การรักษาบาดแผลนั้นก็เป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว
เมื่อฟันถูกถอนออกไป ก็จะเหลือเพียงรูเลือด ฟันที่ถูกถอนมาก่อนหน้านี้นานแล้วค่อยยังชั่ว เนื่องจากแผลถูกรักษามาพอประมาณ แต่ฟันที่เพิ่งถูกถอนออกไปนั้นรอยเลือดยังคงอยู่ที่นั่นและเหงือกก็บวมแดงมาก
"ท่านอ๋อง อีกประเดี๋ยวเมื่อชิงเฉินเอ่ยถามท่านว่าเจ็บหรือไม่ ให้ท่านตอบตามความจริง" นางเกรงว่าซู่ชินอ๋องจะแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง แม้เจ็บก็ไม่บอก
"อืม" ในครั้งนี้ซู่ชินอ๋องให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก คาดว่าคงจะกลัวเจ็บแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินใช้ตะเกียบเคาะไปที่ฟันบนฟันล่าง แต่ซู่ชินอ๋องล้วนกล่าวว่าเจ็บ ดูเหมือนว่าเขาจะเจ็บฟันไปเสียทุกซี่
เคาะไปเคาะมา ทำให้มือเฟิ่งชิงเฉินถึงกับล้า
เพราะว่าตะเกียบนั้นไม่มีน้ำหนัก นางจึงต้องใช้กำลังมากในการเคาะจึงจะแน่ใจว่าถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม นางเห็นว่าฟันทุกซี่ของชินอ๋องล้วนอยู่ในสภาพดี หากว่าซู่ชินอ๋องกล่าวว่าเจ็บทุกซี่ ก็คงต้องถอนฟันหมดปากเลยหรือ?
เป็นไปไม่ได้ แม้เฟิ่งชิงเฉินจะไม่ใช่ทันตแพทย์ แต่นางก็รู้ดีว่าอาการปวดฟันไม่ใช่เช่นนี้
"เอาล่ะเสร็จแล้ว" เฟิ่งชิงเฉินให้สัญญาณว่าซู่ชินอ๋องสามารถหุบปากลงได้ และหวังจิ่นหลิงก็ไม่ต้องใช้กระจกส่องเข้าไปอีก
นางคืนหินเรืองแสงให้แก่ซู่ชินอ๋อง เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา นางหยุดครุ่นคิดอยู่ที่เดิม
ทุกคนก็ไม่มีใครกล้ารบกวนนาง
เฟิ่งชิงเฉินครุ่นคิดเกี่ยวกับสถานการณ์เมื่อครู่แล้วลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะก้าวเข้าไปกล่าวว่า "ท่านอ๋อง ลองกดที่แก้มซ้ายของท่านดู"
เฟิ่งชิงเฉินดูเหมือนจะคิดออกแล้วแต่นางไม่กล้ากล่าว เนื่องจากว่าหากนางกล่าวออกไปจะทำให้การวินิจฉัยของหมอคนก่อนๆ ผิดพลาดทั้งหมด ซึ่งนี่เป็นเรื่องต้องห้าม
"เพราะเหตุใด?" น่าเสียดายที่ซู่ชินอ๋องไม่ได้เป็นคนที่หลอกง่าย
เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้วจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน หากนางกล่าวออกไปคงทำให้ผู้คนมากมายต้องขุ่นเคือง และที่สำคัญคือนางอาจจะฆ่าใครหลายๆ คนได้
"ต้มตุ๋น พวกหมอต้มตุ๋น ทหาร! จงไปจับพวกหมอต้มตุ๋นเหล่านั้นมาฆ่าให้หมด!" ซู่ชินอ๋องรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวแต่ก็โมโหคับข้องใจมาก เขาตกลงไปที่โต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน
ห้องนั้นยังคงเป็นห้องเดิม แต่เนื่องจากซู่ชินอ๋องลุกขึ้นยืนจึงทำให้ห้องนั้นดูเล็กแคบลงไป เฟิ่งชิงเฉินตกใจจนก้าวถอยหลัง เมื่อเห็นความโกรธในดวงตาของซู่ชินอ๋องที่อยู่ด้านหน้านี้ นางก็พยายามก้าวเข้าไปอย่างกล้าหาญ……
"ท่านอ๋องใจเย็นก่อนเพคะ"
นางรู้ดีว่าผลออกมาเป็นเช่นนี้
หมอไม่ต่างกับโจรที่นำศีรษะแขวนไว้ ในโลกปัจจุบันหากวินิจฉัยโรคผิดล่ะก็ บทลงโทษอย่างหนักคือการจำคุก บทลงโทษอย่างเบาคือการต้องออกจากวงการหมออย่างถาวร แต่ในสมัยโบราณเช่นนี้……
เฮ้อ หากว่าเผชิญหน้ากับผู้มีอำนาจ คาดว่าคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะแก้ตัว
การวินิจฉัยผิดพลาด นอกเสียจากจะมีความสัมพันธ์ด้านผลประโยชน์ หากไม่มีล่ะก็ไม่ว่าจะเป็นหมอคนใดที่วินิจฉัยผิดพลาดไปก็จะนับว่าทักษะทางการรักษาไม่ดีและขาดประสบการณ์ จากสถานการณ์เช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่รู้เช่นกันว่าใครผิดใครถูก
เนื่องจากการวินิจฉัยผิดพลาด ส่งผลให้ผู้ป่วยเจ็บปวดมากกว่าเดิม สิ่งนี้ไม่อาจจะชดเชยกันได้ อย่างเช่นฟันของซู่ชินอ๋องที่ถูกถอนออกไป
"ใจเย็นหรือ? เจ้าให้ข้าใจเย็นอย่างไร ข้าเจ็บปวดมายี่สิบกว่าปี และในยี่สิบกว่าปีมานี้ฟันของข้าถูกถอนไปถึงแปดซี่ เฟิ่งชิงเฉินเจ้าดูหน้าของข้าสิ" ซู่ชินอ๋องชี้ไปที่ใบหน้าของตนด้านซ้าย ดวงตาคู่นั้นไม่อาจระบายความรู้สึกออกมาได้
บัดนี้ในตอนนี้มีเพียงการฆ่าเท่านั้นที่จะสามารถระบายความโกรธในใจของเขาออกมา
เมื่อมองเห็นดวงตาแดงก่ำของซู่ชินอ๋องเช่นดวงตาผู้ที่ไร้เหตุผล เฟิ่งชิงเฉินจึงเข้าใจได้ทันทีว่าบัดนี้ซู่ชินอ๋องโมโหขุ่นเคืองสักเพียงใด
แต่ว่า……. หากจะให้ประหารชีวิตหมอนับสิบคนดูเหมือนจะสูญเสียมากเกินไป
คุณข้าของหมออยู่ที่การรักษาผู้คน กว่าจะมีหมอถือกำเนิดขึ้นสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย ในราชวังไม่มีปัญหาการขาดแคลนหมอ แต่สำหรับประชาชนทั่วไปเล่า
ในยุคที่ขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์อย่างร้ายแรงเช่นนี้ หมอคนหนึ่งหมายถึงอะไร เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดี
นางทำไม่ได้ เมื่อมองเห็นซู่ชินอ๋องออกคำสั่งให้ฆ่าหมอเหล่านั้นอย่างไม่แยแส
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...