นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 33

"หญิงสารเลว เจ้ามันหญิงสารเลว" นายท่านรองตระกูลเซี่ยถีบอนุของตนอีกครั้ง

เฟิ่งชิงเฉินเดิมคิดจะเกลี้ยกล่อมเขาสักหน่อย แต่กลับถูกหวังชีใช้สายตาห้ามปรามไว้

เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเฟิ่งชิงเฉินจะมีคุณสมบัติว่ากล่าวอะไรได้

เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจและหมุนตัวกลับไปอย่างเงียบเชียบพร้อมทั้งเก็บชุดมีดของตน แยกสิ่งที่ใช้แล้วกับยังไม่ได้ใช้ออกจากกัน

"คุณชายสาม คราวนี้ล่ะได้เรื่องแล้ว ตระกูลหวังของข้านับว่าถูกล้างมลทินได้อย่างหมดจด" บนใบหน้าของหวังชีมีรอยยิ้ม

เกียรติยศของบ้านสกุลหวังถูกรักษาเอาไว้ได้ แต่ส่วนตระกูลเซี่ยนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหวังชีแล้ว

ส่วนเรื่องจัดการเฟิ่งชิงเฉินน่ะหรือ? เรื่องนี้ก็ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นเสียก็แล้วกัน เฟิ่งชิงเฉินมีความสามารถจริงๆ

ใต้เท้าเว่ยก็สบายใจ แม้ว่าในเรื่องนี้เขาจะไม่ได้ดูมีความสามารถมากนัก แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำให้ใครขุ่นเคือง เขาอยู่ในราชสำนักมาหลายปี ไม่มีความสามารถก็ไม่เป็นไร เพียงแค่ดวงตามีแววก็พอแล้ว

"วันหลังข้าจะให้ท่านอารองไปขอขมาที่จวนหวังด้วยตนเอง" เซี่ยซานเองก็ไม่ใช่ผู้ที่ไม่รู้จักประเมินสถานการณ์

เรื่องจริงอยู่ตรงหน้า

หญิงสาวสกุลหวังไม่ใช่ฆาตกร ความสัมพันธ์ต่อไปในอนาคตของตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยสามารถรักษาไว้ต่อไปได้

"ตกลง" หวังชีจิบชาอย่างเชื่องช้า โดยไม่สนใจเสียงร้องไห้ภายในห้อง

ใต้เท้าเว่ยดูสถานการณ์แล้วก็รู้ว่าที่นี่คงไม่มีเรื่องอีกแล้ว แม้ว่าเขาจะอยากอยู่ที่จวนเซี่ยเพื่อเชื่อมสัมพันธ์อีกสักเล็กน้อย แต่ทว่า...

วันนี้จวนเซี่ยวุ่นวายเกินไป เขาไม่เข้าไปยุ่งเสียจะดีกว่าจึงได้ขอตัวจากไป

หวังชีก็ไม่ใช่ผู้ไม่รู้ประสีประสาแต่อย่างใด เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินเก็บของเรียบร้อยแล้วก็เตรียมจะจากไปพร้อมกับเฟิ่งชิงเฉินและไปส่งนางสักหน่อย

สตรีผู้หนึ่ง ไม่เพียงถูกตระกูลทั้งสองข่มขู่ นางวิ่งไปที่นั่นที่นี่มาตลอดเช้าก็คงจะเหนื่อยมากเช่นกัน

ไม่ว่าอย่างไร วันนี้เฟิ่งชิงเฉินก็ได้ช่วยเหลือตระกูลหวังไว้ได้ครั้งใหญ่

วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นพยานหรือหลักฐานวล้วนไม่เป็นผลดีต่อตระกูลหวัง

แต่หารู้ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่รับน้ำใจนั้น นางเดินไปหาหญิงสาวที่นอนจมกองเลือดอยู่ นั่งยองและถามว่า "ฮูหยินรอง บาดแผลของท่านต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว หากท่านเชื่อข้า ให้ข้าทำแผลให้ท่านดีหรือไม่?"

แม้จะรู้ว่านี่เป็นการก่อเรื่องยุ่งยาก แต่นางก็ยังคงทำเช่นนี้ ในฐานะแพทย์แล้ว นางไม่อาจทนมองดูคนเจ็บนอนล้มอยู่แทบเท้านางโดยไม่ทำอะไรเลย

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้านี่นะ อย่าได้หาเรื่องอีกเลย" ฮูหยินรองยังไม่ทันได้เอ่ยปาก หวังชีก็พูดขึ้นมาเสียก่อน

ล้วนเป็นผลดีต่อตัวของเฟิ่งชิงเฉินเองทั้งสิ้น

ฮูหยินบาดเจ็บไม่เบาเลย แม้หมอมาก็ไม่ใช่ว่าจะทำแผลได้ดี เมื่อเฟิ่งชิงเฉินยื่นมือเข้าไป หากรักษาหายก็ดีไป แต่หากรักษาไม่หายก็ต้องเป็นเรื่องเดือดร้อนขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง

แม้ว่าฮูหยินรองจะเป็นคนสกุลหวัง แต่หวังชีไม่ได้รู้จักนางแม้แต่น้อย เรื่องในวันนี้ หากไม่ใช่เพราะเซี่ยซานเป็นคนออกหน้า เขาไม่มีทางเข้ามายุ่งแน่

"คุณชายเจ็ด ข้าเป็นหมอ" เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้กล่าวโทษว่าเขาเลือดเย็น เพียงแต่เอ่ยถึงหลักการของตนเองอย่างสงบนิ่ง

หวังชีก็มีจุดยืนของตนเองเช่นกัน

ฮูหยินรองผู้นี้แต่งงานเข้ามาในจวนเซี่ยก็ถือว่ากลายเป็นคนของตระกูลเซี่ยไปแล้ว เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นพี่น้องบ้านเดิมของนางก็ไม่ได้มาช่วยกันขอร้องแทนนางเลยแม้แต่น้อย ที่หวังชีมาที่นี่ก็เป็นการไว้หน้านางมากพอแล้ว อาการบาดเจ็บของนางนั้นหวังชีไม่ต้องการยื่นมือเข้ามายุ่งเลยแม้แต่น้อย

"แม่นางเฟิ่ง ข้าเชื่อเจ้า โปรดช่วยข้าด้วยเถิด" ฮูหยินรองที่อยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมาขอร้องอย่างจริงใจ

แต่ว่าจะเป็นเพียงฮูหยินของสายรอง แต่ในจวนเซี่ยอันใหญ่โตแห่งนี้มีคนอยากให้นางตายถมไป

"ท่านวางใจเถอะ เพียงแค่ท่านยอมให้ข้ารักษา ข้าจะต้องรักษาท่านจนหายดีแน่ รับรองว่าทั่วร่างของท่านจะไม่มีแม้รอยแผลเป็น" เฟิ่งชิงเฉินรับปากเป็นมั่นเหมาะ

ไม่ใช่ว่านางคุยโวโอ้อวด แต่นางทำได้จริงๆ

"เจ้าช่างพูดคำใหญ่โตเสียจริง ข้าอยากจะเห็นนักว่าเจ้าจะทำอย่างไรที่จะทำให้ป้ารองไม่เหลือรอยแผลเป็น เจ้าน่ะ มานี่หน่อย พยุงฮูหยินรองกลับห้องและนำทางแม่นางเฟิ่งไปด้วย" เซี่ยซานสั่งโดยไม่รอให้เฟิ่งชิงเฉินได้เสียใจภายหลัง

ในเวลานี้เอง ข้ารับใช้จากจวนเซี่ยก็ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็วสมกับที่ได้รับการอบรมมาจากตระกูลเก่าแก่เป็นร้อยปี

เฟิ่งชิงเฉินก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและยิ่งไม่ได้เห็นตนเองเป็นคนนอก นางสั่งงานอย่างเป็นขั้นตอน

ในยุคสมัยนี้สตรีเช่นนี้มักไม่มีบทบาทอันใดในจวนของสามี ทางบ้านเดิมก็จะมองว่านางเป็นหมากที่ไร้ประโยชน์ ไม่สนใจไยดีว่านางจะเป็นหรือตาย

เฮ้อ... สตรีช่างน่าสงสารยิ่งนัก ไม่เพียงแต่ต้องแย่งชิงความรัก แต่ยังต้องมีลูกด้วย

เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจเล็กน้อยและลุกขึ้นยืนและเดินไปหยิบกรรไกร ผ้าพันแผล ไหมเย็บแผล แอลกอร์ฮอล์และยาชาจากกระเป๋าแพทย์อัจฉริยะ

เดิมฮูหยินรองเหลือเพียงสติเลือนราง ดังนั้นยามที่ฉีกยาชาเข้าไป นางไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิด

ไม่ใช่ว่าผู้ป่วยทุกคนจะคอยตอแยถามเหมือนชายหน้ากากเงินนั่น

เมื่อคิดถึงชายผู้นั้น เฟิ่งชิงเฉินก็กังวลใจเล็กน้อย หากเขาตื่นขึ้นมาแล้วจะมาหาเรื่องนางด้วยความโมโหโทโสหรือไม่หนอ?

แต่ว่าแม้จะมาหาเรื่องนางจริงแต่ก็ต้องผ่านไปหลายวันหน่อย ยาสลบปริมาณมากเช่นนั้นเพียงพอที่จะทำให้เขาหลับเป็นตาย บวกกับเวลาที่ต้องพักรักษาตัว หากยังไม่ได้ผ่านไปสักสิบวันหรือครึ่งเดือน เขาไม่มีทางมาหาเรื่องนางได้แน่

ส่วนเรื่องหลังจากครึ่งเดือนนั้นก็ค่อยคิดตอนนั้นก็แล้วกัน

เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้าและพับเก็บความคิดเรื่องของชายหน้ากากเงินนั้นไป เมื่อรอจนยาชาออกฤทธิ์แล้ว เฟิ่งชิงเฉินจึงได้เริ่มทำความสะอาดแผลและฆ่าเชื้อ กำจัดเนื้อเยื่อที่ตายบนบาดแผลนั้นออกไปพร้อมใช้เข็มเย็บแผลที่ค่อนข้างใหญ่

เมื่อมาถึงปัญหาเรื่องรอยแผลเป็น เรื่องนี้ไม่น่ากังวลใจเลยสักนิด แม่รอจนแผลปิดสนิทแล้วจึงใช้เครื่องมือจากกระเป๋าแพทย์อัจฉริยะรักษารอยแผลเป็น โดยพื้นฐานแล้วคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก

สิ่งที่ค่อนข้างมีปัญหาก็คือท่อนำไข่ทั้งสองข้างที่อุดตันของฮูหยินรอง

เรื่องนี้สำหรับฮูหยินรองแล้วเป็นเรื่องใหญ่หลวงยิ่ง แต่สำหรับเฟิ่งชิงเฉินแล้วเพียงแค่การผ่าตัดเล็กๆ ก็แก้ปัญหานี้ได้แล้ว

เพียงแต่เรื่องนี้นางจะเข้าไปยุ่งดีหรือไม่?

ในฐานะแพทย์แล้ว นางจะต้องยื่นมือเข้าไปยุ่ง นางไม่อาจทนเห็นคนไข้ทุกข์ทรมานได้ ไม่อาจมองฮูหยินรองสูญเสียโอกาสในการเป็นแม่ไป แต่ในฐานะที่นางทะลุมิติมาอยู่ในร่างสตรียุคโบราณนั้น นางไม่อยากตกลงสู้วังวนการแก่งแย่งของเหล่าสตรี...

ทำอย่างไรดีหนอ?

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกยุ่งยากอยู่ในใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ