ฮวายวี๋ลูบใบหน้าตัวเองและหลุบตาลง
ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีญาติที่ไหน และไม่มีอดีต ลิขิตให้ใช้ชีวิตโดดเดี่ยว เข้าวงการเพราะความโลภ ทำไมเหมือนส่งไปตายเลยนะ
"รู้แล้วล่ะพี่ฉี"
พี่ฉีพาเธอลงไปเดินเล่น หลังจากเดินไปรอบๆ ชุมชนแล้ว ฮวายวี๋ก็หมดแรงและมีเหงื่อไหลทั่วตามหน้าผาก
หลังจากกลับมา เธอเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ สวมชุดนอนก่อนล้มนอนลงบนเตียงอย่างเหม่อลอย
คืนนี้เป็นเวลาสำหรับรายการทีวีนั้นที่จะออกอากาศ เธอได้รับโอกาสบทมารร้ายไม่ใช่ง่ายๆเลย หวังว่าจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง
พี่ฉีเฝ้าอยู่ข้างนอกและเห็นว่าตอนแรกกำลังจะออกอากาศ ก็รีบมาตรงหน้าประตูของฮวาสยวี๋ "เสี่ยวฮวา ละครกำลังจะเริ่มแล้วนะ เธอไม่ออกมาดูหน่อยเหรอ?"
จากนั้นเมื่อเธอเข้าไปก็เห็นว่าสือฮว่าได้หลับไปแล้ว ปากยังคงพึมพำ
เธอมักจะฝันร้ายอยู่เสมอ แล้วก็มักจะพูดชื่อ อาหมิง
เป็นรักแรกของเธอหรือเปล่า? หรือสมาชิกในครอบครัว?
พี่ฉีไม่เข้าใจ แต่เห็นเธอนอนหลับสนิทก็ไม่อยากรบกวน
เวลาสิบโมงเช้า ฮวายว์ตื่นขึ้น เธอสัมผัสที่ท้องตัวเอง รู้สึกหิวมาก
แต่ในตู้เย็นไม่มีอะไรจะกินเลย ฝนก็ตกอีก เธอเลยทำได้เพียงกางร่มไปหาอะไรทานข้างนอก
สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับร่างกายเธอตอนนี้คือไม่ว่าจะกินเข้าไปเท่าไร น้ำหนักก็ไม่เคยขึ้น ดังนั้นเธอเลยต้องต้องกินเหมือนดาราคนอื่นที่ต้องกินกะหล่ำปลีต้มทั้งวัน
หลังจากที่ฮวายวี๋ลงจากรถแท็กซี่ ก็หอบข้างๆต้นไม้ ร่างกายนี้ช่างเหลือทนเสียจริง
เธอถือร่ม รู้สึกขอบคุณเล็กน้อย ที่โชคดีแค่เดินผ่านตรอกเล็กๆ นี่ก็ถึงแล้ว
ร้านก๋วยเตี๊ยวที่ไปบ่อยอยู่ในที่ลับมาก ถ้าไม่ใช่ลูกค้าประจำนำทางไปก็ไม่มีทางหาเจอ เธอเคยไปมาสองสามครั้งแล้วชอบรสชาติที่นั่นมากก็เลยจดที่อยู่ไว้
เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ไฟถนนทั้งสองข้างก็ดับลงอย่างกะทันหัน
สายตาเธอไม่ค่อยดี โดยเฉพาะตอนมืดๆ เหมือนคนตาบอด
ถ้าเป็นคนธรรมดาก็สามารถมองเห็นถนนได้ชัดเจนแม้จะอาศัยไฟถนน แต่เธอทำไม่ได้
ฮวายวี๋กำร่มแน่น และแตะผนังอย่างรวดเร็ว คิดว่าถ้าคลำกำแพงก็เดินผ่านตรอกนี้ไปได้
แต่เพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว เท้าก็ไปเตะบางอย่างนุ่มๆเข้า เหมือนคนกำลังนอนอยู่
"โอ้ย!!"
เธอกรีดร้องโดยไม่รู้ตัว และวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่กลับชนเข้าอ้อมแขนชายคนหนึ่ง
กลิ่นควันจางๆลอยมาจนเธอขมวดคิ้ว คนที่มีชีวิตใช่ไหม?
บางทีคนที่อยู่ที่พื้นอาจจะแค่เมา คงจะไม่ใช่ศพหรืออะไรทำนองนั้นหรอก
เธอถอนหายใจ ทันทีที่เธอกำลังจะพูด ก็รู้สึกเย็นตรงหน้าผาก ปรากฎว่าปากกระบอกปืนเล็งมาที่เธอ
"ใครส่งคุณมาที่นี่?"
เมื่อเห็นสีหน้าของเขา ยวี่ป๋ายเยี่ยนก็กลอกตา จับมือฮวายวี๋และผลักเธอเข้าไปในอ้อมแขนของฮ่อฉวนสือ
"อาหมิง นายไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้สวยจริงๆ เหรอ? ฉันพนันได้เลยว่าจิงตูจะไม่มีวันเจอใครสวยกว่านี้แล้ว แถมเธอยังเป็นดาราที่ได้รับความนิยม ในฐานะประธานตี้เซิ่ง ไม่ใช่เรื่องยากที่จะครอบครองดารา สืฮว่าหายไปหนึ่งปีแล้วนะ ถ้าอยากที่ผู้หญิงคนนั้นบอกจริงๆ สือฮว่าเริ่มชีวิตใหม่แล้ว นายจะรู้ได้ไงว่าเธอยังอยู่ดี ถ้าเธอแต่งกับคนอื่นแล้วล่ะ? หรือมีคนที่ชอบแล้วล่ะ นายตามหาไปก็ไม่มีประโยชน์"
ริมฝีปากของฮ่อฉวนสือเม้มแน่นขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง "ป๋ายเยี่ยน!"
เขาต้องการผลักผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนออกไป แต่เขาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะกอดเอวของเขาแทน "ฉันยอม ถ้ามันเป็นกฎที่คุณพูดไม่ได้ ฉันยินดี คุณมีรถไหม? เราขึ้นรถกันเถอะ"
ยวี่ป๋ายเยี่ยนไม่เชื่อหูตัวเองและมองดูฉากนี้อย่างตกตะลึง
ผู้หญิงขี้อายและอ่อนแอเมื่อกี้กลายเป็นหมาป่าร้ายตัวใหญ่ในพริบตาได้อย่างไร??
หลังจากที่ฮวายวี๋พูดจบ ตัวเองก็ตกตะลึง เธอกำลังทำอะไรอยู่?!
เธอรีบปล่อยเอวของฮ่อฉวนสือ ใบหน้าแดงก่ำ
ฮ่อฉวนสือไม่พูดอะไร เห็นท่าทางเขินอายของเธอก็ค่อยๆ ละสายตาออกไป
เขาเหมือน...แต่ก็ไม่ยอมเข้าใกล้เธอ อ้อมกอดของเธอ...
"เธอ...กอดฉันอีกหน่อย"
เสียงของเขาเย็นชา รัศมีเขาก็เย็นชาเช่นกัน
ตาของยวี่ป๋ายเยี่ยนแทบกลิ้งลงพื้น นี่อาหมิงกล้าพูดแบบนี้ออกมา? หรือแค่ล้อเล่น ใครต่างก็รู้ความรู้สึกเขาที่มีต่อสือฮว่า และเขาได้ค้นหาตลอดปีและไม่เคยยอมแพ้
ใช่ เขายอมรับว่าผู้หญิงตรงหน้าสวยจริงๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือท่าทางของเธอ ก็ไม่เหมือนสือฮว่าเลยสักนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายฮ่อ คุณคือความลับที่ฉันบอกไม่ได้