องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1479

ณ ริมชายแดนแคว้นหลางเดิม

ซั่งกวนเฮ่าพาลูกน้องมีสีหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนล้าปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางแสงตะวันที่กำลังตกดิน

แสงตะวันที่ส่องลงมาทำให้เห็นเงาที่ทอดยาวของทั้งสามคน

ด้วยพื้นที่ร้างไร้ผู้คน เมื่อมองจากด้านหลังแล้วจึงดูเหมือนเทพเจ้าที่เดินทางกลับมาจากยุคโบราณกาลก็ไม่ปาน

ทั้งสามคนเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงของแคว้นหลางโดยไม่หยุดหย่อน ครั้นเมื่อถึงยามรัตติกาลก็มาถึงถนนใหญ่ของเขตพระราชฐาน

ทว่า กลับมองไม่เห็นว่ามีคนอยู่ที่นี่

ราวกับว่าทั้งเมืองได้ร้างไปจนหมดเสียแล้ว

“ใต้เท้า เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่กันแน่ ? เหตุใดจึงไม่มีใครอยู่เลยเล่า ?”

ลูกน้องของซั่งกวนเฮ่าอดถามออกมาไม่ได้ ทั้งสามคนพากันมองเขตพระราชฐานที่ว่างเปล่า ในใจก็เกิดความรู้สึกวาบหวิวขึ้นมา

ซั่งกวนเฮ่าส่ายหน้าด้วยเขาเองก็ยังอยู่ในอาการมึนงง

นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?

แคว้นหลางเล่า ?

ผู้คนหายไปไหนกันหมด ?

ทั้งสามคนพากันเดินไปก็พบว่าไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว

ต่อมาพวกเขาจึงค่อยพบโรงเตี๊ยมร้างเพื่อพักผ่อนสักคืน

ซั่งกวนเฮ่าจึงเอ่ยขึ้น “ข้าสังเกตมาตลอดทาง ที่นี่ไม่มีร่องรอยการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย แม้แต่สิ่งของที่ครบถ้วนสมบูรณ์สักชิ้นก็ไม่มี ดูเหมือนว่าจะย้ายที่ตั้งแคว้นไปเสียแล้ว... พวกเขาทิ้งเมืองนี้ไปแล้วละ”

“ทิ้งเมืองหรือ ?” ผู้ติดตามทั้งสองคนต่างพากันตกตะลึง

เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่ ?

ซั่งกวนเฮ่าเอ่ยต่อไป “ดูเหมือนว่าช่วงที่พวกเราจากที่นี่ไปจะเกิดเรื่องขึ้นไม่น้อยเลย”

“ใต้เท้า ข้าจำได้ว่าแคว้นหลางมีที่ตั้งของสมาคมเทียนตี้เรา”

“ไปดูกันเถิดว่ายังมีคนอยู่หรือไม่” ซั่งกวนเฮ่าได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยปากขึ้นมา

“ขอรับ !”

ว่าแล้วหนึ่งในสามคนก็รีบออกเดินทางไปหาทันที ทว่าไปได้ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมส่ายหัว

“ใต้เท้า ที่นี่ไม่มีคนอยู่แล้ว ดูเหมือนว่าคนของเราก็ย้ายออกไปแล้วเช่นกัน”ห

ซั่งกวนเฮ่าได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นมา

“เช่นนั้นพรุ่งนี้เช้าเราเข้าไปที่ราชวงศ์อู่กันเถิด”

แล้วค่ำคืนนั้นก็ผ่านไปโดยไร้ซึ่งเสียงพูดคุยใด ๆ อีก

เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสามคนกินเสบียงแห้งเล็กน้อยพอประทังก่อนจะรีบออกเดินทางต่อ

สองวันให้หลัง

ทั้งสามคนไปถึงบริเวณใกล้กับจวนชายแดนตะวันตก แต่กลับพบว่าจวนชายแดนตะวันตกได้กลายเป็นที่ราบไปเสียแล้ว ราวกับว่าถูกอะไรบางอย่างที่น่ากลัวถล่มทั้งจวนเสียจนราบเป็นหน้ากลอง !

ตำหนักที่ใหญ่โตรโหฐานแห่งนั้น บัดนี้กลายเป็นเพียงซากปรักหักพัง !

ซั่งกวนเฮ่าวิเคราะห์อย่างใจเย็นพลางเอ่ยขึ้น

ทว่า...

พวกเขาเดินผ่านข้ามเขา ครั้นเมื่อก้าวเท้าเข้าสู่เขาชิงเฟิงก็ถูกทหารม้ากลุ่มหนึ่งเข้าล้อม จากนั้นทั้งสามคนก็ถูกจับตัวมัดแขนขาแล้วพาขึ้นไปบนเขา

……

หน่วยสอดแนมคนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปยังกระโจมกลางกองทัพ

ผู้บัญชาการทัพพันธมิตรอันดับหนึ่ง ผู้เคยเป็นเจิ้นเป่ยอ๋องแห่งราชวงศ์อู่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขาขมวดคิ้วฟังรายงานศึก สีหน้าดูเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย

ข่าวรายงานว่า จวนชายแดนตะวันตกถูกระเบิดจนราบคาบ เหยียนอ๋องและกองทัพสองแสนนายถอยร่นไปตั้งหลักที่เหยียนโจว ทัพศัตรูตามเข้าไปประชิดจนกลายเป็นศึกปะทะกันที่เหยียนโจว

ยื้อยุดฉุดดึงกันอยู่เช่นนั้น

นอกจากนี้ กองทัพของมหาจักรพรรดิและทัพของศัตรูยังปะทะกันที่ทางเหนือของเหยียนโจว ทั้งสองฝ่ายยังไม่เริ่มรบกัน แต่ก็พร้อมที่จะปะทุได้ทุกเมื่อ

ข่าวทั้งสองนี้ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อดีก็คือทัพจงหยวนไม่ได้มีอะไรเสียหาย ทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม

แต่ข้อเสียคือการปะทะกันระหว่างทัพจงหยวนและทัพศัตรู ความปลอดภัยของมหาจักรพรรดิยากคากเดา อาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ

หากเกิดอะไรขึ้นกับมหาจักรพรรดิขึ้นมา เช่นนั้นคงเป็นมหาภัยพิบัติของจงหยวนเป็นแน่ !

เมื่อเจิ้นเป่ยอ๋องคิดดูแล้ว ดวงตาของเขาก็หรี่ลงก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น

“ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป ให้แม่ทัพหวังเซิ่งนำกองทัพหนึ่งแสนนายรีบรุดไปยังเมืองหลินซุ่น ตัดทางหนีทีไล่ของทัพศัตรูที่เหยียนโจว !”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน