องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ นิยาย บท 404

ฉีเฟยอวิ๋นปรายตามองไปทางอวิ๋นจิ่นที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ชุดยาวสีแดงเข้มนั้นช่างงดงามยิ่งนัก

นางไม่อยากแต่งงาน แต่กลับใส่ชุดแต่งงานฆ่าตัวตาย อยากให้ใครใส่ต่อหรืออย่างไร?

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวกับนาง : “ลุกขึ้นเถอะ บนพื้นมันเย็น เจ้าเพิ่งฟื้นตัว”

อวิ๋นจิ่นลังเลอยู่เล็กน้อย : “ข้าไม่อยากแต่งงานกับเว่ยหลินชวน ข้ามีคนที่ชอบอยู่ในใจแล้ว แต่ข้าพูดไม่ได้”

ฉีเฟยอวิ๋นพึมพำกับตนเองอยู่ครู่หนึ่ง : “อวิ๋นจิ่น ข้าแค่อยากถามเจ้า”

“นายท่านเชิญถามได้เจ้าค่ะ”

“คนที่เจ้าชอบ คือท่านอ๋องใช่หรือไม่?”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ”

อวิ๋นจิ่นหน้าแดงระเรื่อ ฉีเฟยอวิ๋นเห็นอวิ๋นจิ่นไม่ได้กำลังโกหกนาง จึงไม่ได้สร้างความลำบากใจให้กับอวิ๋นจิ่น

“ลุกขึ้นเถอะ ไม่ใช่ท่านอ๋องก็ดีไป” อวิ๋นจิ่นจึงได้ลุกขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นชี้ไปบนโต๊ะ : “กินข้าวเถอะ”

อวิ๋นจิ่นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พับชุดแต่งงานที่เคยอยู่บนตัวไว้เรียบร้อย ก่อนจะกลับมานั่งกินข้าวพร้อมกับฉีเฟยอวิ๋นและมู่เหมียน

“กินเยอะๆนะ ต่อไปหากมีเรื่องก็อย่าได้คิดจะตายอีก การตายมันแก้ไขปัญหาใด ๆ ไม่ได้ มีชีวิตอยู่ต่อสิถึงจะแก้ไขปัญหาที่เจออยู่ได้ เข้าใจหรือไม่?”

ฉีเฟยอวิ๋นกินข้าวพลางวิพากษ์วิจารณ์ความผิดพลาดให้แก่อวิ๋นจิ่น หลังจากกินข้าวเสร็จก็ให้อวิ๋นจิ่นไปจัดการเรื่องของนาง แต่ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะมีเรื่องจึงให้มู่เหมียนตามไปด้วย ส่วนฉีเฟยอวิ๋นก็เดินออกจากจวนอ๋องเย่เพื่อตรงไปหาองค์หญิงใหญ่

ตั้งใจว่าจะพูดให้ชัดเจนอีกครั้ง และไปฉีดยาให้กับองค์หญิงใหญ่ด้วย

วันนี้องค์หญิงใหญ่กำลังนับของขวัญแต่งงานที่จะใช้สู่ขออวิ๋นจิ่นอยู่พอดี

ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปก็เห็นกล่องขนาดใหญ่มากมายวางอยู่บนพื้น และมีนักคำนวณหลายสิบคนกำลังคำนวณด้วยลูกคิด รีบคำนวณว่าของขวัญแต่งงานนั้นมีจำนวนเท่าไหร่

ฉีเฟยอวิ๋นเดินมาตรงหน้ากล่องเหล่านั้นและมองมันแวบหนึ่ง ในนั้นมีกล่องเครื่องประดับเงินทองมากมาย ส่วนด้านบนก็มีสร้อยข้อมือหินโมราที่สลักตัวอักษรหกเส้น

กล่องถัดไปเป็นหินตาแมวจำนวนหกสิบชิ้นหนึ่งกล่อง ส่วนของชิ้นอื่นก็เป็นพวกอัญมณีหลากหลายชนิด

ในกล่องใบอื่นก็ล้วนแต่เป็นสิ่งของ ฉีเฟยอวิ๋นเดินอ้อมเข้าไปหาองค์หญิงใหญ่ เว่ยหลินชวนยืนก้มหน้าอยู่เงียบ ๆ ตรงหน้าประตู

ฉีเฟยอวิ๋นหยุดครุ่นคิดครู่หนึ่ง นึกถึงคำพูดในวันนั้นขออวิ๋นหลัวฉวน เพื่อให้ทุกอย่างสมบูรณ์ จึงทำได้แค่ต้องลอง

ฉีเฟยอวิ๋นเดินเข้าไปใกล้และถามว่า : “ใต้เท้าจั่วจงเจิ้ง ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนของข้าบ้างหรือไม่เจ้าคะ?”

เว่ยหลินชวนพยักหน้า : “เมื่อเช้าท่านอ๋องเย่มาแจ้งข่าวกับกระหม่อมแล้ว”

“เช่นนั้นใต้เท้าคิดเช่นไร?”

เว่ยหลินชวนกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น : “กระหม่อมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าแม่นางอวิ๋นจิ่นจะไม่เห็นด้วย และเป็นทุกข์อยู่เนิ่นนาน หากรู้ว่าแม่นางอวิ๋นจิ่นไม่เห็นด้วย กระหม่อมก็คงจะปฏิเสธไปนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ

แต่ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างกลายเป็นเช่นนี้แล้ว หากจงลิ่งไม่ตอบตกลง เกรงว่าอาจจะทำร้ายนางถึงแก่ชีวิตก็เป็นได้”

“ไม่เสมอไปหรอกเจ้าค่ะ” ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางเว่ยหลินชวน แม้ว่าการทำเช่นนี้จะดูมากเกินไป แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หมดหนทางไปต่อจึงได้คิดแผนการเช่นนี้ออกมา

เว่ยหลินชวนเอ่ยถาม : “พระชายาเย่มีหนทางหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“แน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่”

“พระชายาเย่เชิญกล่าวมาได้เลย ขอแต่ช่วยแม่นางอวิ๋นจิ่นได้ กระหม่อมยินดีร่วมมือทุกอย่าง”

“อื้อ ใต้เท้าเชิญทางนี้เจ้าค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปด้านข้างหนึ่งก้าว เว่ยหลินชวนจึงเดินตามไป

“ข้าไม่ขอปิดบังใต้เท้าจั่วจงเจิ้งนะเจ้าคะ จริง ๆ ก็มีวิธีการหนึ่ง ที่จะทำให้อวิ๋นจิ่นไม่เป็นอะไร เพียงแต่อาจจะสร้างความไม่เป็นธรรมให้แก่ใต้เท้าจั่วจงเจิ้งสักนิด”

“พระชายาเย่เชิญกล่าว”

ฉีเฟยอวิ๋นลังเลครู่หนึ่ง : “จวนอวิ๋นกั๋วกงมีคุณหนูสี่อีกคนหนึ่ง อวิ๋นหลัวฉาย นางมีอายุมากกว่าข้าหนึ่งปี ตระกูลอวิ๋นในอดีตเคยมีการหมั้นหมายไว้ แต่องค์หญิงใหญ่ปฏิเสธ พระชายาตวนจึงมาขอร้องให้ข้าช่วยจัดการเรื่องการหมั้นหมาย แต่ไม่เคยมาเข้าเฝ้า จะให้เอ่ยก็กระไรอยู่

หากใต้เท้าจั่วจงเจิ้งยอมละก็ ข้าจะช่วยดูให้ใต้เท้าเอง”

เว่ยหลินชวนเข้าใจในที่สุด จึงไม่ลังเลอีก เขาพยักหน้าพลางกล่าวว่า : “ก็ดี เช่นนั้นต้องขอรบกวนพระชายาเย่ด้วยขอรับ”

“ไม่เป็นไร ข้าเองก็อยากทำเพื่ออวิ๋นจิ่น จึงไม่อยากปิดบัง อวิ๋นจิ่นมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะใต้เท้าจั่วจงเจิ้งไม่ดีหรอกนะเจ้าคะ”

ฉีเฟยอวิ๋นมักจะหาทางหนีทีไล่ให้แก่ผู้อื่นเสมอ

แต่เนื่องจากอาศัยความสัมพันธ์ที่มีต่อจวนอ๋องเย่ พวกเขาจึงได้ทำคะแนนก่อน ไม่ต้องเอ่ยถึงคนภายนอก แค่จวนราชครูจวิน นางเองก็ได้หน้าไปเต็ม ๆ แล้ว

แน่นอนว่าศักดิ์ศรีหน้าตานี้สำหรับฮูหยินใหญ่อวิ๋นแล้วไม่ได้มีความสำคัญมากมายเพียงนั้น แต่ครานี้การทำคะแนนก็ขึ้นอยู่กับจวนอ๋องเย่

“ฮูหยินใหญ่ ไม่สู้ให้พวกเขาเจอหน้ากันสักครั้ง จะแต่งหรือไม่แต่งนั้น ก็แล้วแต่พวกเขาเองดีกว่า” หนานกงเย่กล่าวขึ้น ฮูหยินใหญ่จึงเห็นด้วย

จากนั้นก็ออกคำสั่งให้คนไปเชิญอวิ๋นหลัวฉายมาที่นี่ เจ้าตัวมาในเสื้อผ้าสีพื้นเรียบ เมื่อเข้ามาถึงด้านในนางก็ทำการย่อกายทำความเคารพ จากนั้นก็ไปยังข้างกายของฮูหยินใหญ่

ฮูหยินใหญ่จึงกล่าวว่า : “นี่คือใต้เท้าเว่ยหรือใต้เท้าจั่วจงเจิ้งจากศาลพิเศษกลาง ฉายเอ๋อร์ เจ้าจงทำความเคารพเสีย”

อวิ๋นหลัวฉายเดินไปแสดงความเคารพ : “หม่อมฉันอวิ๋นหลัวฉายขอคารวะใต้เท้าจั่วจงเจิ้งเจ้าค่ะ

“ข้าน้อยมิบังอาจน้อมรับ”

ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน เว่ยหลินชวนมองพิจารณาครู่หนึ่ง ดวงตาสองคู่จ้องมองกันและกันก่อนจะพยักหน้า

เว่ยหลินชวนเองก็เป็นผู้ที่เด็ดขาด มากความก็เหนื่อย

จากนั้นก็มองไปยังฮูหยินกั๋วกงและกล่าวอย่างเด็ดขาดว่า : “ที่มาวันนี้ข้าน้อยอยากจะมาสู่ขอ ในเมื่อเจอะเจอกับเจ้าตัวแล้ว และมีความชมชอบ นี่ถือว่าคือหลักประกันของข้าน้อย ได้โปรดคุณหนูจงน้อมรับข้อเสนอ และได้โปรดฮูหยินใหญ่เห็นสมควร”

ฮูหยินกั๋วกงยินยอมแน่นอนอยู่แล้ว นางมองไปทางหลานสาวพลางกล่าวว่า : “ฉายเอ๋อร์ เจ้าจะยินยอมหรือไม่?”

“แล้วแต่ท่านย่าจะเห็นงามเจ้าค่ะ” ในคำพูดที่ดูเกรงอกเกรงใจของอวิ๋นหลัวฉายนั้นแฝงไปด้วยความหมายว่านางยินยอม พิสูจน์ได้ว่าเต็มใจอย่างที่สุด

ฮูหยินใหญ่จึงได้ลั่นวาจา รับหลักประกันนั้นไว้

หลังจากรับหยกแขวนแล้ว อวิ๋นหลัวฉายก็ย่อกายแสดงความเคารพและถอยออกไป

หนานกงเย่เองก็ยกมือขึ้นมาคารวะ และพาเว่ยหลินชวนจากไปเช่นกัน

ระหว่างทางเว่ยหลินชวนได้ซื้อของบำรุงบางส่วน กลับไปรายงานองค์หญิงใหญ่ในศาลพิเศษกลาง บอกว่าได้ตัดสินใจแต่งงานด้วยตนเอง และนำหยกแขวนของเขาให้อีกฝ่ายไปแล้ว

องค์หญิงใหญ่ด่าเว่ยหลินชวนว่าไม่มีอนาคตอยู่ครู่ใหญ่ และเรื่องนี้ก็ได้จบไป

ฉีเฟยอวิ๋นยุ่งตลอดทั้งวัน จัดการเรื่องหนึ่งเสร็จสิ้นจึงได้กลับจวน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ