องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ นิยาย บท 412

ฮูหยินรองหันกลับมาคุกเข่าลงตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋น "เป็นเพราะหม่อมฉันสั่งสอนลูกไม่ดีเองเพคะ เมื่อไม่กี่วันก่อนแม่ของนางถูกท่านราชครูส่งกลับไปอยู่บ้านเกิด หม่อมฉันจึงยังไม่มีเวลาสั่งสอนดูแล ไม่คิดเคยว่านางจะไม่รู้จักมารยาทเช่นนี้ พระชายาเย่ได้โปรดอภัยด้วยเพคะ"

"ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ที่ข้ามาก็ไม่ได้อยากจะมีเรื่องอะไร ฮูหยินวางใจได้" ฉีเฟยอวิ๋นจึงหันหลังเดินกลับออกไป

เมื่อเธอออกไปแล้ว ฮูหยินรองจึงลุกขึ้นและเดินไปที่ด้านนอกเรือนของราชครูจวิน และนำเรื่องทั้งหมดไปรายงานกับราชครูจวิน

ราชครูจวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ห้าสิบทีจะพอได้อย่างไร เพิ่มไปอีกหนึ่งร้อยที โบยให้ตายแล้วลากออกไปโยนให้กับบ้านเกิด และห้ามให้นางกลับมาตระกูลจวินอีก"

"เจ้าค่ะ"

ฮูหยินรองกลับออกไปและสั่งให้คนโบยหนึ่งร้อยห้าสิบที เมื่อโบยเสร็จให้ส่งกลับไปที่บ้านเกิดของจวินซือซือ

จวินซือซือถูกโบยจนเกือบจะหมดลมหายใจ เหลือเพียงแค่ลมหายใจสุดท้ายที่ยังฝืนพยายามอยู่ สามีที่เพิ่งแต่งงานไปของนางเดิมทีชอบนางมาก แต่ขณะนี้เมื่อเห็นว่านางกลับมาบ้านแล้วถูกโบยเช่นนี้ คิดว่าคงจะไม่ได้รับความรักความโปรดปรานอีกต่อไป เมื่อรู้สึกโกรธขึ้นมาจึงไม่สนใจจวินซือซืออีกต่อไป

จวินซือซือกัดฟันกรอดนางเพิ่งจะรอดมาได้สามวัน หลังจากสามวันผ่านไปก็นับว่าได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง

หลายวันมานี้ฉีเฟยอวิ๋นหมกมุ่นอยู่กับการคิดถึงท่านพ่อแม่ทัพฉีของเธอ เธอเกรงว่าท่านพ่อของเธอจะกินอยู่ไม่สุขสบายและมักมองไปทางเขตชายแดนอยู่เป็นประจำ และถามอยู่บ่อยครั้งว่าอยู่ที่ใดแล้ว

เจ้าอีกาน้อยเฝ้าคอยอยู่บนหลังคาเรือนทุกวี่วัน ฉีเฟยอวิ๋นสั่งเอาไว้ว่า ตั้งแต่วันที่ท่านแม่ทัพฉีออกรบไป จะต้องรายงานสถานการณ์ของแม่ทัพฉีให้เธอทุกวัน ฉะนั้นทุกวันเช้าและเย็นมักจะมีเจ้าอีกาน้อยคอยส่งสารให้กับเธอ

วันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน ฉีเฟยอวิ๋นถามหนานกงเย่ว่าแม่ทัพฉีอยู่ที่ใดแล้ว หลังจากนั้นก็รอการตอบกลับ

หนานกงเย่จึงถามว่า "นี่คือสาเหตุของการที่ลูกสาวเป็นกังวลเมื่อท่านพ่อออกเดินทางพันลี้หรือ?"

"เรียนรู้ได้รวดเร็วนะเพคะ ช่างน่าเสียดายที่ท่านอ๋องไม่ไปเป็นมหาบุรุษ!"

ทั้งสองคนกำลังพูดคุยอยู่นั้น หงเถาเข้ามาโค้งคำนับอยู่ที่หน้าประตู "ท่านอ๋องเพคะ พระชายาเพคะ อวิ๋นจิ่นมาขอเข้าพบเพคะ"

ฉีเฟยอวิ๋นมองออกไป "เข้ามาสิ"

"เจ้าค่ะ"

หงเถาออกไปข้างนอก หนานกงเย่จึงกลับไปที่ห้องตำราและปิดประตูไปทำธุระของเขา

ด้วยเรื่องนี้เอง ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกพอใจอย่างมาก

ความเป็นคนที่สมบูรณ์เช่นนี้ของหนานกงเย่ ทำให้เธอรู้สึกสบายใจอย่างมาก

อวิ๋นจิ่นเดินเข้ามาจากประตูและหันไปทำความเคารพฉีเฟยอวิ๋น "คารวะนายท่านเจ้าค่ะ"

"มีธุระอะไรหรือ?" ฉีเฟยอวิ๋นเรียกให้อวิ๋นจิ่นนั่งลง นางก็เดินไปและนั่งลง

อวิ๋นจิ่นเดินไปอีกฝั่งและนั่งลง "นายท่านเจ้าคะ วันนี้เป็นวันที่สี่ที่ท่านแม่ทัพออกรบแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?"

"ใช่"

"นายท่านเจ้าคะ ต้องเตรียมเบี้ยหวัดและเสบียงของทหารหรือไม่เจ้าคะ?"

ฉีเฟยอวิ๋นทำท่าทางครุ่นคิด "อวิ๋นจิ่น ทำไมจู่ๆ เจ้าก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาหรือ?"

อวิ๋นจิ่นจึงคิดหาเหตุผลขึ้นมา "ครั้งนี้ที่ท่านแม่ทัพไปออกรบไม่เหมือนกับครั้งอื่นๆ ครั้งนี้ผู้ที่มีหน้าที่ขนส่งเสบียงอาหารให้กับกองกำลังพลก็เป็นทหารของตระกูลจวิน และครั้งนี้กองกำลังทหารขนส่งเสบียงที่ท่านแม่ทัพนำไปด้วยก็ไม่ใช่กองกำลังของท่านแม่ทัพฉี ซึ่งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้

และในขณะนี้เขตชายแดนก็เกิดเรื่องขึ้น หากสงบศึกลงได้ก็ถือเป็นการดี หากไม่สามารถทำได้ เกรงว่าอาณาจักรต้าเหลียงจะแตกระแหงเป็นเสี่ยงๆ

ถึงตอนนั้นมาจัดเตรียมอีกทีก็เกรงว่าจะไม่ทันการเอา

อย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจัยสำคัญในการออกรบก็คือเรื่องอาหารการกิน เสบียงและความเป็นอยู่ต้องพร้อมเป็นอันดับแรก และนี่ก็คือเหตุผลที่ต้องจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า

และหากจะรอจากทางราชสำนักละก็อวิ๋นจิ่นก็ไม่ไว้วางใจ หากทหารของตระกูลจวินไม่พอใจราชสำนักและท่านแม่ทัพฉี เช่นนั้นกองกำลังทหารของท่านแม่ทัพฉีก็จะเกิดเรื่องขึ้นได้

ขณะนี้กำลังออกเดินทาง กว่าจะถึงก็ต้องอีกหนึ่งเดือน เรื่องการรบก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร

หากยังไม่จัดเตรียมเรื่องเสบียงอาหารก็เกรงว่าจะไม่ทันเวลาเอานะเจ้าค่ะ"

ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้า "ต่อให้ท่านพ่อของข้ามีจะเสน่ห์ แต่ก็ไม่เท่าท่านอ๋อง อวิ๋นจิ่นไม่ได้หลงใหลท่านอ๋อง มีหรือจะตกหลุมรักท่านพ่อของหม่อมฉัน?"

หนานกงเย่สีหน้าเคร่งขรึมลง "ทำไมต้องเปรียบเทียบกับข้าด้วยหรือ?"

"เพราะหม่อมฉันก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะเปรียบกับใครเพคะ" เมื่อฉีเฟยอวิ๋นพูดจบก็ตั้งใจคิดอยู่ครู่หนึ่ง "หากเป็นเฉินอวิ๋นเจี๋ยก็น่าจะพอมีโอกาส"

"......เช่นนั้นอวิ๋นอวิ๋นหมายความว่า เฉินอวิ๋นเจี๋ยเก่งกาจกว่าข้าหรือ?"

"หม่อมฉันไม่รู้ว่าเฉินอวิ๋นเจี๋ยในสายตาของคนภายนอกเป็อย่างไร แต่สำหรับหม่อมฉันแล้วเขาเทียบไม่ได้เลยกับท่านอ๋องเพคะ"

"จริงหรือ?" หนานกงเย่ขมวดคิ้ว

ฉีเฟยอวิ๋นจะกล้าพูดโกหกได้อย่างไร "จริงแน่นอนเพคะ แต่ทำไมอวิ๋นจิ่นถึงสนใจเรื่องการออกรบเช่นนี้นะ?"

ฉีเฟยอวิ๋นยังคงคิดไม่ตก

หนานกงเย่จึงกล่าวว่า "หากไปเพื่อใครคนหนึ่ง ข้าอาจจะปล่อยนางไว้ได้ แต่หากไม่ใช่ ข้าก็ไม่สามารถทำได้"

"ท่านอ๋องอย่าเอาแต่คิดฆ่าฟันเลยเพคะ หม่อมฉันมั่นใจว่าอวิ๋นจิ่นเป็นคนที่จงรักภักดี เพียงแค่นางไปเพื่อใครในครั้งนี้ ยังคงต้องจับตาดู

ท่านอ๋อง ท่านคิดอย่างไรหรือเพคะ ให้อวิ๋นจิ่นไปดีหรือไม่เพคะ?"

หนานกงเย่คิดอยู่ครู่หนึ่ง "ไปเถอะ เรื่องนี้ข้าก็กำลังคิดอยู่ เพียงแต่ให้อวิ๋นจิ่นไป ข้ายังรู้สึกเป็นกังวล ต้องมีคนไปด้วยถึงจะดี"

"เช่นนั้นท่านอ๋องหมายความว่า ตกลงให้อวิ๋นจิ่นเดินทางไปควบคุมการขนส่งเสบียงอาหารใช่หรือไม่เพคะ?"

"อืม หนึ่งก็เพื่อทดสอบอวิ๋นจิ่น สองก็เพื่อเตรียมการ การเดินทางออกรบของท่านพ่อตาในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ข้ากังวลใจ จึงต้องจัดเตรียมให้ดีถึงจะถูก"

"เช่นนั้นก็ตามที่ท่านอ๋องสั่งเพคะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจะไปแจ้งให้อวิ๋นจิ่นทราบ"

"ข้าจะเข้าวังหลวงไปเสียหน่อย"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ