เว่ยหลินชวนมองดูจี้หยกรูปมังกรในถาดอย่างงุนงง "ทำไมถึงมีห้าชิ้นหรือ?"
"สิ่งนี้เป็นของที่จักรพรรดิพระราชทานให้เด็กทั้งห้าคนๆ ละหนึ่งชิ้น มีเพียงแค่เลือดเนื้อของจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถครอบครองได้ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพึงพอใจหรือไม่ ในเมื่องการหมั้นหมายในครั้งนี้พวกเจ้าต้องการหาเจ้าของให้กับลูกสาว และเพื่อปกป้องนางไว้ชั่วคราว เช่นนั้นก็เลือกเอาหนึ่งชิ้น นับว่าเป็นการเลือกคนให้กับนางอนาคตข้างหน้าก็สามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้"
เว่ยหลินชวนเหลือบมองอวิ๋นหลัวฉายที่ยืนอยู่ข้างๆ และหล่าวว่า "ฉายเอ๋อร์มาเลือกเถอะ"
อวิ๋นหลัวฉายพยักหน้าและมองไปที่จี้หยกรูปมังกรที่อยู่ในถาดทั้งห้าชิ้น และในที่สุดก็เลือกมาหนึ่งชิ้น
"ชิ้นนี้!" อวิ๋นหลัวฉายหยิบไปให้ฉีเฟยอวิ๋นดู ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ
"เป็นเจ้าใหญ่!"
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหนานกงเย่แต่ก็ไม่พูดอะไรและมองให้กับอวิ๋นหลัวฉาย
เมื่ออวิ๋นหลัวฉายรับจี้หยกไปจากนั้นก็เดินจากไปพร้อมกับเว่ยหลินชวน
ฉ๊เฟยอวิ๋นที่มองพวกเขาเดินจากไปจากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า "หัวใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ใครๆ ก็คาดหวังว่าลูกๆ ของตัวเองจะมีอนาคตที่ดี ครอบครัวที่ดี พวกเขาก็เหมือนกัน
เว่ยหลินชวนกลัวท่านอ๋อง แต่เพื่อให้ลูกสาวของเขามีครอบครัวที่ดีจึงต้องบากหน้าฝืนมาพูดเรื่องการหมั้นหมาย ท่านอ๋องคิดว่าให้กำเนิดลูกสาวออกมาดีหรือไม่เพคะ?"
"ดีหรือไม่ดีข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นคนอื่นมีลูกสาวแล้วข้ารู้สึกอิจฉา แต่ว่า......" หนานกงเย่ลังเลใจ ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร
"ท่านอ๋องเพคะ หากท่านอ๋องชอบจริงๆ ละก็ หม่อมฉันก็สามารถมีให้ท่านอ๋องได้ เพียงแต่หากเกิดออกมาเป็นผู้หญิงทั้งห้าคนอีกล่ะเพคะ?" เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ ฉีเฟยอวิ๋นเชื่ออย่างนั้น
หนานกงเย่สีหน้าซีดเซียว "จะโชคดีเหมือนเกิดลูกชายได้อย่างไร แถมออกมาถึงห้าคน? เช่นนั้น......"
พูดออกมาได้เพียงครึ่งหนึ่ง หนานกงเย่ถาม "เป็นไปได้หรือ?"
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหน้า "ไม่รู้เพคะ ในทางการแพทย์นั้นหนึ่งหรือสองคนนั้นนับว่าพบเห็นได้บ่อยครั้ง นอกเสียจากห้าหกคนเช่นนั้นไม่ได้พบเห็นบ่อยนัก
แต่หม่อมฉันมาถึงที่นี่ก็นับเป็นปัญหาของหม่อมฉันแล้ว คนก็ไม่อาจคาดเดาได้เพคะ......"
"ปัญหาอะไรหรือ?" หนานกงเย่ไม่ชอบฟัง "ข้าอยู่ที่นี่ อวิ๋นอวิ๋นมาที่นี่ก็เพราะความประสงค์ของเทพเจ้า ไม่ใช่ปัญหาเสียหน่อย"
เขากุมมือฉีเฟยอวิ๋นไว้แน่น ดวงตาของหนานกงเย่ลึกซึ้งอย่างมาก
ฉีเฟยอวิ๋นมองเขา "มีใครบ้างที่สามารถพูดคุยกับนกระหว่างการทำคลอด? ใครเคยฝันอยู่แล้วไปอีกโลกแห่งหนึ่งได้ ท่านอ๋องเพคะ......ท่านไม่กลัวหรือเพคะ? หม่อมฉันเป็นคนแปลกประหลาด"
ฉีเฟยอวิ๋นยกมือหนี เธอมองไปข้างนอก หนานกงเย่รีบดึงฉีเฟยอวิ๋นไว้ "ขาไม่กลัว ต่อให้เป็นสัตว์ปรหลาดก็ไม่กลัว! คนอื่นอยากมีก็ยังไม่สามารถมีได้เลย!"
ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจ "อาจจะเป็นเพราะผลงานการทดลองที่ล้มเหลวของหม่อมฉัน ระบบร่างกายภายในเป็นสิ่งซับซ้อนไม่มีใครสามารถคาดการได้ หากมีวันไหนหม่อมฉันเกิดเรื่องขึ้น พวกท่านจะทำอย่างไรเพคะ?"
หนานกงเย่กัดฟันกรอด "ไม่เป็นเช่นนั้นแน่นอน มีข้าอยู่ ข้าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าแม่ลูกเป็นอะไรเด็ดขาด"
"แต่ท่านอ๋องเพคะ เรื่องบางเรื่องก็ไม่สามารถจินตนาการได้หรอกเพคะ"
"ข้าไม่สนว่าจะมีหรือไม่มีหนทาง ข้าต้องการให้เจ้าสัญญากับข้า ห้ามหนีข้าไปไหน หากเจ้าจะไป......เจ้าต้องพาข้าไปด้วย ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าตัวตาย!"
"เอาอีกแล้ว" ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหนานกงเย่อย่างไม่สบอารมณ์ "เป็นถึงท่านอ๋องแต่กลับพูดอยากจะตายๆ!"
"ตายแล้วจะทำไมหรือ ก็ข้าไม่มีทางเลือก ใครให้ข้าแต่งงานกับพระชายาที่เอาแต่พูดว่าจะหนีข้าไป
อวิ๋นอวิ๋นเข้ามาหาข้าก่อน หลังจากการแต่งงานก็มีลูกด้วยกันแล้ว แต่กลับคิดจะหนีข้าไป หากข้าไม่คิดหาวิธีที่จะฆ่าตัวตาย หรือว่าต้องให้ข้าขอบคุณอย่างนั้นหรือ?" หนานกงเย่ดึงฉีเฟยอวิ๋นเข้ามาและกุมมือของเธอไว้แน่น และพูดกับเธอด้วยความโมโห จนฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกมึนงง ราวกับเธอทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยลงได้ เขาพูดจนฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้าพูดอะไรออกมา
"หม่อมฉันรับปากท่านอ๋องเพคะว่าหม่อมฉันจะไม่ไปไหน"
หนานกงเย่กุมมือของฉีเฟยอวิ๋นแน่น และดึงเธอมาตรงหน้า
เขาปรับสีหน้าที่โมโหและเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่อ่อนโยน "อวิ๋นอวิ๋น ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการกลับไป อย่างไรเสียที่นั่นก็เป็นบ้านของเจ้า เจ้าต้องการกลับไปก็เป็นเรื่องปกติ แต่หากข้าไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างโดดเดี่ยว"
"หม่อมฉันรู้ว่าท่านอ๋องต้องเอาหัวชนเสาเพื่อฆ่าตัวตาย!"
หนานกงเย่มีสีหน้าเคร่งขรึม "เช่นนั้นก็ไม่ต้องคิดเรื่องที่จะจากข้าไปไหนหรือลองถาม นอกจากข้าแล้วยังจะมีใครดีกับเจ้าได้เท่ากับข้าอีกบ้าง?"
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นด้วย "ใช่เพคะ!"
ทั้งสองคนหยอกเย้ากันอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็กลับไปที่เรือนด้านหลัง
เด็กๆ ต่างพากันพักผ่อนแล้ว จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงพูดถึงเรื่องของจักรพรรดิ
หนานกงเย่กำลังดื่มชาและเหลือบมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าเขาไม่คิดจะพูดออกมา จึงถามออกไป "ท่านอ๋องทราบเรื่องที่ฮองเฮาถูกกักขังหรือไม่เพคะ?"
เกลี้ยกล่อมก็เกลี้ยกล่อมแล้ว พูดก็พูดไปแล้ว เธอพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว!
หนานกงเย่ถอดเสื้อผ้าออกและไปนอนลงบนเตียง ฉีเฟยอวิ๋นยังต้องการทานอะไรอีกเล็กน้อย จึงเดินออกจากประตูไป
หนานกงเย่ลืมตาดูและเหลือบมองไปที่ประตู จากนั้นจึงลุกขึ้นมานั่งลง
เงาหนึ่งปรากฏขึ้นภายในห้อง "คารวะนายท่าน"
"ที่พระชายาพูดไปได้ยินหรือไม่?"
"ข้าน้อยได้ยินและจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้"
"อืม"
เงาของคนนั้นหายไป หนานกงเย่นอนลงไปอีกครั้ง
ในขณะนี้ ฉีเฟยอวิ๋นกำลังไปเตรียมอาหาร อวิ๋นหลัวฉวนก็เข้ามา
ฉีเฟยอวิ๋นมองเห็นนางเดินเข้ามาก็รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา
กินข้าวไม่ได้เลยหรืออย่างไร
"ท่านพี่เสียนเฟย" คนยังเดินมาไม่ถึงแต่เสียงกลับดังขึ้นมาก่อน ไม่กี่ก้าวอวิ๋นหลัวฉวนก็เดินมาถึงหชตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋นและนั่งลงทำสีหน้าจริงจัง
ฉีเฟยอวิ๋นถามนาง "ดึกเช่นนี้แล้วเจ้ามาที่จวนท่านแม่ทัพมีธุระอะไรหรือ?"
"แน่นอน ท่านพี่เสียนเฟย......เรามาหมั้นหมายกันดีหรือไม่เพคะ?"
ตะเกียบของฉีเฟยอวิ๋นตกลงบนพื้น เธอไม่กล้าที่จะก้มลงไปหยิบ ได้แต่อ้าปากอ้าง "เจ้ากับข้าเป็นสะใภ้ด้วยกันทั้งคู่ หากทำการหมั้นหมายกันจะต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน!"
"เกิดเรื่อง เรื่องอะไรหรือเพคะ?" อวิ๋นหลัวฉวนทำสีหน้าไม่เข้าใจ
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกตกตะลึง เธอเป็นกังวลกับสติปัญญาของอวิ๋นหลัวฉวนจริงๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ