ฉินหงตะลึงตัวแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่งและรีบอธิบายว่า “มิใช่เป็นแน่ ตอนนั้นข้าเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ข้าจะมิยอมให้อะไรเกิดขึ้นกับเจ้าเด็ดขาด”
หลินชิงเหยาเยาะเย้ยในใจ คร้านจะพูดอะไรกับเขามากกว่านี้
ฉินหงพูดกับตัวเองว่า “วันนี้ตัวข้าอารมณ์ดี ไปล่องเรือในทะเลสาบกันเถอะ”
หลินชิงเหยาส่ายหัวด้วยสีหน้าเย็นชา "หม่อมฉันขออภัยเพคะ วันนี้หม่อมฉันรู้สึกมิสบายนิดหน่อย หม่อมฉันคงไปกับท่านอ๋องมิได้ โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ"
ฉินหงถามด้วยความเป็นห่วง “เจ้าเป็นอะไรไป? ให้ข้าเรียกหมอมาดีหรือไม่?"
“มิเป็นไรเพคะ หม่อมฉันแค่เวียนหัวนิดหน่อย เพียงต้องพักผ่อนเพคะ”
“ก็ได้ เช่นนั้นเจ้าพักผ่อนก่อน หลังจากโค่นฉินซูองค์รัชทายาทไร้ประโยชน์ลงได้แล้ว ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวชมสถานที่ดี ๆ”
หลังจากพูดเพิ่มเติมเล็กน้อย เขาก็หันหลังกลับเดินออกไปอย่างมิเต็มใจ
เมื่อมองดูร่างที่จากไปของเขา ดวงตาของหลินชิงเหยาก็สั่นไหว หัวใจของนางดิ้นรนกับอารมณ์ที่ขัดแย้งกัน
หลินชิงเหยา สวมเสื้อคลุมสีดำ เดินออกจากประตูหลังจวนอย่างเงียบ ๆ และมุ่งตรงไปยังตำหนักบูรพา
……
ตำหนักบูรพา
ขันทีน้อยหลายคนยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องทรงพระอักษรด้วยสีหน้าค่อนข้างมิสบายใจ
หนึ่งในนั้นมองดูท้องฟ้าข้างนอกแล้วกระซิบว่า “นี่ พวกเจ้าบอกข้าทีเถอะว่าเกิดอะไรขึ้นกับองค์รัชทายาท? ทันทีที่กลับจากพระราชวัง เองค์รัชทายาทก็เข้าไปในห้องทรงพระอักษร นี่ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วยังมิออกมาเลย”
“ใครจะรู้ เราอยู่ในตำหนักบูรพามานานแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่เราเห็นองค์รัชทายาทเข้าห้องทรงพระอักษร”
“ชู่! เจ้าทั้งสอง เงียบเสียงไว้เถอะ องค์รัชทายาทสั่งมิให้รบกวน หากทำให้พระองค์มิพอใจ ข้าแย่แน่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของขันทีน้อยอีกสองคนก็ซีดลงทันที เม็ดเหงื่อเย็นผุดออกมาบนหน้าผากของพวกเขา
ตลอดหลายปีของการเป็นทาสในตำหนักบูรพา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นฉินซูฆ่าใครสักคน
ชั่วครู่หนึ่งพวกเขามิกล้าแม้แต่จะหายใจ
ในห้องทรงพระอักษร
ฉินซูถือพู่กันเขียนอย่างพิถีพิถันบนกระดาษเปล่า โดยระบุชื่อและกลุ่มของขุนนางและทหารทั้งหมดในราชสำนัก
หลังจากรวบรวมข้อมูลแล้ว เขาก็พบว่าแท้จริงแล้วองค์รัชทายาทไม่มีแม้แต่อำนาจ ไม่มีแม้แต่ผู้สนับสนุนในราชสำนัก
เขามิรู้ว่าจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรเกี่ยวกับความล้มเหลวในฐานะองค์รัชทายาท
ขณะที่ฉินซูกำลังคิดวิธีพลิกกระแสน้ำและสู้กระแสน้ำ
ด้านนอกประตูตำหนักบูรพา
องครักษ์รักษาการสังเกตเห็นเงาที่ซุ่มซ่อนอยู่ในความมืด!
เขาตะโกนเสียงดังทันที "นั่นใคร กล้าดีอย่างไรมาเดินหลบ ๆ ซ่อน ๆ รอบตำหนักบูรพา ยังมิรีบยอมจำนนอีก!”
หลังจากสิ้นคำพูด เขาก็ดึงดาบออกจากเอวด้วยเสียงดังเคร้ง
ทันใดนั้น แสงเย็นประกายวูบวาบ หวาดหวั่นไปถึงทรวงใน
เขาพุ่งออกไป ดาบในมือของเขาวางลงบนคอของคนผู้นั้นในพริบตาเดียว
จากนั้นเขาก็ตระหนักว่าบุคคลนี้สวมเสื้อคลุมสีดำ สวมหมวกไม้ไผ่ ใบหน้าของพวกเขาถูกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำ ทำให้มิสามารถมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าขององครักษ์ก็เคร่งขรึมขึ้น เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ แถวนี้?"
คนผู้นั้นรีบอธิบาย "ข้ามิใช่คนมิดี ข้าเป็นสหายขององค์รัชทายาท ข้ามาที่นี่เนื่องมีเรื่องสำคัญต้องแจ้งให้พระองค์ทราบ”
องครักษ์มองคนชุดดำตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
คนผู้นี้เป็นสตรีนี่!
เมื่อนึกถึงความเลื่องชื่อด้านเคล้านารีขององค์รัชทายาทแล้ว เขาก็ลังเลที่จะลงมือ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถามว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นสหายขององค์รัชทายาท แล้วเจ้ามีนามว่าอันใด?”
“ข้า… เจ้าก็แค่บอกองค์รัชทายาทว่าข้าถูกพระองค์รังแกตอนกลางวัน พระองค์ก็จะเข้าใจแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น องครักษ์ก็หันกลับมาตะโกนบอกคนของตนว่า “พวกเจ้าทั้งสองคอยดูนางไว้ ข้าจะไปรายงานองค์รัชทายาท”
หลังจากการส่งมอบหน้าที่เสร็จ เขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังส่วนกลางของตำหนัก
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องทรงพระอักษร เขาก็เมินเฉยต่อคำห้ามของขันทีน้อย และกล่าวด้วยความเคารพ “องค์รัชทายาท เราจับคนน่าสงสัยไว้พ่ะย่ะค่ะ คนผู้นี้อ้างว่าเป็นสหายของท่าน กระหม่อมมาเพื่อรายงานเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน