“น้าเล็ก รบกวนท่านออกไปสักครู่ก่อนได้หรือไม่?”
แม้ว่าหยวนเป่าจะพูดเหมือนถามหยุนธิงธิง แต่น้ำเสียงที่ใช้กลับฟังแล้วเหมือนเป็นคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้
อายุยังน้อยแค่นี้ แต่กลับมีบรรยากาศอันน่าเกรงขามของราชนัดดาองค์คนโตแห่งราชวงศ์ที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว !
หยุนธิงธิงรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที
หยุนหว่านหนิงรู้สึกงุนงง "หยวนเป่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
“ท่านแม่ ท่านเป็นคนวางยาผงคันใส่ตาหรือเปล่า? เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งไปเห็นมา ว่าตามีสภาพชวนเอนจอนาถขนาดไหน เรียกว่าน่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้เลยเชียวล่ะ!”
"อ๋อ เรื่องนี้เองน่ะเหรอ"
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้าเบา ๆ "ไม่ใช่ฝีมือแม่หรอก"
"ไม่ใช่แม่?"
เห็นได้ชัดว่าหยวนเป่าไม่เชื่อ
เขาเชิดคางขึ้นทำสีหน้าดูถูก "ท่านแม่ ท่านยอมรับมาเถอะ! นอกจากแม่แล้วยังจะมีใครอีกล่ะ? ถ้าแม่ยอมรับข้าก็ไม่มีทางดูถูกแม่หรอก"
หยุนหว่านหนิง: ".....ถ้าสีหน้านี้ของเจ้าไม่ได้เรียกว่าดูถูกแม่ แล้วมันเรียกว่าอะไร?"
"นี่เรียกว่าชื่นชมต่างหาก!"
"มีใครชื่นชมคนด้วยสีหน้าแบบเจ้าบ้าง?"
หยุนหว่านหนิงหยิบกระจกออกมาจากช่องว่าง ให้เขาได้ส่องดู "สีหน้ากับท่าปาก" ของตัวเองแบบชัด ๆ "นี่เป็นสีหน้าที่ข้า 'ชื่นชม' เจ้าในเวลาปกติหรือเปล่า?"
“เพราะจะว่าไป เจ้าแสดงสีหน้าชื่นชมท่านพ่อของเจ้าแบบนี้”
หยวนเป่ารับกระจกมา แล้วส่องดูใบหน้าของตัวเองอย่างละเอียด
เขากด ๆ ผมที่กระดกขึ้นมาเล็กน้อยบนหน้าผากของตัวเองลงไป แล้วค่อยส่งกระจกคืนให้แม่อย่างพึงพอใจ
หยวนเป่าในวันนี้ ก็ยังหล่อเหลามากเช่นเคย!
“แล้วท่านตาของเจ้าเป็นอะไรไปล่ะ?”
หยุนหว่านหนิงสนใจหัวข้อนี้มากกว่า
หยวนเป่านั่งลงข้าง ๆ แล้วเล่าสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินมาเมื่อครู่นี้ให้นางฟัง สุดท้ายยังไม่ลืมแลบลิ้นล้อเลียน "น่าสงสารจริง ๆ ! ถ้าเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปล่ะก็ ตาคงต้องอับอายจนไม่มีหน้าออกไปพบเจอใครจริง ๆ แล้วล่ะมั้ง?!"
หยุนกั๋วกง?
หลังจากวันนี้ไป เขาอาจจะถูกเรียกว่า "กั๋วกงอึราด" ก็เป็นได้!
หยุนหว่านหนิงถึงกับหลุดเสียงหัวเราะดัง "พรืด!"ออกมา
“ท่านแม่ ท่านเป็นคนทำจริง ๆ ใช่ไหม?”
"ไม่ใช่แม่จริง ๆ!"
หยุนหว่านหนิงส่ายหน้าอย่างจนใจ "นี่เป็นฝีมือของหมอหลวงหยาง"
“หมอหลวงหยาง?!”
หยวนเป่าตกใจจนผงะ "ทำไมถึงเป็นเขาไปได้ล่ะ?"
หมอหลวงหยางคนนี้ ไม่ใช่ว่าปกติแล้วจะดูเป็นคนแก่ที่ใจดีมีเมตตามากหรอกหรือ? หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่น่าจะทำเรื่องประเภทแอบทำร้ายคนลับหลังแบบนี้ออกมาได้หรอกมั้ง? !
เขากับหยุนเจิ้นซง ก็ไม่เคยมีความแค้นต่อกันไม่ใช่รึ? !
“ท่านแม่ ท่านเป็นคนบังคับให้หมอหลวงหยางทำใช่หรือไม่?”
เพียงไม่นาน หยวนเป่าก็ได้ข้อสรุป
ครั้งนี้หยุนหว่านหนิงไม่ปฏิเสธอีก "ถูกต้อง!"
ถ้านางลงมือทำเอง ต่อให้ไม่มีใครตรวจสอบจนเจอต้นเหตุได้ก็จริง แต่หยุนเจิ้นซงย่อมต้องนึกสงสัยนางก่อนเป็นคนแรก
แต่เพราะเรื่องนี้ นางไม่ได้เป็นคนลงมือเองตั้งแต่ต้นจนจบ.....
หากหยุนเจิ้นซงสงสัยนาง ก็จะเรียกได้ว่าเป็นการใส่ร้าย หมิ่นประมาท เป็นอาชญากรรมที่ชั่วร้าย!
เมื่อถึงเวลานั้น ก็แค่ร้องทุกข์กล่าวโทษเขา ให้เขาจ่ายค่าปรับเป็นการชดเชยค่าสูญเสียชื่อเสียง ฟ้องเรียกค่าปรับสักหนึ่งล้านตำลึง ดูซิว่าจะทำให้เขาโกรธปางตายได้ไหม?!
เมื่อเห็นท่าทางที่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ของหยวนเป่า หยุนหว่านหนิงก็ถามด้วยความสงสัยว่า "ในเมื่อลูกได้เห็นทั้งหมดแล้ว หรือว่าลูกไปช่วยแก้ฤทธิ์ยาให้เขาเรียบร้อยแล้ว?"
"ข้าเปล่านะ"
หยวนเป่ากระพริบตาอย่างไร้เดียงสา "ข้าแค่วางยาระบายเขาไปขนานหนึ่งเฉย ๆ"
หยุนหว่านหนิง: "....."
นางสามารถจินตนาการได้เลยว่า ตอนนี้หยุนเจิ้นซงมีสภาพน่าเอนจอนาถขนาดไหน!
...........
จวนหยุนกั๋วกง
หลังจากผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาได้ หยุนกั๋วกงก็แห้งเหี่ยวหมดเรี่ยวแรงไปทั้งเนื้อทั้งตัว
ห้องของเขาส่งกลิ่นเหม็นหึ่ง ทุก ๆ ระยะหนึ่งจิบถ้วยชาเป็นต้องขับถ่ายออกมาหนึ่งครั้ง
สุดท้ายคนรับใช้ก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ยิ่งไม่มีใครอยากเข้าไปเก็บกวาด ทำได้แค่รอให้เขาปล่อยออกมาให้หมดก่อน แล้วค่อยเข้าไปเก็บกวาดทีเดียว
นางเฉินแทบจะเป็นบ้าให้ได้แล้ว
หลังผ่านประสบการณ์เลอะเต็มกระโปรงครั้งแรก นางก็สติแตกโดยสิ้นเชิง
ผ่านไปเกือบจะครึ่งเดือน เขาถึงค่อยฝืนใจออกไปพบปะผู้คนได้
ด้วยความที่ขอลาหยุดกับโม่จงหรานเพียงเจ็ดวัน ในวันที่แปดหยุนเจิ้นซงก็ต้องเข้าวังไปร่วมประชุมงานราชการเช้าแล้ว แต่แค่รู้สึกว่าสายตาของขุนนางทั้งหลายที่มองมานั้นมันดูแปลก ๆ!
หยุนเจิ้นซงรู้สึกอึดอัดจนใจคอแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว!
หลังจบการประชุมอันแสนลำบากใจลงในที่สุด เดิมทีเขาคิดว่าจะกลับจวนทันที
ใครจะคิดว่ายังไม่ทันหันหลังกลับ ก็ได้ยินโม่จงหรานตะโกนขึ้นว่า " หยุนเจิ้นซง เจ้ารั้งอยู่ก่อน!"
หยุนเจิ้นซงถึงกับตัวแข็งทื่อ
สายตาของขุนนางที่มองเขา ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยแววเป็นสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นเกือบทั้งนั้น
หยุนเจิ้นซงเข้าใจได้ในทันทีว่า วันนี้เขาคงยากจะรอดพ้นจากหายนะแน่แล้ว!
ขณะที่เผชิญกับสายตาที่เต็มไปด้วยความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นที่พวกขุนนางมองมา เขาทำได้แค่ปิดหน้าด้วยความอับอาย จำต้องรอให้ทุกคนออกไปจนหมดก่อน ค่อยก้าวขึ้นไปข้างหน้าอย่างวิตกกังวลจนหงอไปหมด "ฝ่าบาท"
โม่เยว่กับโม่ฮั่นอี่ว์สองคนพี่น้องยังไม่จากไป
หยุนเจิ้นซงมองเห็นโม่เยว่จากหางตา เห็นแค่ว่าใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง ทั้งร่างเปล่งรัศมีอันเย็นชาที่เป็นดั่งประกาศปิดให้รู้โดยทั่วกันว่า "อย่าได้มายุ่งกับข้าผู้นี้!"
เดิมทีเขายังคิดจะหันไปขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย
แต่เมื่อเห็นว่าโม่เยว่ไม่สนใจเขาเลยสักนิด เขาก็ทำได้แต่หดคอรอความตายเท่านั้นแล้ว
"หยุนเจิ้นซง ไอ้เฒ่าสมองฝ่อ! เจ้าถือว่าคำพูดของข้าเป็นแค่ลมที่พัดผ่านหูเจ้าไปอย่างนั้นรึ?!"
โม่จงหรานเดือดปุด!
เขาคว้าฏีกาที่อยู่ข้างมือ แล้วขว้างใส่หน้าของหยุนเจิ้นซง "ข้าบอกไปตั้งนานแล้วว่าพวกเราต้องประหยัดเงิน ต้องประหยัดเงิน! ยุติความฟุ่มเฟือยและเรื่องที่มันสิ้นเปลือง!"
"เจ้ากลับทำงามหน้านัก! พอถึงวันเกิดก็จัดงานเลี้ยงฉลองเสียใหญ่โต จัดโต๊ะจีนสามสิบโต๊ะเต็ม ๆ แม้แต่คนธรรมดาก็ยังได้รับเชิญ"
“นี่เจ้ากลัวคนอื่นไม่รู้ว่า เจ้าจัดงานวันเกิดของตัวเองได้หน้าด้านไร้ยางอายขนาดไหนอย่างนั้นรึ?!”
โม่จงหรานโกรธจนหัวร้อนไปหมด อ้าปากด่าตรง ๆ แบบไม่ไว้หน้าสักนิด
หยุนเจิ้นซงโดนด่าจนหน้าแก่ ๆ แดงเถือก ก้มหน้าจนต่ำ
เขารู้อยู่แล้วล่ะ!
เป็นเพราะเรื่องนี้ ฝ่าบาทจะต้องทรงดุด่าเขาอย่างแน่นอน!
แต่ก่อนหน้านี้หยุนหว่านหนิงเคยพูดไว้ว่า ขอแค่มีนางอยู่ เรื่องนี้นางจะยืดอกรับให้เอง!
เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในใจคิดว่าก็แค่ถูกดุด่ายกหนึ่งเท่านั้น ไม่เห็นจะเป็นไร!
แต่เหมือนเขาจะลืมไปแล้วว่า หยุนหว่านหนิงคนนี้..... เชื่อถือได้อย่างนั้นหรือ? !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...