อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 483

“น้าเล็ก รบกวนท่านออกไปสักครู่ก่อนได้หรือไม่?”

แม้ว่าหยวนเป่าจะพูดเหมือนถามหยุนธิงธิง แต่น้ำเสียงที่ใช้กลับฟังแล้วเหมือนเป็นคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้

อายุยังน้อยแค่นี้ แต่กลับมีบรรยากาศอันน่าเกรงขามของราชนัดดาองค์คนโตแห่งราชวงศ์ที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว !

หยุนธิงธิงรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที

หยุนหว่านหนิงรู้สึกงุนงง "หยวนเป่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"

“ท่านแม่ ท่านเป็นคนวางยาผงคันใส่ตาหรือเปล่า? เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งไปเห็นมา ว่าตามีสภาพชวนเอนจอนาถขนาดไหน เรียกว่าน่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้เลยเชียวล่ะ!”

"อ๋อ เรื่องนี้เองน่ะเหรอ"

หยุนหว่านหนิงส่ายหน้าเบา ๆ "ไม่ใช่ฝีมือแม่หรอก"

"ไม่ใช่แม่?"

เห็นได้ชัดว่าหยวนเป่าไม่เชื่อ

เขาเชิดคางขึ้นทำสีหน้าดูถูก "ท่านแม่ ท่านยอมรับมาเถอะ! นอกจากแม่แล้วยังจะมีใครอีกล่ะ? ถ้าแม่ยอมรับข้าก็ไม่มีทางดูถูกแม่หรอก"

หยุนหว่านหนิง: ".....ถ้าสีหน้านี้ของเจ้าไม่ได้เรียกว่าดูถูกแม่ แล้วมันเรียกว่าอะไร?"

"นี่เรียกว่าชื่นชมต่างหาก!"

"มีใครชื่นชมคนด้วยสีหน้าแบบเจ้าบ้าง?"

หยุนหว่านหนิงหยิบกระจกออกมาจากช่องว่าง ให้เขาได้ส่องดู "สีหน้ากับท่าปาก" ของตัวเองแบบชัด ๆ "นี่เป็นสีหน้าที่ข้า 'ชื่นชม' เจ้าในเวลาปกติหรือเปล่า?"

“เพราะจะว่าไป เจ้าแสดงสีหน้าชื่นชมท่านพ่อของเจ้าแบบนี้”

หยวนเป่ารับกระจกมา แล้วส่องดูใบหน้าของตัวเองอย่างละเอียด

เขากด ๆ ผมที่กระดกขึ้นมาเล็กน้อยบนหน้าผากของตัวเองลงไป แล้วค่อยส่งกระจกคืนให้แม่อย่างพึงพอใจ

หยวนเป่าในวันนี้ ก็ยังหล่อเหลามากเช่นเคย!

“แล้วท่านตาของเจ้าเป็นอะไรไปล่ะ?”

หยุนหว่านหนิงสนใจหัวข้อนี้มากกว่า

หยวนเป่านั่งลงข้าง ๆ แล้วเล่าสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินมาเมื่อครู่นี้ให้นางฟัง สุดท้ายยังไม่ลืมแลบลิ้นล้อเลียน "น่าสงสารจริง ๆ ! ถ้าเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปล่ะก็ ตาคงต้องอับอายจนไม่มีหน้าออกไปพบเจอใครจริง ๆ แล้วล่ะมั้ง?!"

หยุนกั๋วกง?

หลังจากวันนี้ไป เขาอาจจะถูกเรียกว่า "กั๋วกงอึราด" ก็เป็นได้!

หยุนหว่านหนิงถึงกับหลุดเสียงหัวเราะดัง "พรืด!"ออกมา

“ท่านแม่ ท่านเป็นคนทำจริง ๆ ใช่ไหม?”

"ไม่ใช่แม่จริง ๆ!"

หยุนหว่านหนิงส่ายหน้าอย่างจนใจ "นี่เป็นฝีมือของหมอหลวงหยาง"

“หมอหลวงหยาง?!”

หยวนเป่าตกใจจนผงะ "ทำไมถึงเป็นเขาไปได้ล่ะ?"

หมอหลวงหยางคนนี้ ไม่ใช่ว่าปกติแล้วจะดูเป็นคนแก่ที่ใจดีมีเมตตามากหรอกหรือ? หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่น่าจะทำเรื่องประเภทแอบทำร้ายคนลับหลังแบบนี้ออกมาได้หรอกมั้ง? !

เขากับหยุนเจิ้นซง ก็ไม่เคยมีความแค้นต่อกันไม่ใช่รึ? !

“ท่านแม่ ท่านเป็นคนบังคับให้หมอหลวงหยางทำใช่หรือไม่?”

เพียงไม่นาน หยวนเป่าก็ได้ข้อสรุป

ครั้งนี้หยุนหว่านหนิงไม่ปฏิเสธอีก "ถูกต้อง!"

ถ้านางลงมือทำเอง ต่อให้ไม่มีใครตรวจสอบจนเจอต้นเหตุได้ก็จริง แต่หยุนเจิ้นซงย่อมต้องนึกสงสัยนางก่อนเป็นคนแรก

แต่เพราะเรื่องนี้ นางไม่ได้เป็นคนลงมือเองตั้งแต่ต้นจนจบ.....

หากหยุนเจิ้นซงสงสัยนาง ก็จะเรียกได้ว่าเป็นการใส่ร้าย หมิ่นประมาท เป็นอาชญากรรมที่ชั่วร้าย!

เมื่อถึงเวลานั้น ก็แค่ร้องทุกข์กล่าวโทษเขา ให้เขาจ่ายค่าปรับเป็นการชดเชยค่าสูญเสียชื่อเสียง ฟ้องเรียกค่าปรับสักหนึ่งล้านตำลึง ดูซิว่าจะทำให้เขาโกรธปางตายได้ไหม?!

เมื่อเห็นท่าทางที่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ของหยวนเป่า หยุนหว่านหนิงก็ถามด้วยความสงสัยว่า "ในเมื่อลูกได้เห็นทั้งหมดแล้ว หรือว่าลูกไปช่วยแก้ฤทธิ์ยาให้เขาเรียบร้อยแล้ว?"

"ข้าเปล่านะ"

หยวนเป่ากระพริบตาอย่างไร้เดียงสา "ข้าแค่วางยาระบายเขาไปขนานหนึ่งเฉย ๆ"

หยุนหว่านหนิง: "....."

นางสามารถจินตนาการได้เลยว่า ตอนนี้หยุนเจิ้นซงมีสภาพน่าเอนจอนาถขนาดไหน!

...........

จวนหยุนกั๋วกง

หลังจากผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาได้ หยุนกั๋วกงก็แห้งเหี่ยวหมดเรี่ยวแรงไปทั้งเนื้อทั้งตัว

ห้องของเขาส่งกลิ่นเหม็นหึ่ง ทุก ๆ ระยะหนึ่งจิบถ้วยชาเป็นต้องขับถ่ายออกมาหนึ่งครั้ง

สุดท้ายคนรับใช้ก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ยิ่งไม่มีใครอยากเข้าไปเก็บกวาด ทำได้แค่รอให้เขาปล่อยออกมาให้หมดก่อน แล้วค่อยเข้าไปเก็บกวาดทีเดียว

นางเฉินแทบจะเป็นบ้าให้ได้แล้ว

หลังผ่านประสบการณ์เลอะเต็มกระโปรงครั้งแรก นางก็สติแตกโดยสิ้นเชิง

ผ่านไปเกือบจะครึ่งเดือน เขาถึงค่อยฝืนใจออกไปพบปะผู้คนได้

ด้วยความที่ขอลาหยุดกับโม่จงหรานเพียงเจ็ดวัน ในวันที่แปดหยุนเจิ้นซงก็ต้องเข้าวังไปร่วมประชุมงานราชการเช้าแล้ว แต่แค่รู้สึกว่าสายตาของขุนนางทั้งหลายที่มองมานั้นมันดูแปลก ๆ!

หยุนเจิ้นซงรู้สึกอึดอัดจนใจคอแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว!

หลังจบการประชุมอันแสนลำบากใจลงในที่สุด เดิมทีเขาคิดว่าจะกลับจวนทันที

ใครจะคิดว่ายังไม่ทันหันหลังกลับ ก็ได้ยินโม่จงหรานตะโกนขึ้นว่า " หยุนเจิ้นซง เจ้ารั้งอยู่ก่อน!"

หยุนเจิ้นซงถึงกับตัวแข็งทื่อ

สายตาของขุนนางที่มองเขา ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยแววเป็นสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นเกือบทั้งนั้น

หยุนเจิ้นซงเข้าใจได้ในทันทีว่า วันนี้เขาคงยากจะรอดพ้นจากหายนะแน่แล้ว!

ขณะที่เผชิญกับสายตาที่เต็มไปด้วยความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นที่พวกขุนนางมองมา เขาทำได้แค่ปิดหน้าด้วยความอับอาย จำต้องรอให้ทุกคนออกไปจนหมดก่อน ค่อยก้าวขึ้นไปข้างหน้าอย่างวิตกกังวลจนหงอไปหมด "ฝ่าบาท"

โม่เยว่กับโม่ฮั่นอี่ว์สองคนพี่น้องยังไม่จากไป

หยุนเจิ้นซงมองเห็นโม่เยว่จากหางตา เห็นแค่ว่าใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง ทั้งร่างเปล่งรัศมีอันเย็นชาที่เป็นดั่งประกาศปิดให้รู้โดยทั่วกันว่า "อย่าได้มายุ่งกับข้าผู้นี้!"

เดิมทีเขายังคิดจะหันไปขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย

แต่เมื่อเห็นว่าโม่เยว่ไม่สนใจเขาเลยสักนิด เขาก็ทำได้แต่หดคอรอความตายเท่านั้นแล้ว

"หยุนเจิ้นซง ไอ้เฒ่าสมองฝ่อ! เจ้าถือว่าคำพูดของข้าเป็นแค่ลมที่พัดผ่านหูเจ้าไปอย่างนั้นรึ?!"

โม่จงหรานเดือดปุด!

เขาคว้าฏีกาที่อยู่ข้างมือ แล้วขว้างใส่หน้าของหยุนเจิ้นซง "ข้าบอกไปตั้งนานแล้วว่าพวกเราต้องประหยัดเงิน ต้องประหยัดเงิน! ยุติความฟุ่มเฟือยและเรื่องที่มันสิ้นเปลือง!"

"เจ้ากลับทำงามหน้านัก! พอถึงวันเกิดก็จัดงานเลี้ยงฉลองเสียใหญ่โต จัดโต๊ะจีนสามสิบโต๊ะเต็ม ๆ แม้แต่คนธรรมดาก็ยังได้รับเชิญ"

“นี่เจ้ากลัวคนอื่นไม่รู้ว่า เจ้าจัดงานวันเกิดของตัวเองได้หน้าด้านไร้ยางอายขนาดไหนอย่างนั้นรึ?!”

โม่จงหรานโกรธจนหัวร้อนไปหมด อ้าปากด่าตรง ๆ แบบไม่ไว้หน้าสักนิด

หยุนเจิ้นซงโดนด่าจนหน้าแก่ ๆ แดงเถือก ก้มหน้าจนต่ำ

เขารู้อยู่แล้วล่ะ!

เป็นเพราะเรื่องนี้ ฝ่าบาทจะต้องทรงดุด่าเขาอย่างแน่นอน!

แต่ก่อนหน้านี้หยุนหว่านหนิงเคยพูดไว้ว่า ขอแค่มีนางอยู่ เรื่องนี้นางจะยืดอกรับให้เอง!

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในใจคิดว่าก็แค่ถูกดุด่ายกหนึ่งเท่านั้น ไม่เห็นจะเป็นไร!

แต่เหมือนเขาจะลืมไปแล้วว่า หยุนหว่านหนิงคนนี้..... เชื่อถือได้อย่างนั้นหรือ? !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์