“ไม่เป็นไร”
เสวียนซันเซียนเซิงโบกมือเบาๆ หยวนเป่ารีบออกจากมาจากอ้อมแขนของไทเฮากู้ จากนั้นวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเสวียนซันเซียนเซิงพลางแหงนหน้าจ้องมองเขา “ท่านปู่เสวียนซัน”
“แล้วเหตุใดท่านถึงไม่เล่าต่อ ข้ากำลังตั้งใจฟังอยู่เชียว!”
“ข้ารู้ว่าหยวนเป่าเป่าตั้งใจฟังมาก แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว”
เสวียนซันเซียนเซิงเงยหน้าขึ้นมามองไทเฮากู้อยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าดูสิ เสด็จย่าทวดของเจ้าง่วงนอนจนลืมตาไม่ขึ้นแล้ว!”
หยวนเป่าหันไปดูตาม ก็เห็นว่าไทเฮากู้ได้ฟุบหลับอยู่บนโต๊ะแล้ว
หมอหลวงหยางเห็นแล้วก็ถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ตาเฒ่าไร้ยางอายเกิดมีมโนธรรมขึ้นมาหรืออย่างไรกัน ถึงได้รู้ว่าเวลานี้มันดึกมากแล้ว!
เขาลุกขึ้นพลางบิดขี้เกียจเบาๆ ในที่สุดก็ได้กลับไปนอนพักผ่อนเสียที!
หมอหลวงหยางหาวขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็ทูลลาหยวนเป่าแล้วจึงถอยหลังออกไป
เสวียนซันเซียนเซิงโอบกอดหยวนเป่าไว้ เมื่อเห็นดวงตาที่ใสแจ๋วของหยวนเป่าแล้ว ก็ยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “หยวนเป่าเป่ายังอยากฟังต่อหรือ คืนนี้จันทราสุกใส ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว ข้าพาเจ้าไปชมจันทร์ดีหรือไม่”
“ดีเลย ดีเลย!”
หยวนเป่ารีบตบมือด้วยความดีใจ
หรูเยียนเห็นแล้วก็พยายามจะเข้าไปห้าม “เซียนเซิง เสี่ยวเตี้ยนเซี่ยสวมใส่เสื้อผ้าบางเกินไป หรือว่า...”
“มีข้าอยู่ทั้งคน ข้าจะปล่อยให้หยวนเป่าเป่าหนาวจนไม่สบายได้อย่างไรกัน”
เสวียนซันเซียนเซิงสบถเสียงในลำคอเบาๆ
พูดจบเขาก็เอื้อมมือปลดเข็มขัดออก
หรูเยียนและหวางหมัวมัวต่างก็ตกใจจนเสียงหลง ทั้งสองรีบพากันปิดตาพร้อมกับหันหลังทันที
หวางหมัวมัวก้มหน้าลงต่ำพลางตำหนิเสียงเข้ม “เซียนเซิง ท่านกำลังทำอันใด ต่อหน้าพระพักตร์ไทเฮากู้ อย่าได้เสียมารยาทเชียว!”
เสวียนซันเซียนเซิงไม่ได้พูดอะไร
หลังจากที่ปลดเข็มขัดเรียบร้อยแล้ว เขาก็ปลดเสื้อตัวนอกออกพลางพูดขึ้นว่า “หยวนเป่าเป่า เข้ามาเร็วเข้า!”
หยวนเป่าเป่ากะพริบตาเบาๆ เพียงชั่วอึดใจเขาก็เข้าใจความหมายของเสวียนซันเซียนเซิงทันที
หยวนเป่ารีบกระโดดขึ้นไปกอดเขาไว้แน่น ราวกับลิงน้อยที่กำลังเกาะอยู่บนตัวของเสวียนซันเซียนเซิงก็ไม่ปาน
จากนั้นเขาก็ใช้เสื้อตัวนอกคลุมตัวหยวนเป่าไว้ แล้วจึงใช้เข็มขัดรัดอย่างแน่นหนาอีกที
หยวนเป่าซุกตัวอยู่บนแผ่นอกของเขา มีเพียงศีรษะน้อยๆ ของเขาเท่านั้นที่โผล่พ้นให้เห็น “พี่หรูเยียน หวางหมัวมัว พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้า ท่านปู่เสวียนซันไม่ปล่อยให้ข้าเป็นหวัดหรอก!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หรูเยียนและหวางหมัวมัวก็ค่อยๆ หมุนตัวหันกลับมาดู
“อุ๊บ”
หวางหมัวมัวเห็นแล้วก็หลุดขำทันที
ส่วนหรูเยียนเห็นแล้วก็อึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็หัวเราะตามหวางหมัวมัว “เวลานี้ เซียนเซิงกับเสี่ยวเตี้ยนเซี่ยดูเหมือนกับ...”
“เหมือนกับสัตว์อะไรนะ ที่พระชายาพูดเคยถึง?”
“จิงโจ้!”
หยวนเป่าตอบกลับเสียงดังฟังชัด “เสด็จแม่ของข้าเล่าว่าแม่จิงโจ้จะใส่ลูกจิงโจ้ไว้ในถุงหน้าท้อง! ข้างในอบอุ่นและสามารถดื่มนมได้ แถมยังสามารถปกป้องลูกจิงโจ้ได้อีกด้วย!”
“ท่านปู่เสวียนซันก็คือท่านปู่จิงโจ้! ส่วนข้าก็คือลูกจิงโจ้!”
คำพูดเด็กใสซื่อบริสุทธิ์
คำพูดของหยวนเป่าพลอยทำให้ทุกคนต่างก็พากันหัวเราะด้วยความเอ็นดู
เสวียนซันเซียนเซิงกอดหยวนเป่าพลางเดินออกไปด้านนอก จากนั้นก็กระโดดลอยตัวปีนขึ้นไปบนหลังคา
หรูเยียนแหงนมองดูคนแก่และเด็กที่นั่งเรียงกันอยู่บนหลังคา เมื่อมองจากระยะไกลแล้ว...เหมือนกับแร้งหัวล้านสองตัวก็ไม่ปาน
เป็นแร้งแก่ที่กำลังโอบลูกแร้งตัวน้อยไว้อย่างไรอย่างนั้น ดูอบอุ่นและรู้สึกตลกในเวลาเดียวกัน
นางส่ายหน้าเบาๆ และก็ไม่ได้ห้ามปรามทั้งสองอีก
“ท่านปู่เสวียนซัน ค่ำคืนนี้ไม่เห็นมีดวงดาวกับดวงจันทร์เลย! ท่านดูสิ เมฆหมอกหนาขนาดนี้ บดบังพระจันทร์จนหมด ข้างนอกมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลย”
หยวนเป่าพูดขึ้นพลางย่นจมูกน้อยๆ ของเขา
ในทางกลับกัน ค่ำคืนในเขาลึก ค่อยๆ ส่งกลิ่นของธรรมชาติออกมาอย่างช้าๆ ทั้งหอมหวนและสดชื่นเป็นอย่างมาก
หยวนเป่าอดไม่ได้ที่จะสูดดมเข้าเต็มปอด แล้วจึงค่อยถอนลมหายใจออกมาด้วยความพึงพอใจ “หอมจัง!”
“หอมจริงๆ เสียด้วย! กลิ่นหอมเหมือนขนมเปี๊ยะดอกไม้ที่ท่านแม่ของเจ้าทำเลย”
เมื่อนึกถึงขนมที่หยุนหว่านหนิงทำ เสวียนซันเซียนเซิงก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ
หยวนเป่าเองก็พยักหน้าเห็นด้วย “ยังเหมือนกลิ่นชาผลไม้ที่ท่านแม่ข้าชงด้วย!”
นักกินทั้งสองพากันสูดดมและเริ่มสำรวจ ว่ากลิ่นของเขาลึกในค่ำคืนนี้ยังเหมือนอะไรอีก
หยวนเป่าขยี้ตาเบาๆ พลางจ้องมองดอกเห็ดเหล่านั้น...
เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจว่า “เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นดอกเห็ดที่ใหญ่ขนาดนี้! ดูท่าแล้ว อีกไม่นานเห็ดเหล่านี้ก็คงจะกลายร่างเป็นปีศาจเห็ดแน่ๆ เลย!”
หลังจากที่เที่ยวเล่นจนเหนื่อย เวลานี้ก็ดึกมากแล้ว
เสวียนซันเซียนเซิงพาหยวนเป่าลงสู่พื้นดินอย่างคล่องแคล่วว่องไว จากนั้นก็ส่งเขากลับไปนอนพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น
แสงแดดส่องทะลุผ่านกิ่งของต้นไม้กระทบลงบนพื้นดิน
เมฆหมอกค่อยๆ สลายหายไป บรรยากาศของป่าทั้งป่าก็ค่อยๆ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
นกนานาชนิดกำลังร้องผสานเสียงอยู่เหนือศีรษะ ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีหมูป่าที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน มันวิ่งรอบเหล่าบรรดาเห็ดยักษ์อยู่หลายรอบ ใช้จมูกดมฟุดฟิดอยู่ครู่หนึ่ง
ท้ายที่สุดมันก็ยกขาหลังขึ้นแล้วฉี่รดกันไฉที่กำลังนอนกองกับพื้น
กันไฉที่ถูกฉี่รดทั้งตัวก็หน้าเหยเกขึ้นมาทันที กลิ่นฉี่ที่ทั้งฉุนและเหม็น
หลังจากที่หมูป่าวิ่งหนีไปไกลแล้ว กันไฉก็ทำท่าเหมือนกำลังจะอาเจียนออกมา
“อ๊วกกก...อ๊วกกก...”
เขานอนคว่ำกับพื้นพร้อมกับอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง
คนที่เหลือต่างก็ตกใจกลัวเพราะเสียงของเขา
ทุกคนต่างก็หันมาสบตากัน “เมื่อคืนนี้ข้าฝันแปลกเป็นอย่างมาก ฝันว่าข้ากลายเป็นเห็ดยักษ์!”
“ข้าก็ฝันเหมือนกัน!”
“ข้าก็ด้วย!”
เหล่าบรรดามือสังหารต่างก็พากันพูดคุยเสียงดังเจี๊ยวจ้าว กันไฉใช้มือค้ำต้นไม้พยุงตัวไว้ “ข้าเองก็ฝันเหมือนกัน! นี่มันสถานที่บ้าบออะไรกัน แล้วฝันบ้าอะไรกันแน่!”
เขาเหลือบมองตำหนักสิงกงอยู่ครู่หนึ่ง
เหนือตำหนักสิงกงถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองอร่าม ราวกับกำลังอาบน้ำอยู่ภายใต้แสงรุ่งอรุณก็ไม่ปาน
แววตาของกันไฉเต็มไปด้วยความหวาดผวา เขารีบสั่งให้ทุกคนถอยกลับทันที “งานนี้ งานนี้เราทำต่อไม่ได้แล้ว ให้คุณชายฉู่จ้างคนอื่นก็แล้วกัน พวกเรารีบหนีกันเถอะ!”
ต่างก็พากันวิ่งลงเขาด้วยความลนลาน
แต่ใครจะไปรู้ หลังจากที่เพิ่งลงจากเขา ก็เจอเข้ากับเงามืดที่กำลังยืนหันหลังขวางทางพวกเขาอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...