ในคำพูดของหยางหลิงรุ่ยแฝงไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด
ฮั่วเทียนหลันจ้องมองไปที่หยางหลิงรุ่ยเพียงครู่เดียว จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา
ทันใดนั้นบรรยากาศภายในรถที่มีความตึงเครียดเล็กน้อยก่อนหน้าก็เปลี่ยนเป็นสดชื่นรื่นอารมณ์ขึ้นมาทันที
นั่นทำให้หยางหลิงรุ่ยที่เตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องพบเจอกับฟ้าฝนกระหน่ำอย่างรุนแรงจากฮั่วเทียนหลันก็ต้องตะลึงค้างในทันที
เหตุการณ์เช่นนี้ผิดจากสิ่งที่เธอคิดไปโดยสิ้นเชิง!
หยางหลิงรุ่ยมองไปที่ฮั่วเทียนหลัน ราวกับว่าฮั่วเทียนหลันที่อยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“โอเค ผมยอมรับว่าผมแค่อยากอยู่ใกล้ชิดคุณเท่านั้น”
หลังจากที่ฮั่วเทียนหลันหัวเราะเสร็จ มองเห็นสีหน้าประหลาดใจและท่าทางที่กำลังสงสัยของหยางหลิงรุ่ย เขาจึงพูดอธิบายขึ้น
เมื่อเขาพูดขึ้นมาอย่างนี้หยางหลิงรุ่ยก็นึกขึ้นได้
เธอใช้การกระทำ เพื่อพิสูจน์ว่าเธอเห็นด้วยหรือไม่กับคำพูดของฮั่วเทียนหลัน
เธอยื่นมือออกไปดึงประตูรถทางด้านข้าง
จากนั้นเธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า
ตำแหน่งที่เธอนั่งอยู่นั้นช่างโชคร้ายจริง ๆ เพราะมันอยู่ทางด้านซ้าย ดังนั้นคนขับรถจึงได้ตั้งล็อคอัตโนมัติสำหรับป้องกันเด็กเอาไว้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเปิดประตูระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนตัว
หลังจากตั้งล็อกอัตโนมัติเอาไว้เช่นนี้แล้ว ถ้าหากหยางหลิงรุ่ยต้องการจะลงจากรถก็ทำได้เพียงลงทางฝั่งที่ฮั่วเทียนหลันนั่งหรือไม่ก็ต้องมีคนเปิดประตูรถให้เธอจากข้างนอกเท่านั้น
นอกจากตัวเลือกที่สองแล้ว ตัวเลือกที่หนึ่งนั้นเป็นการตกเข้าไปในหลุมพรางที่ผู้อื่นวางไว้ชัด ๆ เลย
หยางหลิงรุ่ยรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย เธอหันหน้าไปมองฮั่วเทียนหลันที่กำลังทำสีหน้านึกสนุก ก่อนจะเอ่ยพึมพำขึ้นมา : “คุณฮั่วคะ คือว่าฉันปวดธุระ อยากลงจากรถ... ”
“จริงเหรอ” ฮั่วเทียนหลันไม่ได้ฉีกคำโกหกของผู้หญิงคนนี้ เพียงแค่เอ่ยถามขึ้นมาเสียงเรียบ
เมื่อหยางหลิงรุ่ยเห็นท่าทางของฮั่วเทียนหลัน ในใจของเธอก็รู้สึกเป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูก
"ใช่ ฉันจะอั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว"
หลังจากที่หยางหลิงรุ่ยเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมาใบหน้าของเธอก็เริ่มร้อนผ่าว เรื่องแบบนี้เธอเคยถูกสอนมาอย่างดีว่าไม่ควรพูดต่อหน้าคนอื่นเพราะมันเป็นการเสียมารยาทมาก ๆ
แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ หยางหลิงรุ่ยก็ตระหนักได้ว่าการเสียมารยาทกับการที่อาจจะต้องเสียตัวนั้นอันไหนสำคัญกว่ากัน
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจได้ภายในเวลาไม่กี่วิ
ฮั่วเทียนหลันไม่ได้เอ่ยตอบหยางหลิงรุ่ย เขาทำเพียงขยับขาเล็กน้อยเพื่อหลีกทางให้หยางหลิงรุ่ยลงจากรถ
เขาไม่ได้เปิดประตูรถออกให้เหมือนกับว่าต้องการให้หยางหลิงรุ่ยทำมันด้วยตัวเอง
หยางหลิงรุ่ยลังเลเล็กน้อย เธอกังวลว่านี่อาจจะเป็นกับดัก
แต่ในเวลานี้เธอไม่มีทางเลือกแล้ว
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็เลือกที่จะลองเสี่ยงดู
เธอขยับตัวไปข้าง ๆ ฮั่วเทียนหลันเล็กน้อย
เมื่อเอนตัวเข้าใกล้ฮั่วเทียนหลัน เธอก็ทำตัวเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่พร้อมจะกระโดดหนีเสมอหากถูกฮั่วเทียนหลันสัมผัสเข้า
แต่น่าเสียดายที่ฮั่วเทียนหลันไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยสักนิด
ราวกับเขากำลังรู้สึกสบายตัวเป็นอย่างมากกับอากาศเย็น ๆ บนรถ ถึงกับปรับเบาะเอนลงในอยู่ในท่าที่สบายที่สุด
หยางหลิงรุ่ยมองดูท่าทีของฮั่วเทียนหลันที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีแผนชั่วร้ายอะไร
ดังนั้นเธอก็ลังเลอยู่เพียงครู่เดียว จากนั้นย้ายตัวไปที่ข้างประตูรถแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตู
ในตอนที่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานเรื่องที่เธอกลัวก็เกิดขึ้นมาในที่สุด
หยางหลิงรุ่ยรู้สึกถึงสัมผัสที่ดึงรั้งตรงขาของเธอ ทำให้ร่างกายของเธอล้มลงไปทางฮั่วเทียนหลันโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในตอนนั้นเองฮั่วเทียนหลันก็ได้ยื่นมือออกมารับตัวของเธอเอาไว้
หลังจากนั้นเขาก็ดึงร่างของหยางหลิงรุ่ยให้นอนตะแคงลงบนเก้าอี้ด้วยกันกับเขา
สายตาสื่อความหมายของเขาจ้องมองใบหน้าของหยางหลิงรุ่ย ทำให้ร่างกายของเธอเกร็งขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
เธอดิ้นขัดขืนอยู่สักพักก่อนจะโพล่งออกมา : "คุณฮั่ว ปล่อยฉันเเดี๋ยวนี้"
ทว่าเนื้อก้อนใหญ่ตกลงมาในปากของเขาขนาดนี้ จะให้ฮั่วเทียนหลันปล่อยไปง่าย ๆได้อย่างไรกัน
เขาใช้มือทั้งสองกอดรัดตัวหยางหลิงรุ่ยไว้แน่นอย่างไม่คิดลังเล ทำให้หยางหลิงรุ่ยไม่มีแม้แต่โอกาสจะขัดขืน
"เธออิงแอบแนบซบเข้ามาในอ้อมกอดเองไม่ใช่หรือไง"
เสียงแหบพร่าและกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากลมหายใจของเขาทำให้ร่างกายของหยางหลิงรุ่ยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ทันใดนั้นเธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าในตอนนี้ตัวเองที่ควรจะโมโหเป็นอย่างมาก
กลับมารู้สึกเขินอายแทนอย่างนี้
ทั้งสองคนจ้องมองหน้ากันอยู่สักพัก ก่อนฮั่วเทียนหลันจะกดตัวเข้าหาหยางหลิงรุ่ยอีกครั้ง
หยางหลิงรุ่ยทำตัวไม่ถูก มือข้างหนึ่งของเธอจับคลำไปทั่วเบาะอย่างต้องการควานหาสิ่งของเพื่อใช้ป้องกันตัวเอง
ทันใดนั้นมือของเธอก็สัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่างที่มีขนนุ่มนิ่ม
เวลาชั่วโมงเดียวนี้ก็เพียงพอที่ฮั่วเทียนหลันจะทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย
หยางหลิงรุ่ยนอนอยู่บนตัวของฮั่วเทียนหลันและมือของฮั่วเทียนหลันดอกรัดเธอเอาไว้แน่นทำให้เธอไม่สามารถขืนตัวออกได้
ปกติช่วงฤดูร้อนมักจะสวมใส่เพียงเสื้อผ้าบาง ๆ เท่านั้น จึงทำให้หยางหลิงรุ่ยสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนจัดของฮั่วเทียนหลัน รวมถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่ปกตินั้นอีกด้วย
“เอ่อ ถ้าพิงอยู่อย่างนี้ มันจะร้อน”
เมื่อเห็นว่าเหตุผลเเมื่อสักครู่ไม่สามารถพูดโน้มน้าวฮั่วเทียนหลันได้ ดังนั้นหยางหลิงรุ่ยจึงเปลี่ยนเป็นอีกอย่าง
แต่เหตุผลนี้ของเธอได้รับการตอบกลับเป็นการส่ายหน้าเพียงเล็กน้อยของฮั่วเทียนหลัน
ใบหน้ามุมข้างที่ดูหล่อเหลาของฮั่วเทียนหลัน ทำให้หัวใจของหยางหลิงรุ่ยเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ถูก
แม้ว่าหยางหลิงรุ่ยจะไม่ค่อยเต็มใจใกล้ชิดกับฮั่วเทียนหลันสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าผู้ชายคนนี้หล่อมากจริง ๆ
หล่อจนบางทีเธอมีแรงกระตุ้นบางอย่างในใจแบบที่ผู้ชายมักจะรู้สึกกัน
"ร้อนเหรอ ถ้าร้อนผมจะทำให้คุณรู้สึกเย็นลง!"
ทันทีที่ฮั่วเทียนหลันเอ่ยจบ ร่างกายของหยางหลิงรุ่ยก็สั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย
ผู้ชายคนนี้ทำได้อย่างที่พูดทุกอย่าง ตอนนี้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกว่าทั่วทุกรูขุมขนบนร่างกายของเธอกำลังบีบรัดตัวขึ้นมา ก่อนก็ผ่อนคลายลงช้า ๆ
เนื่องจากตอนนี้มือของผู้ชายคนนี้กำลังเลื้อยอยู่ใต้เสื้อผ้าของเธอ
เขาสัมผัสเข้ากับผิวเนียนนุ่มของหยางหลิงรุ่ย จากนั้นก็คลายออก
การกระทำที่แผ่วเบานี้ทำให้หยางหลิงรุ่ยลืมความร้อนจากร่างกายที่แนบชิดกันในทันที นอกจากนั้นยังรู้สึกเย็นวูบขึ้นมาภายในใจ
“ยังร้อนอยู่ไหม”
เสียงกระซิบของฮั่วเทียนหลันดังกึกก้องอยู่ในหูของหยางหลิงรุ่ย
ทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี๊ที่หูขึ้นมาทันที ฮั่วเทียนรู้จุดอ่อนไหวในร่างกายของเธอเป็นอย่างดีมาโดยตลอด
ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดลงมาแทบจะทำให้เธอหลอมละลายลงในตอนนั้น
หยางหลิงรุ่ยสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจากร่างกายของฮั่วเทียนหลัน ที่มาจากกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของผู้ชายผสมกับกลิ่นประจำตัวของเขา ทำให้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกหลงใหลเล็กน้อย
แต่ทันใดนั้นเธอก็ออกแรงดิ้นขัดขืนอย่างสุดกำลัง จนในที่สุดมือข้างหนึ่งก็สามารถหลุดพ้นออกจากการจับกุมของเขาได้
เธอยื่นมือออกไปปัดใบหน้าด้านข้างของฮั่วเทียนหลันเบา ๆ
ใบหน้าของเขาเรียบเนียนเสียจนหยางหลิงรุ่ยรู้สึกอิจฉาขึ้นมา
ผิวเช่นนี้ ถ้าหากอยู่บนตัวของผู้หญิงมันจะน่าหลงใหลมากแค่ไหนกันนะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง