ผู้ชายคนนี้หมายความว่าอย่างไร? ทำไมถึงไม่ตอบกลับมา?
เธอโทรไปหาฮั่วเทียนหลันทันที ไม่ว่าเขาจะมีธุระที่สำคัญขนาดไหน แต่นี่ลูกสาวของเขากำลังไม่สบายอยู่และเขาก็ไม่สนใจ สิ่งนี้ทำให้หยางหลิงรุ่ยทนไม่ได้จริงๆ
แต่เมื่อหยางหลิงรุ่ยโทรไปแล้ว ก็โทรไม่ติด
เมื่อหยางหลิงรุ่ยมองไปที่ลั่นลานที่กำลังอ่อนแอใจของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น
เมื่อคนกำลังอ่อนแอมักจะนึกถึงที่พึ่ง
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจโทนไปอีกครั้ง
สุดท้ายครั้งนี้ก็โทรติด
แต่หลังจากรอสายอยู่นาน ก็ไม่มีใครรับ
อีกฝ่ายไม่สะดวกที่จะรับโทรศัพท์
หยางหลิงรุ่ยมองไปที่โทรศัพท์ด้วยความตกใจ และได้รับข้อความจากฮั่วเทียนหลันมาหนึ่งข้อความ
“ผมยังมีเรื่องให้ต้องจัดการอยู่!”
เขากำลังติดธุระอยู่ดังนั้นจึงไม่มีเวลาให้เธอและลั่นลาน?
ผู้ชายคนนี้เข้าใจอะไรผิดอยู่หรือเปล่า?
หยางหลิงรุ่ยคิดว่านี่มันน่าขำ มุมปากอดไม่ได้ที่จะแสดงรอยที่ยิ้มเย้ยหยัน “ฮั่วเทียนหลัน คุณคิดว่าหลังจากที่หมั้นหมายกันแล้วทุกอย่างมันจะจบอย่างนั้นหรอ?”
“ฉันยังไม่เคยบอกสักครั้งว่าจะแต่งงานกับคุณนะ!”
หยางหลิงรุ่ยกดเบอร์โทรศัพท์ของฮั่วเทียนหลันขึ้นมาและบล็อคมัน
เธอโกรธมาก เรื่องที่ฮั่วเทียนหลันทำในครั้งทำให้เธอโกรธอย่างมาก
หลังจากหยางหลิงรุ่ยเฝ้าไข้มาถึงตอนตี 4 ป้าdingก็มาเปลี่ยน
เธอนอนลงที่เตียงของคนไข้ เตียงเล็กมากกว้างแค่เมตรกว่าๆ
หยางหลิงรุ่ยหลับได้ไม่ค่อยสบาย และได้ยินอะไรบางอย่างอย่างคลุมเครือ
เธออยากลืมตาขึ้นมา แต่เธอก็เจ็บตามากก
เธอจึงนอนหลับต่อไป จนถึงตอนกลางวันของวันต่อมาเธอถึงจะตื่นขึ้น
ทันทีที่ตื่นขึ้นมาเธอก็เห็นลั่นลานจ้องมองมาที่เธอ
“คุณแม่ตื่นแล้ว! ตื่นสายเลยนะ”
คำทักทายนี้ทำให้หยางหลิงรุ่ยตื่นขึ้นมาทันที ใบหน้าของเธอแดงขึ้น
เธอลุกขึ้นมา เนื่องจากนอนดึก จึงรู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย
เธอมองไปรอบๆอยู่สักพักถึงจะรู้สึกได้ว่าเธอกับนอนอยู่บนเตียงคนไข้
ป้าdingเดินเข้าประตูมา เห็นหยางหลิงรุ่ยตื่นแล้ว ก็ยื่นข้าวกล่องให้เธอพร้อมพูดว่า “”คุณนายหยาง ทานข้าวเช้าสักหน่อย นี่เป็นของที่ส่งมาจากคฤหาสน์
หยางหลิงรุ่ยรับมันไว้และพูดออกไปเบาๆว่า “ขอบคุณจะป้าding เดี๋ยวอีกพักหนึ่งฉันจะกิน!”
“ไม่ได้ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง คุณนาย ไม่ว่าคุณนายจะยุ่งแค่ไหน แต่ต้องทานข้าวให้ตรงเวลานะ!”
ป้าdingเห็นว่าหยางหลิงรุ่ยไม่ทานข้าว ใจของเธอก็รู้สึกกังวล
แต่เมื่อเธอพูดจบ หยางหลิงรุ่ยก็มองมาที่เธอด้วยสายตาที่แปลกไป
ป้าdingผงะไปครู่หนึ่งและเข้าใจได้ทันทีว่า เธอดูเหมือนจะทำอะไรโง่ ๆ
“งั้น.....”
ป้าdingกำลังจะพูดอธิบายออกมา แต่หยางหลิงรุ่ยก็ยิ้มและส่ายหน้า
ที่ทำให้ป้าdingตกใจมาก สุดท้ายคุณนายก็รู้สถานะของตนเองแล้วหรอ?
ในขณะที่หยางหลิงรุ่ยทานข้าว เธอก็โทรไปหาเย่ตง
ลั่นลานยังไม่หายดี เธอจึงไม่สามารถไปทำงานได้
หลังจากที่เธอจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว เธอก็มานั่งบนเตียงของลั่นลาน และพาลั่นลานวาดภาพ
เนื่องจากการแสดงออกของลั่นลาน หยางหลิงรุ่ยจึงปฏิบัติกับลั่นลานแบบเด็กโตมาโดยตลอด
แต่เมื่อเธอมองดูดีเธอก็คิดว่าสิ่งที่เธอคิดมาทั้งหมดนั้นมันไม่จริง
สุดท้ายลั่นลานก็เป็นแค่เด็กไร้เดียงสาคนหนึ่ง
เธอสามารถดูการ์ตูนได้เป็นเวลานานและหัวเราะกับมันอย่างคึกคัก
แต่เมื่อถึงตอนบ่ายลั่นลานก็หยุดลง
เนื่องจากอาการของเธอแย่ลง
ตอนนี้อุณหภูมิร่างกายของเธอสูงถึง 39 องศา มันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้อุณหภูมิลดลง
หัวใจของคนเป็นแม่อย่างหยางหลิงรุ่ยถึงกับแตกสลาย
ลั่นลานปวดกัวมาก เธอนอนไม่หลับ
ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการจับมาที่มือของหยางหลิงรุ่ย
“แม่จ๋า แม่จ๋า....”
“อย่าไปนะ.....”
ท่าทางที่ไม่ปลอดภัยของเธอ ทำให้หยางหลิงรุ่ยกังวลมาก
ตอนนี้ความรู้สึกผิดที่เธอมีอยู่ก็แย่ลงไปกว่าเดิม
ลูกสาวคนนี้เธอขาดพ่อในตอนเด็ก แต่พอโตมาก็ขาดแม่ไปอีก
สองปีที่ผ่านมา เธอใช้ชีวิตอยู่กับฮั่วเทียนหลันมาโดยตลอด
ในวัยนี้ทุกคนล้วนรู้ดีว่าพ่อแม่สำคัญเพียงใด
แม้ว่าเธอจะป่วยและไม่สบายใจ แต่เธอก็ยังให้ความสำคัญกับหยางหลิงรุ่ยตลอดเวลาหวังว่าหยางหลิงรุ่ยจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป
“ลูกรัก แม่จะอยู่กับหนู จะอยู่กับหนูตลอดไป!”
“พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวของพวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
คำพูดของหยางหลิงรุ่ยแสดงถึงการปลอบโยน
อาการไข้ของลั่นลานดีขึ้นอย่างช้าๆ และเธอก็ตื่นขึ้นมา
ตอนนี้หยางหลิงรุ่ยที่กังวลมาโดยตลอดก็สบายใจ
ความเหนื่อยล้าที่ไม่อาจคาดเดาได้แผ่เข้าสู่กระดูกของเธอจากภายในสู่ภายนอก
หยางหลิงรุ่ยลุกขึ้น เธออยากจะไปดื่มน้ำ แต่เมื่อลุกขึ้นก็รู้สึกมึนหัวจนเกือบจะล้มลงไปที่พื้น
ป้าdingที่นั่งอยู่ข้างๆรีบวิ่งเข้ามาพยุงเธอ
“คุณนาย คุณนายเหนื่อยมากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ!”
หลี่เฉียนรีบเดินมาและพยุงคนที่ถูกชนขึ้นมา
แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าของคน ๆ นี้ร่างกายของเธอก็สั่นและเธอก็ปล่อยมือออกไปทันที
หยางหลิงรุ่ยที่เพิ่งจะลุกขึ้นได้ก็ล้มลงไปอีกครั้ง
“คุณจะฆ่าฉันหรอ!” เธอพูดออกมาด้วยความโมโห
และหลี่เฉียนมองมาที่หยางหลิงรุ่ยพร้อมพูดออกมาว่า “อันหรัน ใช่อันหรันไหม? เธอยังมีชีวิตอยู่จริงๆด้วย!”
อันหรัน?
คำเรียกที่คุ้นหูนี้ทำให้หยางหลิงรุ่ยตกใจมาก
เธอเคยรู้จักคนคนนี้มาก่อนอย่างนั้นหรอ?
ทั้งสองมองหน้ากันและในที่สุดเธอก็ถามอย่างไม่แน่ใจ “ขอโทษด้วยคะ เราเคยรู้จักกันมาก่อนไหม?”
เธอถามอย่างระมัดระวังเพราะเธอได้อ่านข่าวเมื่อไม่นานมานี้มีคนจำนวนมากที่จงใจสนทนาเพื่อก่ออาชญากรรมโดยมีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า
แต่หยางหลิงรุ่ยค่อนข้างมั่นใจว่าเธอรู้จักผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเธอ
เนื่องจากอีกฝ่ายพูดชื่อเดิมของเธอออกมา
“เอ๋?” หลี่เฉียนมองมาที่หยางหลิงรุ่ยด้วยความสงสัย เธอไม่คิดมาก่อนว่าหยางหลิงรุ่ยจะตอบเธอกลับมาแบบนี้
“เธอจำฉันไม่ได้แล้วหรอ? พวกเราเป็นเพื่อนกันตอนเรียน! ฉันคือหลี่เฉียน!”
ในโลกใบนี้ไม่มีใครจะเหมือนกันได้ขนาดนี้อีกแล้ว
หลี่เฉียนค่อนข้างมั่นใจว่า เธอจะต้องเป็นอันหรัน
“ต้องขอโทษด้วยคะ ฉันความจำเสื่อม เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมด ฉันลืมมันไปหมดแล้ว” หยางหลิงรุ่ยเม้มริมฝีปาก แต่เธอก็บอกความจริงไป
เนื่องจากเธอมองออกมาว่าตอนที่หลี่เฉียนพูดออกมาว่าพวกเธอเป็นเพื่อนกัรตอนสมัยเรียน คำพูดนั้นมันออกมาจากใจ
“ทำไม่ถึงความจำเสื่อม?” หลี่เฉียนหยิบยาที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาแล้ว เธอบอกให้หยางหลิงรุ่ยรอเธออยู่ตรงนี้สักครู่ เดี๋ยวเธอจะกลับมา
ที่หลี่เฉียนมาเมืองsครั้งนี้ก็เพื่อมาคุยเรื่องงานภาพยนตร์กับเหลียวซิรง
แต่ตอนนี้เหลียวซิรงกำลังถ่ายทำอยู่ไม่สามารถออกมาได้ จึงให้หลี่เฉียนมารออยู่ก่อน
อุณหภูมิของเมืองsเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก เธอนอนอยู่กับเพื่อนร่วมงานของเธอมาหลายคืน จนเพื่อนร่วมงานของเธอไม่สบายและหลี่เฉียนจึงนำเพื่อนของเธอมาส่งที่โรงพยาบาล
หยางหลิงรุ่ยมองไปที่เงาหลังของหลี่เฉียนจากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรไปหาใครสักคน
ไม่ใช่ฮั่วเทียนหลัน แต่เป็นจางรัน
“อันหรัน”
“ว่าไงพี่ มีเรื่องอะไรไหม?”
เมื่อหยางหลิงรุ่ยรู้ความจริงแล้วจางรันก็ละทิ้งความรู้สึกที่ไม่ควรจะเป็น
“ฉันถามอะไรเธอสักอย่างสิ เมื่อก่อนฉันเคยมีเพื่อนชื่อหลี่เฉียนไหม?”
“พี่กำลังพูดถึงตัวแทนของเหลียวซิรงใช่ไหม? มีสิ พวกพี่เคยรู้จักกันแต่ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าเธอ แต่ผมรู้จักเธอ”
เกี่ยวกับของมูลของหยางหลิงรุ่ย จางรันเคยตรวจสอบมาแล้วรอบหนึ่ง
หลังจากที่คุยกันจบหยางหลิงรุ่ยก็วางสายโทรศัพท์ จากนั้นเธอก็เห็นหลี่เฉียนเดินกลับมา
หลี่เฉียนจูงมือหยางหลิงรุ่ยออกไปร้านกาแฟที่อยู่เยื้องๆของโรงพยาบาล
หลังจากที่นั่งจิบกาแฟมาสักพัก หลี่เฉียนก็ถามมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “อันหรัน เธอความจำเสื่อมหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง