สองนาทีต่อมา....หญิงสาววิ่งออกห้องน้ำมาด้วยสีหน้าตื่นๆ หลังจากเห็นรอยช้ำเป็นจ้ำๆ ที่เนินอกของตัวเองผ่านทางกระจก “พี่คิน! ไวน์โดนตัวอะไรไม่รู้กัด”
“ตรงไหนครับ?” คนที่กำลังข่มอารมณ์หื่นให้สงบลงได้ไม่ถึงห้าวินาที รีบหันไปถาม
“ตรงนี้ค่ะ” วรันยาดึงคอเสื้อลงให้ดูรอยช้ำแดงๆ ที่มีอยู่ 3-4 รอย
“สงสัยแพ้อาหารหรือเปล่า พี่ก็เคยเป็นนะ วันสองวันก็หายแล้ว” ภาคินบอกด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก
“มันร้ายแรงไหมคะ” วรันยาถามอย่างรู้สึกไม่สบายใจ
“ไม่หรอก! พี่ว่าเรารีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวอาสินจะรอนาน” ภาคินบอกพร้อมกับยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู
“ค่ะ” วรันยาพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินตามอีกฝ่ายลงไปที่ชั้นล่าง ขณะที่ภายในใจเอาแต่ว้าวุ่นเกี่ยวกับเรื่องรอยช้ำบนตัว ‘อ๊ะ! หรือว่าเราจะเป็นโรคลูคีเมีย หรือไม่ก็...เกล็ดเลือดต่ำ ?’
สี่สิบนาทีต่อมา...
“จอดรถทำไมคะ” วรันยาหันไปถามคนขับที่อยู่ๆก็เลี้ยวรถลงจอดข้างทาง
“อีกสองกิโลก็จะถึงหน้ารีสอร์ตแล้ว หอมแก้มพี่หน่อยได้ไหม” ภาคินเอ่ยขอแบบมึนๆ
“ได้ค่ะ” คนที่ปวดฉี่ตอบพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปหอมที่แก้มของอีกฝ่ายเบาๆ จุ๊บ! “พอใจหรือยังคะ”
“พอใจแล้วครับ” ภาคินไม่อยากจะเชื่อว่าสาวเจ้าจะยอมทำตามคำขอของตนง่ายๆ จึงก้มลงหอมที่แก้มนวลคืนเบาๆ อย่างให้รางวัล
“พี่คิน!” วรันยามองค้อนจอมทะลึ่งด้วยสายตาขุ่นเคือง
“แก้มน้องไวน์ ห้อมมมม หอม” คนเจ้าเล่ห์บอกพลางทำหน้าฟินเว่อร์
“บ้า! รีบๆ ออกรถเถอะค่ะ” คนที่ปวดฉี่จนขนลุกเอ่ยเร่ง
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวด้วยกันอีกนะ” ภาคินทำตามที่สาวเจ้าบอก พร้อมกับเอ่ยถามถึงกำหนดการของวันพรุ่งนี้ ซึ่งตนตั้งใจว่าจะโชว์ฝีมือทำอาหารที่บ้านพักหลังใหม่
“ไม่ไปค่ะ” วรันยาบอกพลางแอบซูดปากเบาๆ อย่างรู้สึกหงุดหงิด ‘รีบๆ ขับรถสิไอ้พี่คิน จะทนไม่ไหวแล้วนะ’
“ทำไมล่ะ?” ภาคินถามพลางชะลอความเร็วลง
“โอ๊ย! ไวน์อยากอยู่กับพ่อค่ะ” วรันยาตอกกลับด้วยน้ำเสียงเดือดดาล
“โอเค!” ภาคินขานรับ และเหรียบเร่งความเร็วขึ้นอีกนิดอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมสาวเจ้าต้องอารมณ์เสียใส่ตน
ทันทีที่ภาคินจอดรถเสร็จ วรันยาก็รีบลงจากรถด้วยท่าทีที่เร่งรีบ ทำเอาคนขับถึงกับนิ่วหน้ามองตามอย่างสงสัย ‘น้องไวน์งอนที่เราแวะจอดรถหอมแก้มหรือเปล่าวะ?’
“น้องไวน์! พี่โอมเอาถุงกระดาษไปวางไว้ที่หน้าห้องนะลูก” สินชัยบอกเมื่อเห็นบุตรสาวเดินตรงมาทางตน
“ค่ะ” วรันยาพยักหน้ารับเบาๆ
“อาบน้ำแล้วรีบลงมากินข้าวนะลูก” สินชัยบอกบุตรสาวอีกครั้ง
“คร่า...” วรันยาลากเสียงขานรับแล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน เพราะตอนนี้เธอเกือบจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ฉี่แตกใส่กางเกง ถ้าหากยังคงยืนคุยกับบิดาต่ออีกสักหนึ่งหรือสองนาที
“คิน! อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะ” สินชัยเดินเข้ามาบอกชายหนุ่มที่ยังคงนั่งทำหน้าเหวอๆ
“ครับอา” ภาคินปรับสีหน้าก่อนจะรีบออกจากรถ
“อาว่าเราไปนั่งคุยกันตรงระเบียงดีกว่า” สินชัยเอ่ยชวน
“ครับ” ภาคินเดินตามผู้ใหญ่ไปยังโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
หลังจากที่วรันยาเข้าห้องน้ำที่ชั้นล่างเสร็จ ก็เดินขึ้นห้องนอนตัวเองเตรียมจะอาบน้ำ แต่ถุงกระดาษนับสามสิบกว่าใบที่วางเรียงอยู่ทำให้เธอต้องรีบโทร. ตามแม่บ้านให้ขึ้นมาหา
“มีอะไรให้ป้าช่วยคะคุณไวน์” เพลินใจเอ่ยถามหลังจากที่เข้ามาในห้องนอนของบุตรสาวเจ้านาย
“ทั้งหมดนี้...ของไวน์เหรอคะ”
“ใช่ค่ะ ป้าเป็นคนช่วยคุณโอมขนมาที่ห้องกับมือเลย”
“ว้าว! เยอะจังเลยนะคะ”
“คุณไวน์ มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ คือป้าตุ๋นเนื้อทิ้งเอาไว้น่ะค่ะ”
หลังจากที่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ วรันยาก็เดินลงมาหาบิดากับจอมทะลึ่ง ที่ตอนนี้กำลังคุยกันอย่างออกรส
“ตั้งโต๊ะเลยไหมคะ” หญิงสาวจ้องมองกระป๋องเบียร์ที่อยู่ในมือของบิดากับอีกฝ่ายก็แอบกลอกตาอย่างเซ็งๆ ‘สงสัยคืนนี้ต้องลากยาวอีกแน่ๆ’
“จ้ะ” สินชัยขานรับ
วรันยาส่งยิ้มให้บิดา แล้วเดินตรงไปที่ห้องครัว ช่วยแม่บ้านยกกับข้าวออกมาจัดที่โต๊ะด้านนอก
ภาคินมองตามสาวเจ้าจนลับตา ก่อนจะหันมาคุยเรื่องงานทางใต้และกรุงเทพฯ. ให้สินชัยฟังต่อ พร้อมกับเสนอแผนพัฒนาการท่องเที่ยว ที่เชื่อมโยงถึงกันระหว่างไร่ไปรยาเวศกับรีสอร์ตพรรณนารา
สินชัยนั่งฟังแผนที่ตัวเขาเองก็แอบคิดมานานแต่ไม่กล้าพูดให้ใครฟัง เพราะกลัวว่าจะดูไม่ดี แม้ส่วนตัวจะสนิทกับกังศมาขนาดไหน ก็ไม่อาจจะเสนอไอเดียดังกล่าวได้
“อืม...น่าสนใจนะ แต่การทำธุรกิจแบบนี้ มัน...”
“มันติดตรงไหนเหรอครับอาสิน”
“แหม...อาไม่กล้าพูดออกมาหรอกคิน เอาเป็นว่า...”
“ถ้าตระกูลผมกับอาสินเกี่ยวดองกัน ทุกอย่างคงจะง่ายขึ้นใช่ไหมครับ” คนที่รอจังหวะงามๆ รีบบอก
“ใช่! แต่นั่นคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้” สินชัยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ลึกๆ ก็แอบหวังให้สองตระกูลเกี่ยวดองกัน แต่ติดตรงที่สามหนุ่มซานเตียนและบุตรสาว นับถือกันเหมือนพี่เหมือนน้อง จึงรู้สึกกระดากเกินจะพูดออกไป
“ผมว่า...” ภาคินกำลังจะเสนอตัว แต่ดันถูกขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
“ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วค่ะ” วรันยารู้สึกมึนงงกับท่าทีและสายตาของบิดากับจอมทะลึ่งที่หันมามองเธอพร้อมๆ กัน
“จ้ะ!” สินชัยส่งยิ้มให้บุตรสาว ก่อนจะหันไปชวนแขกประจำ “เราไปกินข้าวกันเถอะคิน เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่”
“ครับ” ภาคินขานรับพร้อมกับแอบต่อว่าสาวเจ้าในใจที่เข้ามาขัดจังหวะการเสนอตัวเป็นลูกเขย ‘น้องไวน์นะน้องไวน์! อีกนิดเดียวเท่านั้น’
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ วรันยาก็รีบขอตัวขึ้นห้อง เพราะอยากจะเมาท์มอยกับเพื่อนสาว ขณะที่ภาคินเองก็พยายามจะคุยกับสินชัยในเรื่องที่ค้างไว้ แต่ก็ถูก ผู้เป็นยายโทร. ตาม จึงจำต้องเอ่ยลาว่าที่พ่อตาในอนาคตอย่างแสนเสียดาย
ไร่ไปรยาเวศ...ทันทีที่ภาคินเดินผ่านประตูเข้ามาในบ้านก็ถึงกับตกใจที่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของผู้เป็นยายเอ่ยขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)