“อีกสักพักคุณไวน์ก็คงจะขึ้นเวทีแล้วครับ” สิงขรบอกกำหนดการ ที่รู้มาจากนารี
“ครับ แล้วอาสินกับคุณยาย?” ภาคินถามพร้อมกับส่งสายตามองหา
“นั่งที่หน้าเวทีกับนายอำเภอคนใหม่ครับ เห็นว่าเพิ่งจะย้ายมารับตำแหน่งเมื่ออาทิตย์ก่อน” สิงขรชี้ให้ผู้เป็นนายดู
“อายุเท่าไหร่เหรอครับ?” ภาคินมองจากด้านหลังของนายอำเภอคนใหม่อย่างประเมิน
“ยังเด็กอยู่เลยครับ น่าจะสามสิบกว่าๆ”
“แหม...ชักอยากจะเห็นหน้าแล้วสิครับ”
“งั้นเราเข้าไปนั่งที่ข้างหลังคุณมาร์กันไหมครับ” สิงขรเอ่ยชวน เพราะตนจะได้ถือโอกาสนั่งข้างๆ กับนารี
“ครับ” ภาคินขานรับก่อนจะเข้าไปนั่งเก้าอี้แถวข้างหลังของผู้เป็นยายกับ สินชัย ซึ่งตอนนี้มีนายตำรวจยศใหญ่หลายท่าน พากันแวะเวียนเข้ามาทักทาย
เวลาล่วงเลยมาถึงสามทุ่มครึ่ง นางนพมาศจากหลายๆ ตำบล ต่างทยอยขึ้นโชว์ตัวบนเวทีพร้อมกับตอบคำถาม ตามลำดับ
จนกระทั่งมาถึงคิวของวรันยา ที่พอเดินก้าวออกจากด้านหลังเวทีมาได้เพียงสองก้าว ก็เรียกเสียงเชียร์และเสียงปรบมือดังกระหึ่มไปทั่วทั้งงาน
“หมายเลขที่เก้า น.ส วรันยา สิรางภัคษร อายุ 20 ปี เป็นบุตรสาวคนเดียวของพ่อเลี้ยงสินชัย ปัจจุบันกำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษค่ะ ” พิธีกรสาวกล่าวแนะนำ
“แหม...นางนพมาศของรีสอร์ตพรรณนารากับไร่ไปรยาเวศปีนี้ ดีกรีไม่ธรรมดาจริงๆ นะครับ แถมยังสวยซะจนพิธีกรอย่างผมทำตัวไม่ถูกเลย” พิธีกรชายบอกพร้อมกับหรี่ตามองนางนพมาศคนสวย ที่ดูจะเจิดจรัสจนกลบความงามของนางนพมาศตำบลอื่นๆ ไปแบบไม่เห็นฝุ่น
“เอ่อ...คุณคะคุณ พ่อเลี้ยงนั่งอยู่หน้าเวทีนะคะ เผื่อคุณมองไม่เห็น” พิธีกรสาวเอ่ยเตือนอย่างขำๆ เรียกเสียงหัวเราะดังกระหึ่มไปทั่ว
พิธีกรชายรีบหันไปยกมือไหว้ เจ้าของรีสอร์ตใหญ่อย่างไม่รอช้า “สวัสดีครับพ่อเลี้ยง ผมขอฝากตัวเป็น...”
“เป็นอะไรคะ?” พิธีกรหญิงเอ่ยถามอย่างใจคอไม่ดี ขณะเดียวกันก็หวั่นใจว่าจะได้ร่วมงานกับเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย เพราะได้ยินมาหนาหูว่าพ่อเลี้ยงสินชัยนั้นหวงลูกสาวมากถึงขนาดให้คนตามดูแลตลอด
“เป็นแขกประจำรีสอร์ตครับ” พิธีกรชายออกตัวอย่างเขินๆ
“แหม...เกือบไปแล้วนะคะ เกือบได้กลับบ้านเก่าไปโดยไม่รู้ตัว” พิธีกรสาวเอ่ยแซว เรียกหัวเราะและเสียงกรี๊ดดังขึ้นทั้งงานอีกครั้ง
พิธีกรชายหัวเราะตาม ก่อนจะกลับมาดำเนินหน้าที่ต่อ “เอาละครับ! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มคำถามกันเลยดีกว่า”
“เชิญค่ะ” พิธีกรสาวสมทบตาม ก่อนจะส่งกล่องใส่กระดาษคำถามไปให้ นางนพมาศคนสวยจับ
วรันยายิ้มก่อนจะหยิบกระดาษคำถามแล้วส่งให้พิธีกรชายที่ส่งมือมารอรับ
“ครับ! ผมคำถามมีอยู่ว่า..ประเพณีลอยกระทงที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน มีความสำคัญอย่างไรบ้างครับ?” พิธีกรชายเอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ค่ะ ประเพณีลอยกระทง ถือเป็นหนึ่งในวันสำคัญของคนไทยซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติล้านนา ตามความเชื่อที่มีมาแต่ช้านาน คือการสะเดาะเคราะห์และการขอขมาต่อพระแม่คงคา ที่เราได้ดื่ม ได้กิน ได้ใช้ รวมไปถึงการทิ้งสิ่งปฏิกูลเน่าเสียต่างๆ ลงในแม่น้ำ ซึ่งหากเป็นไปได้...ไวน์ก็อยากจะขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลรักษา โดยการเลิกทิ้งขยะลงในแม่น้ำ เพื่อที่ลูกหลานของเราในวันข้างหน้า ได้มีน้ำดื่ม น้ำกินและน้ำใช้ที่สะอาด ขอบคุณค่ะ” วรันยาตอบเสร็จก็ส่งไมค์คืนให้กับพิธีกรหญิง
แปะๆๆ เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วทั้งงาน หลังจากที่นางนพมาศคนสวยกล่าวจบ
“เป็นคำตอบที่ดิฉันคิดว่าน่าจะถูกใจใครๆ หลายคน หากวัดจากเสียงปรบมือเมื่อครู่” พิธีกรสาวยิ้มอย่างแอบลุ้นว่าสาวตรงหน้าจะคว้าที่หนึ่งไปครอง
“ใช่ครับ ทุกวันนี้พวกเราควรจะหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญต่อแม่น้ำ ที่เราใช้กันให้มาก เพราะหากยังคงทิ้งขยะหรือสิ่งของต่างๆ ลงในแม่น้ำ เหมือนเช่นที่ผ่านๆ มา วันหนึ่ง...เราจะไม่มีน้ำที่สะอาดให้ใช้ครับ” พิธีกรชายเสริมด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
“ใช่ค่ะ ลำดับต่อไปขอเชิญหมายเลข...” พิธีกรสาวเอ่ยรับอย่างเห็นด้วยก่อนจะเอ่ยเชิญลำดับต่อไป
ด้านหน้าเวที...
ประกรณ์ นายอำเภอคนใหม่ของแม่ริน หันไปคุยกับปลัดที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น จนกระทั่งมาเจอกันอีกทีคือตอนที่ย้ายมารับหน้าที่ที่อำเภอแห่งนี้พร้อมๆ กัน “สวยจริงๆ”
วรันยาฉีกยิ้มอย่างรู้สึกตื่นเต้น ขณะที่นางนพมาศคนอื่นๆ ต่างกล่าวแสดงความยินดีกับเธอ
“คะแนนนำทิ้งห่างอย่างเป็นเอกฉันท์ในรอบยี่สิบปีเลยครับ” พิธีกรชายบอกหลังจากที่มีกรรมการเข้ามากระซิบตัวเลข
“ขอเชิญคุณประกรณ์ นายอำเภอคนใหม่ ขึ้นมามอบรางวัลด้วยค่ะ” พิธีกรสาวกล่าว
ภาคินมองดูสีหน้ายิ้มแย้มของนายอำเภอคนใหม่อย่างรู้สึกขัดหูขัดตา “! ผมอยากจะวิ่งไปเตะตัดขามันจริงๆ”
“ใจเย็นครับใจเย็น” สิงขรหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เมื่อเห็น ผู้เป็นนายออกอาการหึงอย่างลืมตัว
ประกรณ์เดินขึ้นเวทีไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แกมใจสั่นนิดๆ ที่จะได้มอบรางวัลให้กับสาวที่ตนต้องตาต้องใจ
“ผมขออนุญาตถามคุณไวน์หน่อยได้ไหมครับ ว่าเงินรางวัลจำนวนหนึ่งแสนบาทนี้จะนำไปใช้ในเรื่องใดบ้างครับ” พิธีกรชายยิงคำถามเดิมที่เคยถามกับผู้ที่ได้รับรางวัลที่หนึ่งในทุกๆ ปี
“เอ่อ...ไวน์คิดว่าจะแบ่งเงินรางวัลออกเป็นสองส่วน แล้วมอบให้กับให้เจ้าหน้าที่ทำแนวป้องกันไฟป่าและสมทบทุนซื้อเสื้อกันหนาวให้กับน้องๆ ที่อยู่บนดอยค่ะ” วรันยาบอกความตั้งใจ เพราะตอนที่ขบวนรถเลื่อนผ่านเข้ามาในงาน เธอเห็นมูลนิธิทั้งสองเปิดตั้งโต๊ะรับบริจาค จึงได้พูดคุยกับบิดาและกังศมาเอาไว้ว่า...หากได้รางวัลใดก็ตาม เธอจะขอนำเงินจำนวนนั้นไปมอบให้กับมูลนิธิสองแห่งนี้ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยแถมยังจะร่วมสมบททุนเพิ่มอีก
“เยี่ยมมากๆ เลยครับ ขอเสียงปรบมือให้กับคุณวรันยา สิรางภัคษร นางนพมาศที่สวยแถมยังบริจาคเงินรางวัลที่ได้ทั้งหมดให้กับเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าและน้องๆ ที่อยู่บนดอยครับ” พิธีกรบอกอย่างรู้สึกอึ้ง เพราะปกติจะได้ยินคำตอบที่ว่า...นำไปเป็นทุนการศึกษาหรือนำไปมอบให้กับบิดามารดามาตลอด
เสียงปรบมือดังกระหึ่มไปทั่วทั้งงาน ท่ามกลางคำชื่นชมของผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวทีและบนเวที
“นี่ค่ะท่าน” พิธีกรหญิงรีบส่งซองรางวัลที่มีเช็คเงินสดจำนวนหนึ่งแสนบาทให้กับนายอำเภอคนใหม่อย่างไม่รอช้า
ประกรณ์รับซองมาก่อนจะมอบให้นางนพมาศคนสวย มือไม้สั่น เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอสาวใด ที่ทั้งสวยและมีทัศนคติที่โดนใจเหมือนกับ สาวตรงหน้ามาก่อน
“ขอบคุณค่ะ” วรันยาฉีกยิ้มหวานให้อย่างรู้สึกเขินนิดๆ
ภาคินกัดปากแน่น ข่มอารมณ์เดือดพล่านภายในใจให้สงบ พยายามจะนับหนึ่งให้ถึงร้อย แต่นับยังไงก็นับไม่ถึงสิบเลยสักครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)