ดูเหมือนยานี่จะใช้กับสีจิ่นยวนได้ผล สีของมันจางลงจากตอนแรกเยอะเลย ฉันทายาให้เขา รอยที่หยาบนูนก็เรียบเนียนขึ้นมาก
“ยานี่ใช้ดีมากเลย” ฉันดีใจมาก “นายไม่ได้มีอาการแพ้หรืออะไรใช่ไหม?”
“ไม่มีครับๆ พี่รีบทาให้ผมเถอะ ผมรอพี่จนดึกเลยเนี่ย”
“ทำไมนายไม่รู้จักทาส่วนที่ตัวเองทาได้ก่อน ต้องรอฉันกลับมาทาให้นายให้ได้เลยใช่ไหม?”
“พี่เซียวเซิง พี่รำคาญผมเหรอ?” เขาเบะปากแล้วเริ่มเล่นละครกับฉัน
“ใช่สิ นายมันน่ารำคาญสุดๆ ไปเลย” ฉันช่วยเขาทายา ยาน้ำเย็นๆ ถูกทาลงไปบนผิวของเขา น่าจะสบายน่าดู เขาทำตาปรือราวกับจะหลับ แต่ความจริงฉันรู้ว่าเขากำลังแอบมองฉันอยู่
ฉันตีหลังมือของเขาแล้วพูดขึ้น “มองฉันอยู่ได้ มีอะไร?”
“คืนพรุ่งนี้เราไปหามาร์ชเมลโล่ที่บ้านลูกพี่หนีเถอะ ไปกินปูผงกะหรี่ด้วย”
“ลูกพี่หนีไม่ได้เปิดร้านปูผงกะหรี่สักหน่อย อีกอย่างนายต้องงดอาหาร ทานปูไม่ได้”
“ครั้งก่อนผมทานไปแล้ว”
“วันก่อนนายก็เลยเป็นหนักไง” ฉันทายาบนแขนและขาให้เขาเสร็จแล้ว “ดึงเสื้อขึ้น ฉันจะทายาที่หลังให้”
“เมื่อตอนเย็นพี่ไปไหนมาเหรอ?”
“เกี่ยวอะไรกับนายไม่ทราบ?”
“เป็นผู้หญิงน่ะ กลางค่ำกลางคืนห้ามออกไปเที่ยวนะ อีกอย่าง ที่เชิงเขาบ้านเราก็มีคนอยู่น้อย” เขาบ่นฉันไม่หยุด
“พี่ฉันมาส่งน่ะ”
“ผู้หญิงที่หน้าไร้อารมณ์คนนั้นน่ะนะ?”
“อะไรคือหน้าไร้อารมณ์ เธอสวยออก”
“สวยไม่ถึงหนึ่งในสิบของพี่ด้วยซ้ำ หน้าอย่างกับน้ำแข็ง น่าเห็นมีอะไรน่าสนใจ”
ฉันขอบคุณนะที่เขาชมฉันแบบนี้ ฉันคิดมาตลอดว่าเซียวซือดูมีออร่ามากกว่าฉันเยอะเลย เธอต่างหากที่เป็นหญิงสาวที่มีชื่อเสียงตัวจริง ส่วนฉันน่ะเป็นตัวปลอม
เมื่อฉันทายาให้เขาเสร็จก็ตบหลังเขาเบาๆ “เสร็จแล้ว นายกลับห้องไปได้แล้ว”
“พี่เซียวเซิง ทำไมพี่ไม่นอนห้องเดียวกับพี่ผมล่ะ?” ทายาเสร็จแล้วแต่เขายังไม่ยอมกลับ เอาแต่นอนบนโซฟาฉันไม่ไปไหน
“เกี่ยวอะไรกับนายไม่ทราบ?”
“งั้นทำไมพี่ต้องแต่งงานกับพี่ผมด้วยล่ะ?”
“เกี่ยวอะไรกับนายไม่ทราบ?”
“พี่เซียวเซิง พวกพี่แต่งงานกันเพราะมีข้อตกลงอะไรแบบนั้นใช่ไหม?”
“สีจิ่นยวน” ฉันจ้องหน้าเขา “กลับห้องนายไปได้แล้ว ไม่งั้นครั้งหน้าฉันจะไม่ช่วยทายาให้นายแล้วนะ”
“พี่เซียวเซิง ผมรู้ว่าลูกพี่หนีชอบพี่” คำพูดสะเทือนฟ้าดินของเขาทำฉันตกใจ ฉันรีบหันไปมองยังประตูทันที ยังดีที่มันปิดสนิทแล้ว
“นายพูดอะไรของนาย?”
“ครั้งก่อนที่ไปบ้านของลูกพี่หนี ผมเห็นในห้องลูกพี่หนีมีรูปพี่เยอะมากเลย มีรูปตอนเด็กๆ ที่พวกพี่ถ่ายด้วยกันด้วยนะ”
“นั่นมันจะไปยืนยันอะไรได้?”
“ยืนยันว่าลูกพี่หนีชอบพี่ไง ทำไมพี่ไม่แต่งงานกับลูกพี่หนีล่ะ ทำไมต้องแต่งกับพี่สาม?”
ฉันล่ะอยากจะใช้ถุงเท้าเหม็นๆ มาอุดปากที่บ่นนู่นนี่ไปเรื่อยของสีจิ่นยวนไว้จริงๆ แต่ฉันไม่มีถุงเท้าเหม็นๆ ฉันจึงทำได้แค่ผลักเขาออกจากโซฟา “ออกไปเลย ออกไป”
ฉันจับมือของเขาไว้ ฝ่ามือของเขาทั้งแข็งและกระด้าง คงเกิดจากการโหนบาร์เดี่ยวและเล่นบาสของเขา
จู่ๆ เขาก็บีบคลึงมือฉันพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสายตาวาววับ “พี่เซียวเซิง มือพี่นุ่มจัง”
“จะเผาทิ้งได้ไง? มันผิดกฎหมาย”
“เธอนี่มันรั้นจริงๆ เลย ทำไมต้องเซ็นด้วยเนี่ย?”
“ฉันให้หนีอีโจวดูแล้ว เขาบอกว่ามันไม่ได้มีปัญหาอะไร”
“ก็ใช่ มันไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ปกติอยู่ดี”
“เธอคิดมากไปแล้วล่ะ ตอนเที่ยงไปดูบ้านคุณแม่กับฉันหน่อย แล้วก็รีบไปทำหนังสือรับรองการโอนบ้านให้เรียบร้อยกัน”
“ได้”
เมื่อรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ ฉันกับเฉียวอี้ก็รีบไปที่บ้านที่ฉันเคยอยู่ เดิมทีที่นั่นเคยเป็นใจกลางเมือง การพัฒนาในตอนนี้จะเน้นการพัฒนาไปทางย่านการค้า ดังนั้นฝั่งทางนั้นก็เลยกลายเป็นเขตเมืองเก่า
บ้านอยู่ที่เดิม ดูจากภายนอกมันก็เก่าลงไม่น้อยเลย ฉันได้แต่หวังว่าข้างในมันยังคงเหมือนเดิม
คุณพ่อรักคุณแม่ขนาดนี้ ต้องเก็บทุกอย่างไว้ในนั้นอย่างดีแน่ๆ
หลังจากที่คุณแม่เสีย ฉันก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย คุณพ่อคงกลัวว่าฉันจะเสียใจ และท่านก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องบ้านหลังนี้กับฉันมาก่อน
เฉียวอี้ลากฉันพลางพูด “เข้าไปสิ ยืนบื้ออยู่ทำไม?”
ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณแม่ชอบวางกุญแจไว้ใต้กระถางดอกบานไม่รู้โรยในสวน ฉันเดินไปหาก็พบว่ามันอยู่ในนั้นจริงๆ ฉันหากุญแจเจอแต่มันก็ขึ้นสนิมจนเหลืองหมดแล้ว หวังว่ามันจะยังใช้ได้
เฉียวอี้ผลักประตูเข้าไปและพูดขึ้น “ประตูไม่ได้ล็อกนี่ รู้งี้ก็คงไม่ต้องหากุญแจหรอก โธ่!”
ทันใดนั้นเฉียวอี้ก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่าภายในบ้านรกไปด้วยข้าวของต่างๆ กระจัดกระจายเต็มไปหมด ราวกับมันผ่านภัยพิบัติมาอย่างไรอย่างนั้น บนผนังถูกอะไรบางอย่างที่มีสีดำซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรสาดใส่ กระดานปูพื้นถูกแงะออกมา ส่วนข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านและภายในบ้านและภาพบนผนังถูกทำลายจนเสียหาย ทุกอย่างยุ่งเหยิงและตกอยู่ในสภาพที่เสียหาย
สรุปคือถ้าหน้าตาภายนอกของตึกเล็กๆ นี่เปลี่ยนไป ฉันก็คงจำไม่ได้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ฉันกับแม่เคยอยู่ด้วยกัน
เฉียวอี้รีบวิ่งไปที่ห้องรับแขก เธอวิ่งวนไปรอบๆ พลางด่าไปด้วย “นี่เป็นฝีมือคนตั้งใจมาทำลายมันชัดๆ บ้าเอ๊ย ใครกันนะที่มันชั่วขนาดนี้!”
จู่ๆ เธอก็หันหน้ามามองฉัน “แม่เลี้ยงเธอ เฉิ่งซินหลาน ใช่แน่ๆ ฝีมือเธอแน่ๆ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...