พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 238

หนีอีโจวมาถึงโรงพยาบาลประมาณห้าทุ่มครึ่ง เนื้อตัวดูมอมแมม ดูเหนื่อยล้าจากการเดินทางมากๆ

เมื่อเขาเห็นฉันก็รีบกล่าวคำขอบคุณและคำขอโทษ “เซียวเซิง ขอโทษด้วยนะ ทำให้คุณเสียเวลาทั้งคืนเลย”

“อย่าพูดแบบนี้” ฉันยื่นผ้าขนหนูให้เขาหนึ่งผืน “ข้างนอกฝนตกเหรอ? ตัวนายเปียกไปหมด”

“ฝนตกเล็กน้อย” เขามองฉันด้วยสายตาที่รู้สึกผิด “คุณทานมื้อค่ำหรือยัง?”

กลางคืนฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ตอนที่คุณแม่หนีตรวจเช็คร่างกายอยู่ด้านใน ฉันได้ลงไปชั้นล่างเพื่อซื้อแซนวิชมาทานแล้ว แต่ว่าพอกัดไปสองคำก็กลับทานไม่ลง

“ทานแล้ว” ฉันกล่าว “คุณน้าปลอดภัยดีแล้ว เพียงแต่ต้องนอนนิ่งๆสักพัก”

“ขอบคุณในน้ำใจคุณมากนะ ผมจะไปส่งคุณกลับบ้านเอง” บนหัวเขามีหยดน้ำเต็มไปหมด เส้นผมนุ่มสลวยได้แนบบนหน้าผากไว้

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันพาคนขับมาด้วย”

“นี่ก็ดึกมากแล้ว แน่ใจว่าไม่ให้ผมส่งคุณกลับใช่ไหม?”

“ไม่เป็นไรจริงๆ” ฉันกล่าว “นายดูแลคุณน้าให้ดีๆ พรุ่งนี้ฉันจะมาเยี่ยมคุณน้าใหม่”

“ไม่ต้องมาทุกวันหรอก ได้จ้างพยาบาลไว้แล้ว เราสองคนสามารถดูแลกันได้” เสียงของหนีอีโจวเบามาก เผยให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าลึกๆ

“แล้วนายจะต้องการเพื่อนไปเพื่ออะไร?” ฉันพูดเสียงต่ำ “หากว่าเฉียวอี้มารู้ว่าคุณแม่หนีเข้าโรงพยาบาลแล้วนายกลับไม่บอกเธอให้มาช่วย จะต้องฆ่านายแน่ๆ จากนี้ช่วงกลางคืนเราสามคนผลักกันดูแล”

“ผู้หญิงอย่างพวกคุณต้องพักผ่อนเพื่อความสวย ไม่งั้นล่ะก็จะมีรอบดวงตาที่ดำคล้ำ” จู่ๆเขาก็ยื่นมือมาจับใต้ตาของฉัน

“ขอบตาฉันดำคล้ำแล้วเหรอ? ไม่เร็วขนาดนั้นหรอกมั้ง?”

“มันคงไม่เร็วขนาดนั้นหรอก” เขายิ้มเบาๆ “ผมจะไม่ยื้อคุณไว้แล้ว ผมส่งคุณลงชั้นล่างนะ”

หนีอีโจวเดินไปส่งฉันออกประตูโรงพยาบาล หลังจากที่เห็นฉันขึ้นรถแล้วจึงโบกมือให้ฉัน ข้างนอกฝนตกปรอยๆ ถึงแม้จะตกไม่หนักมากนัก ช่วงที่ไม่มีไฟก็ดูไม่ออกว่าฝนกำลังตกอยู่ แต่ว่าเม็ดฝนเบาบาง เหมือนกับว่าเป็นเม็ดฝนที่เป็นม่านน้ำ ถ้าหากยืนกลางสายฝนสักพัก ก็สามารถเปียกโชกไปได้ทั้งตัว ฝนแบบนี้ราวกับสามารถเปียกไปถึงในใจของคนได้ ทั้งในและนอกเปีอกชุ่มไปหมด ความจริงฉันไม่ได้พาคนขับมาด้วย ฉันแค่เรียกใช้รถบริการชั่วคราว หนีอีโจวคงเหนื่อยมากแล้ว เลยดูไม่ออกว่านั่นไม่ใช่รถของสีชิงชวน

คนขับถามฉัน “จะไปไหนครับ?”

อันที่จริงตอนนี้ฉันเหนื่อยมาก อยากกลับไปพักแล้ว แต่เมื่อดูเวลาแล้วยังไม่ถึงเที่ยงคืน ไม่รู้ว่างานปาร์ตี้วันเกิดของสีชิงชวนได้เลิกไปแล้วหรือยัง ตามปกติแล้วจะต้องเลยเที่ยงคืนไปก่อน

ฉันลังเลสักพัก แล้วบอกกับคนขับว่า “ฉันจะไปสถานที่หนึ่ง คุณรอฉันหาที่อยู่สักครู่นะคะ”

ในขณะที่ฉันกำลังรื้อกระเป๋า ก็นึกขึ้นได้ว่าฉันได้เอาแผ่นกระดาษที่เขียนที่อยู่ไว้ให้กับเซียวซือไปแล้ว จู่ๆสมองก็เกิดสับสน นึกรายละเอียดที่อยู่ของสถานที่ยังไงก็นึกไม่ออก

คนขับนิสัยดี คอยหันมารอที่อยู่จากฉัน ฉันนึกสักพัก “คุณให้ฉันยืมโทรศัพท์สักครู่ได้ไหมคะ?”

ขณะที่ฉันกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ก็ได้ยินเสียงคนขับบอกกับฉันว่า “คุณครับ ถึงแล้วครับ”

เมื่อฉันมองผ่านกระจก ดูเหมือนว่าที่นี่เป็นบ้านพักส่วนตัว มีสวนดอกไม้ มีภูเขาจำลอง มีศาลา เป็นบ้านพักที่ค่อนข้างโบราณ

“ที่นี่แพงมาก นับว่าเป็นสถานที่ส่วนตัวเลย” คนขับพูดกับฉันขณะที่รับเงินจากฉัน

ฉันลงจากรถ เดินไปที่หน้าประตูบ้าน นี่เป็นประตูเหล็กลวดลายแกะสลัก มองจากประตูก็สามารถมองเห็นด้านในได้ สนามหญ้าถูกจัดแต่งได้สวยมาก กลางสนามหญ้ามีต้นซากุระอยู่หนึ่งต้น ฉันคิดว่าน่าจะเป็นของปลอม ตอนนี้เข้าสู่ต้นฤดูร้อนแล้ว ดอกซากุระคงเหี่ยวเฉาไปนานแล้ว แต่ดอกซากุระต้นนี้กำลังบานสะพรั่งสวยงาม มีไฟหลากสีพันไว้รอบๆต้น กลีบของดอกซากุระกำลังปลิวว่อนไปทั่วท้องฟ้า ต้องบอกว่าต้นซากุระปลอมต้นนี้ ทำได้เหมือนจริงมากๆ ยังมีกลีบดอกซากุระปลิวไสวไปด้วย

ปาร์ตี้วันเกิดของสีชิงชวนจัดแต่งได้แปลกมากๆ รู้สึกว่ามันไม่เหมือนเป็นความชอบของผู้ชาย เหมือนว่าเป็นการทำขึ้นมาเพื่อเอาใจสาวๆอย่างงั้นเลย ในสนามนอกจากมีต้นซากุระแล้วยังมีลูกโป่งพลาสติกรูปอมยิ้มขนาดใหญ่ ด้านล่างเป็นกล่องของขวัญขนาดใหญ่อีกด้วย ไม่รู้ว่าด้านในจะมีของขวัญอยู่ด้วยไหม ฉันเลียริมฝีปาก รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

ฉันตัดสินใจจะผลักประตูเข้าไป แต่จู่ๆก็เห็นสีชิงชวนกับเซียวซือเดินจากสวนดอกไม้ของอีกฝั่งหนึ่ง ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ พาตัวเองไปแอบไว้อีกที่หนึ่งอย่างลับๆล่อๆ พวกเขาหยุดอยู่ที่ใต้ต้นซากุระ ยืนหันหน้าเข้าหากัน เด็กชายกับเด็กหญิงยืนใต้ต้นไม้ที่มีเงาดอกไม้กระทบใบหน้า แลดูน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง ฉันเห็นใบหน้าของพวกเขาไม่ชัด และก็ไม่ได้ยินว่าทั้งสองกำลังคุยอะไรกันอยู่ รู้แค่เพียงมีแสงสีชมพูส่องไปบนศีรษะของสีชิงชวน แม้จะมองไม่ชัดแต่ก็รู้สึกได้ถึงแววตาอันอ่อนโยนของเขาได้

ตอนแรกว่าจะเดินเข้าไป แต่พอเห็นพวกเขาสองคนแบบนี้ จู่ๆก็ไม่ต้องการที่จะเดินเข้าไปเฉยเลย มือของฉันจับราวประตูเหล็กเอาไว้ แอบมองพวกเขาอย่างไร้ยางอาย จะเดินเข้าไปทักทาย หรือว่าหันหลังจากไปดี? ฉันยังคงลังเลใจ จู่ๆเซียวซือก็เขย่งปลายเท้าแล้วเงยหน้าขึ้นจูบลงบนริมฝีปากของสีชิงชวน ฉันรู้สึกตะลึงงัน ทันใดนั้นก็มีอาการหูอื้อ เหมือนมีนกพันตัวหมื่นตัวร้องอยู่ในหู

การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินของฉันไม่ค่อยดีนัก ในตอนนี้ฉันทำได้แค่หันหลังให้ แล้วยืนนิ่งอยู่ตรงประตู ขณะนี้ หอนาฬิกาในระยะไกลก็ดังบอกเวลาเที่ยงคืน ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอันมืดมน เที่ยงคืนแล้ว วันเกิดของสีชิงชวนได้ผ่านไปแล้ว ฉะนั้นฉันไม่จำเป็นต้องเข้าไปอีกแล้ว อีกอย่าง ตอนนี้พวกเขาสองคนกำลังอยู่ในช่วงที่หอมหวาน ฉันเข้าไปมีแต่จะไปขัดจังหวะพวกเขา?

ฉันหยุดอยู่ตรงประตูสักพักก็วิ่งออกมา ราวกับว่ามีผีกำลังตามหลังฉันอยู่ ส้นสูงของฉันกระทบพื้นเสียงดังกึกก้อง ความคิดของฉันยังทำงานไม่หยุด ไหนบอกว่าเป็นปาร์ตี้วันเกิดไง ทำไมหน้าประตูถึงไม่มีรถเลยสักคัน ในสนามหญ้าก็ดูเงียบเหงามากๆ ราวกับว่าได้เชิญเซียวซือมาแค่คนเดียว หรือว่า แขกกลับกันหมดแล้ว เหลือเพียงเซียวซือที่ยังอยู่

ฉันวิ่งลูกเดียวจนกระทั่งมาถึงถนนที่สามารถมองเห็นแท็กซี่ เหนื่อยจนหอบไปหมด ขึ้นรถแล้วถึงถามตัวเองว่า “ทำไมฉันถึงต้องหนีด้วยล่ะ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)