พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 261

ฉันพุ่งเข้าไปแย่งโดยไม่สนว่าเขาจะมองออกหรือไม่ก็ตาม แต่เขาสูงกว่าฉันหนึ่งช่วงหัว พอเขาชูขึ้นสูง ฉันก็เลยแย่งมันมาไม่ได้เลย

ชั่วขณะหนึ่งเมื่อความร้อนใจเข้ารุมเร้าหัวใจ ฉันจึงตะโกนออกมาตรงๆ ด้วยแรงอารมณ์ “ใช่แล้ว ชุดนอนเซ็กซี่ ฉันตั้งใจซื้อมาใส่ยั่วคุณโดยเฉพาะเลย พอใจแล้วนะ! ”

คาดว่าสีชิงชวนน่าจะคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฉันจะพูดออกมาแบบนี้ เขาก็เลยนิ่งอึ้งไป

ฉันจึงฉวยโอกาสนี้แย่งชุดชั้นในมาจากมือของเขา จากนั้นก็รวบเสื้อผ้าที่วางอยู่บนเตียงเอาขึ้นมากอดไว้แล้วหลบเข้าห้องน้ำไป

ฉันล็อคประตูขังสีชิงชวนไว้ด้านนอก

ฉันคิดจะเอาชุดนอนไปทิ้ง แต่ปัญหาคือจะเอาไปทิ้งที่ไหนดี

ทิ้งลงชักโครกไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว เสื้อผ้าพวกนี้ไม่ใช่กระดาษชำระ ทิ้งลงไปจะทำให้ท่ออุดตันได้

โยนทิ้งนอกหน้าต่างก็ไม่ได้ ด้านล่างเป็นสวนดอกไม้ มีผู้ป่วยหลายคนเดินเล่นรับลมอยู่ในสวน

ถ้าจู่ๆ ฉันโยนชุดนอนเซ็กซี่ลงไป แล้วไปตกลงบนหัวใครเข้า คาดว่าฉันต้องถูกนินทาลับหลังแน่

ตะกร้าใส่เศษกระดาษเหรอ? ชุดนอนดีๆ ที่ยั่วยวนให้คนมารักมาชอบจะทิ้งไปแบบนี้เลยจริงๆ เหรอ?

กับแค่การที่ฉันจะทิ้งชุดนอนชุดหนึ่งก็แสดงลักษณะนิสัยที่ยุ่งเหยิงกันอุตลุดของฉันออกมาอย่างเต็มที่แล้ว ฉันยังคงนั่งตีกับความคิดอยู่ในห้องน้ำ จนสีชิงชวนมาเคาะประตูเรียกฉัน

“เซียวเซิง ผมว่าคุณใส่มันตอนนี้เลยก็ได้นะ ยังไงตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว”

ฉันไม่ใส่ ความตั้งใจเดิมของฉันไม่ได้จะใส่มายั่วยวนเขา

เขาค่อยๆ โน้มน้าวจากข้างนอก “ถึงยังไงในภาพจำของเธอที่มีต่อคุณ คุณก็มีภาพลักษณ์แบบนี้ไปแล้ว คุณยังจะสนใจอะไรมากมายขนาดนั้นอีก? ”

ฉันเปิดประตู เขายืนพิงวงกบประตูอยู่ กรอบด้านบนของวงกบประตูแตะโดนหัวของเขาแล้ว “เมื่อกี้นี้ฉันพูดไปมั่วๆ ฉันไม่มีทางใส่มัน! ”

“เฉียวอี้ให้คุณมาเหรอ เธอให้คุณใส่มายั่วผมเหรอ? ” สีชิงชวนก็คือสีชิงชวนจริงๆ มองเห็นแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ

ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาส่งเสียงหัวเราะออกมา “ผมรู้อยู่แล้ว ชุดสไตล์หัวรุนแรงแบบนี้ไม่ใช่สไตล์ของคุณ คุณเป็นคนมีภาพลักษณ์แบบที่ถูกคนตบตีจนโงหัวไม่ขึ้น จะมาทางสไตล์หัวรุนแรงแบบนี้ได้ยังไง? ” เขาหยิบชุดนอนไปจากอ้อมแขนของฉัน “คุณไม่กล้าใส่ แต่ก็ตัดใจทิ้งไม่ลง จะทิ้งลงโถส้วมก็กลัวตัน จะทิ้งลงไปข้างล่างก็กลัวโดนด่า ใช่ไหม? ”

เขาเป็นพยาธิไส้เดือนในท้องของฉันเหรอ เขารู้หมดเลยว่าฉันคิดยังไงอยู่

ฉันรู้สึกเหมือนกำลังยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าเขา

เขาแกว่งชุดนอนในมือไปมา “ถ้าคุณไม่ใส่ งั้นผมจะเอาไปให้คนอื่นนะ เมื่อกี้นี้เห็นมีพยาบาลตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไซส์น่าจะพอๆ กับคุณ”

เขาเป็นคนทำได้ตามที่บอกไว้ ฉันต้องรีบแย่งชุดมาให้ได้ “ฉันจะใส่หรือไม่ใส่คุณไม่ต้องมายุ่ง อย่าเอาของของฉันไปให้คนอื่น”

“ถ้าไม่อยากให้ผมเอาไปให้คนอื่น งั้นคุณก็ใส่ให้ผมดูสิ” เขาโยนเสื้อกลับมาไว้ในอ้อมแขนของฉันอีกครั้ง “อย่ามั่นใจในตัวเองมากเกินไปล่ะ พอคุณใส่แล้วมันจะดึงดูดผมได้หรือเปล่า ผมยังต้องดูอีกที สิ่งที่สำคัญคือคุณจะกล้าใส่มันไหม? ”

เขากำลังใช้วิธีการยั่วยุให้เกิดการฮึกเหิม แต่เขาเอามาใช้ด้วยผิดคนแล้ว

ฉันเป็นคนที่ขี้ขลาดที่สุดบนโลกใบนี้แล้ว ฉันไม่มีทางใส่มันแน่นอน

ตกค่ำป้าอู๋เอาอาหารมาส่ง ฉันกับสีชิงชวนอยู่ด้วยกันสองต่อสอง

ฉันไม่มีไข้แล้ว สามารถนั่งทานข้าวที่โต๊ะน้ำชากับสีชิงชวนได้แล้ว

อาหารอร่อยมาก แต่ฉันมีเรื่องมากมายอยู่ในใจเลยทานอะไรไม่รู้รสเลย

เฉียวอี้ส่งวีแชทมาถามฉันไม่หยุดเลยว่าฉันตั้งใจจะใส่ชุดนั้นเมื่อไร

ฉันไม่ตอบกลับเธอไป เธอก็เลยวิดีโอคอลมาหาฉันโดยตรง ฉันเดินไปรับสายด้านในพร้อมกับผักบุ้งและน้ำเต้าหู้ที่อมไว้เต็มปาก

เฉียวอี้กำลังมาส์กหน้าด้วยมาส์กรูปเสืออยู่ ทำเอาตกอกตกใจไปหมด

“เซียวเซิง เป็นยังไงบ้าง? ”

“ฉันกำลังกินข้าว”

“กินข้าวเสร็จก็ไปอาบน้ำ พอออกมาก็ใส่ชุดนอนนั่นเลย รับประกันเลยว่ามันต้องทำให้สีชิงชวนรู้สึกดีสุดๆ ไปเลยละ”

“อย่าตายก่อนแล้วกัน” ฉันรู้สึกหดหู่มาก “เมื่อตอนบ่ายเซียวซือมาเยี่ยมฉัน แล้วไปเห็นชุดนอนนี่เข้า”

“โอ้ โอ้ โอ้ โอ้? ” เธอดูตื่นเต้นมาก “ไม่นึกเลยว่าจะมีเรื่องเซอร์ไพรส์ด้วยนะเนี่ย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะ”

“แค่สองตัวฉันก็พอแล้วจริงๆ ” ฉันเอ่ยอย่างหงอยๆ “นี่มันน่าขายหน้ามากๆ ”

“มาน่าขายหน้าอะไร เธอกับสีชิงชวนเป็นสามีภรรยากันนะ นี่มันคือรสนิยมส่วนตัว เจ้าหล่อนมายุ่งอะไรด้วย เดาว่าหน้าตาขี้อิจฉาของเซียวซือต้องเสียรูปไปเลยแน่ๆ อยากเห็นจริงๆ ว่าโฉมหน้าที่แท้จริงของเซียวซือเวลาโกรธหล่อนจะทำท่าทางแบบไหนออกมากันนะ หลังจากปล่อยให้หล่อนแสร้งทำเป็นจิตใจงามมีคุณธรรมสูงส่งมาทุกวันแล้ว”

“ฉันไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเซียวซือไปยั่วยุเธอตรงไหนกัน ดูเหมือนเป็นเธอกับหล่อนมากกว่าซะอีกที่เป็นศัตรูหัวใจกัน”

“เธอรู้ว่าเซียวซือเป็นศัตรูหัวใจของเธอก็ดีแล้ว”

ฉันชะโงกหน้าออกไปมองข้างนอกแป๊ปหนึ่ง สีชิงชวนยังคงทานข้าวอยู่เหมือนเดิมราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูด

ไม่รู้สิ บางทีเฉียวอี้อาจจะพูดถูกก็ได้

“เขาไปแล้ว จะพูดอะไรได้อีก”

“ทำไมถึงปล่อยให้สีชิงชวนถูกเซียวซือลากออกไปแบบนี้ล่ะ? ”

“งั้นฉันจะทำอะไรได้อีกล่ะ? ”

“เธอโทรไปหาสีชิงชวน บอกว่าเธอรู้สึกไม่สบายไม่เป็นเหรอ? ”

“เขาไม่ใช่หมอสักหน่อย และฉันก็ยังอยู่ที่โรงพยาบาล ทุกคนที่นี่เป็นหมอ”

“หมอก็คือหมอ สามีก็คือสามี”

“ช่างเถอะ แล้วถ้าเซียวซือรถเสียกลางทางและกำลังรอให้สีชิงชวนไปช่วยเธออยู่จริงๆ ล่ะ? ”

“สีชิงชวนเป็นอู่ซ่อมรถหรือไง? เธอหารถลากไม่เป็นเหรอ? ”

“จะพูดอย่างนี้ก็ได้อยู่”

“เซียวเซิง ถ้าเธอไม่โทร งั้นฉันจะโทรเอง มีคนแย่งสามีเธอไปเลยนะ แต่เธอยังนิ่งเฉยอยู่อีก ฉันล่ะยอมเธอเลยจริงๆ ”

“เออ ฉันโทรเอง เธอไปนอนเถอะ! ”

ฉันวางสายเฉียวอี้ไป แต่ไม่ได้โทรไปหาสีชิงชวน

นั่นมันไม่ใช่ภาพลักษณ์ของฉันเลยนะ ฉันทำไม่ได้จริงๆ

หลังจากนั้นฉันก็เล่นเกมในโทรศัพท์ ฉันเล่นได้ห่วยมาก ถูกคนอื่นทารุณยับเยิน

ฉันนี่มันอ่อนแอจริงๆ ไม่เพียงแต่จะถูกคนอื่นทารุณในโลกของความเป็นจริงเท่านั้น แม้แต่ในโลกเสมือนฉันก็ยังถูกทารุณอีก

ฉันอาจจะเป็นคนที่มีภาพลักษณ์แบบที่ต้องคอยรองรับอารมณ์คนอื่น ตลอดทั้งชีวิตนี้ก็อย่าได้หวังว่าจะเปลี่ยนแปลงได้เลย

ฉันเล่นเกมจนถึงเที่ยงคืน ฉันง่วงมากจนจะหลับอยู่แล้ว แต่สีชิงชวนก็ยังไม่กลับมา

......

[1] แสร้งเป็นหมู เพื่อหลอกกินเสือ หมายถึง แสร้งทำเป็นคนอ่อนแอไร้น้ำยา เพื่อหลอกให้ศัตรูตายใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)