พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 371

แม้ว่าฉันและแม่เลี้ยงจะไม่ลงรอยกันเป็นอย่างมาก ตอนนี้อารมณ์ของเธอเองก็คงจะแย่มาก ถ้าหากพรุ่งนี้ฉันไปแล้วฉันไม่ถูกตบหน้ากลับมานั่นก็คงเป็นเรื่องที่ดี แต่ทว่ายากนักที่เซียวซือจะเอ่ยปากแบบนี้กับฉัน ฉันเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ

ฉันเอ่ยตอบรับทันใด “ได้สิ”

“ขอบคุณนะ เซียวเซิง”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เซียวซือ ไม่ต้องกังวลนะ ฉันคิดว่าคุณน้าจะต้องไม่เป็นอะไรร้ายแรง ความรู้สึกยากลำบากนี้จะต้องผ่านพ้นไปอย่างแน่นอน”

“อือ” น้ำเสียงของเธอคลุมเครือ “ฉันวางสายแล้วนะ”

ฉันเองก็วางสายโทรศัพท์ด้วย เมื่อเงยหน้าขึ้น ฉันเห็นสีชิงชวนนั่งอยู่ตรงข้ามฉันและกำลังจ้องมองฉัน

อาฮวาตักซุปให้กับฉัน ฉันตักขึ้นมาช้อนหนึ่งพร้อมกับยื่นเข้าปาก “มองฉันทำไม?”

“ผมอยากเห็นว่าเส้นจุดจบของคนดีเกินไปนั้นอยู่ตรงไหน?”

“เหอะ” ฉันไม่อยากจะพูดคุยกับเขา

เฉียวอี้ส่งข้อความวีแชทมาหาฉัน ท่าทางลับๆล่อๆราวกับว่ามีเรื่อง “เซียวเซิง เธออยู่ที่ไหน สีชิงชวนอยู่กับเธอหรือเปล่า?”

ฉันตอบว่าใช่ ท่าทางของเธอดูมีลับลมคมในมากยิ่งขึ้น “เมื่อกี้เธอโทรคุยกับใคร โทรหาตั้งนานก็ไม่ติด?”

“โทรคุยกับเซียวซือ”

“เซียวซือถูกปล่อยตัวแล้วเหรอ?”

“อื้อ”

“สมองของเธอเพี้ยนหรือเปล่า?” หลังจากที่เฉียวอี้พิมพ์ประโยคนี้ ฉันยังไม่ทันจะตอบกลับ เธอก็โทรศัพท์เข้ามา

ฉันรีบวิ่งไปห้องรับแขกเพื่อรับสายโทรศัพท์ “เธอทำอะไรเนี่ย?” ฉันเอ่ยเสียงเบา “ไม่ใช่ว่าวางแผนไม่ให้สีชิงชวนรู้เหรอว่าพวกเราคืนดีกันแล้ว?”

“คืนดีกับผีเธอน่ะสิ เซียวเซิง เธอเสียสติไปแล้วเหรอ เซียวซือลอบวางแผนจัดการเธอ เธอยังปล่อยหล่อนออกมาอีกงั้นเหรอ?”

ฉันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นของแม่เลี้ยงให้กับเธอฟัง เธอชะงักเล็กน้อยและเอ่ยเสียงดังกว่าเก่า “คนเลวก็ต้องได้รับผลกรรม เซียวเซิง ท้ายที่สุดพระเจ้าก็รับรู้แล้ว”

“เธอพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไงเนี่ย”

“เซียวเซิง เธอน่ะหนามใน เนื้อตะปูในตา[1] เธอยังแสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ถ้าเธอยังไม่เลิกนิสัยแบบนี้ สักวันหนึ่งจะถูกคนอื่นแทงข้างหลังโดยไม่รู้ตัว”

“เอาล่ะ พอได้แล้ว” ฉันรู้สึกหงุดหงิดเมื่อได้ยินเฉียวอี้พูดแบบนี้ “เธอจะใช้กลยุทธ์อันตู้เฉินฉาง[2]กับฉันงั้นเหรอ? ถ้าไม่มีอะไรฉันจะวางสายแล้ว อ้อใช่ อาทิตย์หน้าฉันไม่จัดงานวันเกิดนะ”

“ไม่ได้ อาการป่วยของแม่เลี้ยงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอ ถ้าหากเธอไม่จัด ฉันเอาเธอตายแน่”

ฉันกลัวว่าเฉียวอี้นั้นจะฆ่าฉัน หล่อนไร้มนุษยธรรมมาโดยตลอด

ฉันวางสายโทรศัพท์และกลับไปยังห้องอาหาร อาหารมาเสิร์ฟแล้ว วันนี้มีปลาเก๋านึ่งน้ำปลา ส่งกลิ่นหอมอบอวลเป็นอย่างมาก

สีชิงชวนแกะลูกตาปลาให้กับฉัน ฉันชอบกินลูกตาปลามาก เขานี่ช่างสังเกตเสียจริง

“คุณคืนดีกับเฉียวอี้แล้วเหรอ?”

“ฮะ?” ฉันเงยหน้าขึ้น ลูกตาปลาอยู่ภายในปาก “อะไรเหรอ?”

“เลิกเสแสร้ง นอกจากเฉียวอี้ คุณสามารถพูดคุยโทรศัพท์กับใครด้วยท่าทางสบายใจแบบนี้ได้อีก?” เขาแกะลูกตาปลาอีกข้างหนึ่งให้กับฉัน ดวงตาของปลาเก๋าว่างเปล่า น่าสงสารจับใจ

รู้ตั้งนานแล้วว่าไม่สามารถปิดบังสีชิงชวนได้ แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งได้เร็วเช่นนี้

ฉันรู้สึกเศร้าเสียใจ เมื่อฉันอยู่ต่อหน้าสีชิงชวนนั้นฉันไม่สามารถเก็บงำหรือมีความลับอะไรได้เลย

ฉันกินปลานึ่งด้วยท่าทางหดหู่ แต่อันที่จริงก็อร่อยมาก เช่นนั้นฉันเลยลืมความเศร้าใจที่กลายเป็นคนไม่มีความลับไปเลย

“ที่จริงแล้ววิธีการนี้ก็ไม่เลว” ฉับพลันเขาเอ่ยขึ้น

“ฮะ?” ฉันกัดตะเกียบแล้วมองเขา

“เรื่องที่คุณกับเฉียวอี้คืนดีกันแล้วนั้นเก็บไว้เป็นความลัย สถานการณ์ของคุณนั้นอย่าให้คู่ต่อสู้รับรู้มากจนเกินไป ถือว่าเป็นการป้องกันตัวของคุณ”

เป็นการยากที่เขาจะเห็นด้วยกับฉัน ฉันกินปลาชิ้นใหญ่อีกคำหนึ่งเพื่อเฉลิมฉลอง

ขณะทานข้าว ฉับพลันเขาเอ่ยกับฉัน “ป๋ออวี่ลาออกแล้ว”

“ฮะ?” ฉันเงยหน้าขึ้นทันใด ฉันเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วจนรู้สึกเวียนศีรษะ “คุณว่าอะไรนะ? ใครลาออก?”

“ป๋ออวี่”

“เป็นไปไม่ได้หรอก ช่วงเช้าเขายังอยู่ที่เซียวซื่อกรุ๊ปกับฉันตลอดทั้งวัน”

“เขาต้องจัดการเรื่องที่ได้รับมอบหมายให้เรียบร้อยก่อนถึงจะสามารถออกไปได้”

“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไร?”

“อาทิตย์ก่อน”

“ทำไมป๋ออวี่ถึงลาออก?”

“คุณพูดว่าแล้วไงงั้นเหรอ?” เขาดูน่ากลัวมาก เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นและคิ้วอีกข้างหนึ่งกดต่ำลง

เอาเถอะ ฉันไม่อยากจะทะเลาะกับสีชิงชวน แต่ฉันนั้นไม่คิดว่าป๋ออวี่จะชอบฉัน

เขาคงเป็นบ้า คิดว่าฉันเป็นดอกไม้ดอกหนึ่ง ใครต่างก็ชื่นชอบฉัน?

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาพลางเดินออกไปจากห้องอาหาร ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไร ฉันทำได้เพียงแค่เดินตามเขา

“สีชิงชวน…”

เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขโทรศัพท์ ฉันได้ยินเข้าเอ่ย “ป๋ออวี่ มาบ้านผมหน่อย”

“สีชิงชวน” ฉันรู้สึกอายจวนจะตายเพราะเขา เมื่อฉันวิ่งไปหาเขา เขาก็วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว

“คุณจะให้ป๋ออวี่มาทำไม?”

“บอกเขา คุณเป็นของผม อย่าแม้แต่ที่เขาจะคิดเรื่องนี้” เขาจ้องมองฉันอย่างจริงจัง

บางครั้งฉันรู้สึกว่าสีชิงชวนนั้นมีอีคิวและไอคิวสูง อีกทั้งยังเป็นคนเงียบขรึมและสุขุมมาก

แต่ตอนนี้ ฉันรู้สึกว่าสมองของเขามีปัญหา สภาพจิตใจของเขาไม่ดีเท่าไรนัก

“ถ้าหากเขาไม่ได้ชอบฉันล่ะ? คุณพูดแบบนี้จะน่าอึดอัดเกินไปไหม?”

“เช่นนั้นก็ไม่เห็นเป็นอะไร อย่างน้อยก็เท่ากับว่าป้องกันไว้ดีกว่าคอยตามแก้”

หัวใจของฉันเต้นแรงด้วยความโกรธเมื่อเขาทำเช่นนี้ “ก่อนหน้านี้ป๋ออวี่เคยพูดกับฉันว่าเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

“โอ้?” สีชิงชวนจ้องมองฉัน “เขาอธิบายว่าอย่างไรบ้าง?”

“เขาบอกว่าเขาชอบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเป็นอย่างมาก แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ เหมือนกับการแอบรักข้างเดียว”

เมื่อฉันเอ่ยจบ ฉันสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

สายตาของสีชิงชวนนั้นเฉียบคมราวกับดาบและแทบจะแทงทะลุร่างกายของฉัน

“สีชิงชวน” ฉันพูดติดๆขัดๆและพยายามอธิบาย “ต่อให้เขาจะแอบชอบใครสักคน นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนคนนั้นคือฉัน!”

หนามในเนื้อ ตะปูในตา[1] หมายถึง คนหรืออุปสรรคที่ขจัดไม่ได้ กลายเป็นสิ่งที่ทิ่มแทงใจอยู่ตลอดเวลา

กลยุทธ์อันตู้เฉินฉาง[2] หมายถึง กลยุทธสร้างความสับสนให้ศัตรูที่อยู่ตรงหน้า โดยการโจมตีอย่างคิดไม่ถึงจากด้านข้าง หรือกระทำเรื่องบางอย่างอย่างลับๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)