พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 422

โอ้ ฉันลืมไปเลย

ฉันลืมจัดการกระดาษชำระนั่นไปเลย

ช่างเถอะ ถึงอย่างไรอีกไม่นานคนอื่นก็รู้อยู่ดี และก็ไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังด้วย

ถึงจะปิดบังเรื่องนี้ไปก็ปิดได้ไม่มิดอยู่ดี

ฉันมองเธออย่างไม่สะทกสะท้าน “ของฉันเอง”

“จะเป็นของคุณได้ยังไง? ตอนนี้คุณท้องนี่คะ? ” ความรู้ด้านสุขอนามัยและกายภาพของหร่วนหลิงไม่เลวเลย ถึงจะไม่เคยแต่งงานและไม่มีแฟน แต่ก็รู้เรื่องแบบนี้เป็นอย่างดี

ดวงตาของหร่วนหลิงเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกตกใจ ฉันรู้ว่าเธอเครียดมาก เพราะเฉียวอี้กับสีชิงชวนเคยกำชับเธอไว้ว่าเธอต้องดูแลฉันเป็นอย่างดี

เธอรู้ว่าตอนนี้ในท้องของฉันเป็นก้อนตัวอ่อนของทารกน้อย เป็นเด็กน้อยที่ผู้คนรอบตัวฉันต่างก็ให้ความสนใจ

เธอจึงรู้สึกเครียดมาก

ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็บอกความจริงกับเธอไป “ฉันแท้งแล้ว”

คำพูดไม่กี่คำนี้น่าจะทำให้หร่วนหลิงตกใจมาก เธออ้าปากค้างมองมาที่ฉัน “บอส คุณพูดว่าอะไรนะคะ? ”

ฉันพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นมาอีกนิดหน่อย “เมื่อกี้ฉันไปโรงพยาบาลมาและเอาเด็กออกไปแล้ว”

ประโยคนี้ของฉันเหมือนหมอฝังเข็มในหนังกำลังภายในที่ทำให้หร่วนหลิงนิ่งค้างอยู่หน้าโต๊ะทำงานของฉันไปแล้ว

ฉันยังไม่ทันได้เห็นปฏิกิริยาต่อไปของเธอ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานของฉันก็ถูกผลักเข้ามา ร่างสูงใหญ่ของคนผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงานของฉัน

ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกว่าอุณหภูมิภายในห้องทำงานลดลงจนถึงจุดเยือกแข็ง

พระเจ้าเมตตาฉันมากจริงๆ ไม่ปล่อยให้ฉันต้องพูดคำพูดที่โหดร้ายออกมาหลายๆ ครั้ง

ประโยคนี้ของฉันมีอานุภาพรุนแรงมาก มันทำให้แขกไม่ได้รับเชิญที่ยืนอยู่ที่ประตูตกใจจนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

และบังเอิญมากที่คนที่ยืนอยู่ตรงประตูคือสีชิงชวน

วันนี้อากาศดีมาก แสงแดดสาดส่องไปทั่ว และผ้าม่านในห้องของฉันก็เปิดอยู่ ฉันจึงสามารถมองทุกอารมณ์ความรู้สึกที่อยู่บนใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน

ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าทั้งหมดหายวับไป

มีเพียงสีดำจากลูกตาดำเท่านั้นที่สะท้อนลงบนแก้มขาวๆ ของเขา

ฉันคิดว่าวินาทีถัดไปสีชิงชวนก็จะเดินเข้ามาบีบคอฉันให้ตาย

หร่วนหลิงมองตามสายตาของฉันไปทางด้านหลังของเธอ เมื่อเธอเห็นสีชิงชวนแล้ว หลังจากนั้นเธอก็เดินออกไปจากห้องทำงานของฉันอย่างรู้ตัวว่าต้องทำตัวอย่างไรในสถานการณ์นี้

สีชิงชวนพลิกมือกลับไปปิดประตู หลังจากนั้นก็เดินเข้ามาหาฉันทีละก้าวๆ

เขามองไปที่น้ำตาลทรายแดงชงบนโต๊ะของฉันก่อน จากนั้นก็จ้องมองมาที่ฉัน “เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ? ผมได้ยินไม่ชัด”

“เรื่องแบบนี้มันมีอะไรน่าฟังงั้นเหรอ? ” ฉันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ทันใดนั้นเขาก็เอามือตบลงบนโต๊ะ ฉันไม่ได้เห็นความโกรธแบบนี้จากดวงตาของสีชิงชวนมานานมากๆ แล้ว

“คุณพูดคำพูดเมื่อกี้ออกมาอีกครั้งซิ! ”

พูดอีกรอบก็พูดอีกรอบ อย่างไรเสียจะยืดหัวหรือหดหัวก็ตายอยู่ดี

พอเขาบีบคอฉันให้ตาย ปัญหาก็จะจบลงไปด้วย

ฉันยืดหลังขึ้นและพูดกับเขาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เมื่อกี้นี้คุณได้ยินถูกแล้ว เมื่อเช้าฉันไปโรงพยาบาลและเอาเด็กออกไปแล้ว”

จากนั้นฉันก็หยิบใบแสดงการเข้ารับการผ่าตัดออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนลงบนโต๊ะ

เขาจ้องมองมาที่ฉันตาไม่กะพริบ จากนั้นก็ยื่นมือออกมาหยิบใบแสดงการเข้ารับการผ่าตัดที่อยู่บนโต๊ะไป และก้มหน้าอ่านมันอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าของเขาซีดขาวลงยิ่งกว่าเดิม ไม่มีสีเลือดเลยแม้แต่นิดเดียว

การที่ฉันบอกว่าไม่ต้องการลูกแล้ว คำตอบนี้มันอาจจะเบาไปหน่อย งั้นเอาคำตอบที่โหดเหี้ยมไปเลยดีกว่า

ฉันมองไปที่เส้นเลือดที่ปูดขึ้นมาบนหัวของสีชิงชวน และบอกกับเขาไปชัดๆ ทีละคำว่า “เหตุผลง่ายๆ เลย เพราะเด็กไม่ใช่ลูกของคุณ”

“ไร้สาระ! ” ฉันเพิ่งพูดจบ เขาก็ตบโต๊ะอย่างแรงขึ้นมาทันที “เป็นไปไม่ได้ที่เด็กจะไม่ใช่ลูกผม! ”

“คุณไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน? ” ฉันฮึดฮัดออกมา “คุณเอาอะไรมาคิดว่าเด็กคนนี้ต้องเป็นลูกของคุณแน่ๆ กัน? ”

“งั้นลูกใครล่ะ? คุณลองบอกผมมาซิ...”

“คุณคิดว่าฉันจะบอกคุณเหรอ? ต่อให้คุณจะฆ่าฉัน ฉันก็ไม่มีทางบอกคุณ” ฉันใช้สายตาเหมือนกำลังยั่วยุมองไปที่สีชิงชวนที่กำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตาลึกซึ้ง

แววตาของเขาดูซับซ้อนมากๆ ฉันอ่านอารมณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ออกเลย แต่ก็น่าจะเป็นกำลังโกรธ เสียใจ งงงันไปหมดไม่รู้จะทำอย่างไรดี และอาจจะยังมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น แต่ฉันอ่านไม่ออก

ตอนนี้ต่อให้สีชิงชวนฆ่าฉัน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่พอจะเป็นความผิดได้

เขาก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างยังคงค้ำโต๊ะอยู่ ออกแรงค้ำยันร่างกายของตัวเองเอาไว้ ฉันรู้ว่าเขากำลังพยายามต่อสู้กับตัวเองอยู่

ฉันรู้สึกเสียใจมาก พอเห็นเขาเป็นแบบนี้แล้วฉันรู้สึกเสียใจมากจริงๆ

ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำเรื่องที่โหดเหี้ยมมากที่สุดในโลก และยังทำกับคนที่ฉันชอบมากที่สุดอีกด้วย

ฉันเห็นหลังของเขาแข็งทื่อไม่ไหวติง ส่วนไหล่ก็กำลังสั่นระริก ฉันทำให้เขาโกรธสำเร็จแล้ว

เขายืนอยู่หน้าโต๊ะของฉันอยู่สักพัก ทันใดนั้นเขายืดตัวตรงขึ้นมาและเดินเข้ามาหาฉัน

ถ้าบอกว่าฉันไม่กังวลก็คงเป็นการโกหก ฉันจับจ้องไปที่มือของเขา เขาต้องเข้ามาบีบคอฉันแน่ๆ

เขาเดินมาถึงตรงหน้าฉันแล้ว ฉันกังวลจนหายใจไม่ออก

แต่เขาไม่ได้ยื่นมือออกมาบีบคอฉัน เขากลับคุกเข่าลงตรงหน้าฉัน และจู่ๆ ก็ดึงมือของฉันไป แล้วเอาใบหน้าของเขาซบลงกับฝ่ามือของฉัน

เสียงเศร้าๆ ของเขาดังออกมาจากฝ่ามือของฉัน “เซียวเซิง ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น คุณบอกผมมาเถอะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? หรือคุณถูกขู่มาเหรอ มีผมอยู่ ไม่มีอะไรที่ผมจัดการไม่ได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)