โอ้ ฉันลืมไปเลย
ฉันลืมจัดการกระดาษชำระนั่นไปเลย
ช่างเถอะ ถึงอย่างไรอีกไม่นานคนอื่นก็รู้อยู่ดี และก็ไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังด้วย
ถึงจะปิดบังเรื่องนี้ไปก็ปิดได้ไม่มิดอยู่ดี
ฉันมองเธออย่างไม่สะทกสะท้าน “ของฉันเอง”
“จะเป็นของคุณได้ยังไง? ตอนนี้คุณท้องนี่คะ? ” ความรู้ด้านสุขอนามัยและกายภาพของหร่วนหลิงไม่เลวเลย ถึงจะไม่เคยแต่งงานและไม่มีแฟน แต่ก็รู้เรื่องแบบนี้เป็นอย่างดี
ดวงตาของหร่วนหลิงเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกตกใจ ฉันรู้ว่าเธอเครียดมาก เพราะเฉียวอี้กับสีชิงชวนเคยกำชับเธอไว้ว่าเธอต้องดูแลฉันเป็นอย่างดี
เธอรู้ว่าตอนนี้ในท้องของฉันเป็นก้อนตัวอ่อนของทารกน้อย เป็นเด็กน้อยที่ผู้คนรอบตัวฉันต่างก็ให้ความสนใจ
เธอจึงรู้สึกเครียดมาก
ฉันคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็บอกความจริงกับเธอไป “ฉันแท้งแล้ว”
คำพูดไม่กี่คำนี้น่าจะทำให้หร่วนหลิงตกใจมาก เธออ้าปากค้างมองมาที่ฉัน “บอส คุณพูดว่าอะไรนะคะ? ”
ฉันพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นมาอีกนิดหน่อย “เมื่อกี้ฉันไปโรงพยาบาลมาและเอาเด็กออกไปแล้ว”
ประโยคนี้ของฉันเหมือนหมอฝังเข็มในหนังกำลังภายในที่ทำให้หร่วนหลิงนิ่งค้างอยู่หน้าโต๊ะทำงานของฉันไปแล้ว
ฉันยังไม่ทันได้เห็นปฏิกิริยาต่อไปของเธอ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานของฉันก็ถูกผลักเข้ามา ร่างสูงใหญ่ของคนผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงานของฉัน
ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกว่าอุณหภูมิภายในห้องทำงานลดลงจนถึงจุดเยือกแข็ง
พระเจ้าเมตตาฉันมากจริงๆ ไม่ปล่อยให้ฉันต้องพูดคำพูดที่โหดร้ายออกมาหลายๆ ครั้ง
ประโยคนี้ของฉันมีอานุภาพรุนแรงมาก มันทำให้แขกไม่ได้รับเชิญที่ยืนอยู่ที่ประตูตกใจจนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
และบังเอิญมากที่คนที่ยืนอยู่ตรงประตูคือสีชิงชวน
วันนี้อากาศดีมาก แสงแดดสาดส่องไปทั่ว และผ้าม่านในห้องของฉันก็เปิดอยู่ ฉันจึงสามารถมองทุกอารมณ์ความรู้สึกที่อยู่บนใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าทั้งหมดหายวับไป
มีเพียงสีดำจากลูกตาดำเท่านั้นที่สะท้อนลงบนแก้มขาวๆ ของเขา
ฉันคิดว่าวินาทีถัดไปสีชิงชวนก็จะเดินเข้ามาบีบคอฉันให้ตาย
หร่วนหลิงมองตามสายตาของฉันไปทางด้านหลังของเธอ เมื่อเธอเห็นสีชิงชวนแล้ว หลังจากนั้นเธอก็เดินออกไปจากห้องทำงานของฉันอย่างรู้ตัวว่าต้องทำตัวอย่างไรในสถานการณ์นี้
สีชิงชวนพลิกมือกลับไปปิดประตู หลังจากนั้นก็เดินเข้ามาหาฉันทีละก้าวๆ
เขามองไปที่น้ำตาลทรายแดงชงบนโต๊ะของฉันก่อน จากนั้นก็จ้องมองมาที่ฉัน “เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ? ผมได้ยินไม่ชัด”
“เรื่องแบบนี้มันมีอะไรน่าฟังงั้นเหรอ? ” ฉันเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ทันใดนั้นเขาก็เอามือตบลงบนโต๊ะ ฉันไม่ได้เห็นความโกรธแบบนี้จากดวงตาของสีชิงชวนมานานมากๆ แล้ว
“คุณพูดคำพูดเมื่อกี้ออกมาอีกครั้งซิ! ”
พูดอีกรอบก็พูดอีกรอบ อย่างไรเสียจะยืดหัวหรือหดหัวก็ตายอยู่ดี
พอเขาบีบคอฉันให้ตาย ปัญหาก็จะจบลงไปด้วย
ฉันยืดหลังขึ้นและพูดกับเขาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เมื่อกี้นี้คุณได้ยินถูกแล้ว เมื่อเช้าฉันไปโรงพยาบาลและเอาเด็กออกไปแล้ว”
จากนั้นฉันก็หยิบใบแสดงการเข้ารับการผ่าตัดออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนลงบนโต๊ะ
เขาจ้องมองมาที่ฉันตาไม่กะพริบ จากนั้นก็ยื่นมือออกมาหยิบใบแสดงการเข้ารับการผ่าตัดที่อยู่บนโต๊ะไป และก้มหน้าอ่านมันอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเขาซีดขาวลงยิ่งกว่าเดิม ไม่มีสีเลือดเลยแม้แต่นิดเดียว
การที่ฉันบอกว่าไม่ต้องการลูกแล้ว คำตอบนี้มันอาจจะเบาไปหน่อย งั้นเอาคำตอบที่โหดเหี้ยมไปเลยดีกว่า
ฉันมองไปที่เส้นเลือดที่ปูดขึ้นมาบนหัวของสีชิงชวน และบอกกับเขาไปชัดๆ ทีละคำว่า “เหตุผลง่ายๆ เลย เพราะเด็กไม่ใช่ลูกของคุณ”
“ไร้สาระ! ” ฉันเพิ่งพูดจบ เขาก็ตบโต๊ะอย่างแรงขึ้นมาทันที “เป็นไปไม่ได้ที่เด็กจะไม่ใช่ลูกผม! ”
“คุณไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน? ” ฉันฮึดฮัดออกมา “คุณเอาอะไรมาคิดว่าเด็กคนนี้ต้องเป็นลูกของคุณแน่ๆ กัน? ”
“งั้นลูกใครล่ะ? คุณลองบอกผมมาซิ...”
“คุณคิดว่าฉันจะบอกคุณเหรอ? ต่อให้คุณจะฆ่าฉัน ฉันก็ไม่มีทางบอกคุณ” ฉันใช้สายตาเหมือนกำลังยั่วยุมองไปที่สีชิงชวนที่กำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตาลึกซึ้ง
แววตาของเขาดูซับซ้อนมากๆ ฉันอ่านอารมณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ออกเลย แต่ก็น่าจะเป็นกำลังโกรธ เสียใจ งงงันไปหมดไม่รู้จะทำอย่างไรดี และอาจจะยังมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น แต่ฉันอ่านไม่ออก
ตอนนี้ต่อให้สีชิงชวนฆ่าฉัน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่พอจะเป็นความผิดได้
เขาก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างยังคงค้ำโต๊ะอยู่ ออกแรงค้ำยันร่างกายของตัวเองเอาไว้ ฉันรู้ว่าเขากำลังพยายามต่อสู้กับตัวเองอยู่
ฉันรู้สึกเสียใจมาก พอเห็นเขาเป็นแบบนี้แล้วฉันรู้สึกเสียใจมากจริงๆ
ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำเรื่องที่โหดเหี้ยมมากที่สุดในโลก และยังทำกับคนที่ฉันชอบมากที่สุดอีกด้วย
ฉันเห็นหลังของเขาแข็งทื่อไม่ไหวติง ส่วนไหล่ก็กำลังสั่นระริก ฉันทำให้เขาโกรธสำเร็จแล้ว
เขายืนอยู่หน้าโต๊ะของฉันอยู่สักพัก ทันใดนั้นเขายืดตัวตรงขึ้นมาและเดินเข้ามาหาฉัน
ถ้าบอกว่าฉันไม่กังวลก็คงเป็นการโกหก ฉันจับจ้องไปที่มือของเขา เขาต้องเข้ามาบีบคอฉันแน่ๆ
เขาเดินมาถึงตรงหน้าฉันแล้ว ฉันกังวลจนหายใจไม่ออก
แต่เขาไม่ได้ยื่นมือออกมาบีบคอฉัน เขากลับคุกเข่าลงตรงหน้าฉัน และจู่ๆ ก็ดึงมือของฉันไป แล้วเอาใบหน้าของเขาซบลงกับฝ่ามือของฉัน
เสียงเศร้าๆ ของเขาดังออกมาจากฝ่ามือของฉัน “เซียวเซิง ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น คุณบอกผมมาเถอะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? หรือคุณถูกขู่มาเหรอ มีผมอยู่ ไม่มีอะไรที่ผมจัดการไม่ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...