พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 457

ฉันไม่เคยคิดว่าจะมาเจอสีชิงชวนอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้ แถมเขายังแต่งชุดพิธีการเตรียมจะหมั้นหมายกับเซียวซือด้วย

ถึงแม้ในใจฉันจะรู้ดีว่าที่เขาทำไปทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะเขารักเซียวซือ แต่เขาแค่อยากใช้เซียวซือมายั่วโมโหฉัน

แต่ในใจฉันก็ยังรู้สึกรับได้ยากกับเรื่องนี้อยู่ดี

เพราะสายตาที่เขามองฉัน แตกต่างจากสายตาที่เขามองฉันเมื่อไม่กี่วันก่อนที่เขาไปหาฉันที่โรงแรมอย่างสิ้นเชิง

เขาดูเย็นชามากจนทำเหมือนฉันเป็นเพียงแค่พนักงานคนหนึ่งในร้านเท่านั้น

ในนิยายรักโรแมนติกมีคำพูดหนึ่งที่พูดไว้ว่า : สิ่งที่เจ็บปวดใจทำร้ายจิตใจกันมากสุดคือการทำเป็นไม่มีตัวตน

ช่วงขณะนั้นสีชิงชวนทำเป็นเหมือนเมื่อวานมองไม่เห็นฉัน เขาน่าจะมองไม่เห็นฉันจริงๆ สายตาของเขามองผ่านหน้าฉันไปแบบเลือนลาง

ฉันต้องรู้สึกเศร้าใจอยู่แล้ว แต่ฉันก็สามารถทำเป็นเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้

การแสดงละครของแบบนี้มันต้องใช้พรสวรรค์ ฉันว่าฉันก็มีพรสวรรค์ด้านนี้นะ

สีชิงชวนเดินมาข้างๆเซียวซือ ส่วนเซียวซือพอได้ทีก็เอามือไปควงแขนของสีชิงชวนจากนั้นก็เอียงหน้ามาซบที่ไหล่ของสีชิงชวน “อืม ชุดของนายชุดนี้ก็ดูดีนะ แต่พอเทียบกับฉันแล้วชุดเราดูไม่ค่อยเข้ากับเท่าไหร่”

“ไม่เข้ากันก็หาจนกว่าจะเจอชุดที่เข้ากันกับเธอได้” สีชิงชวนยื่นมือออกมาไปโอบกอดที่ไหล่ของเซียวซือ พร้อมกับก้มหน้ายิ้มให้

น้ำเสียงของเขาดูอ่อนโยนทุนุถนอม แต่ฉันฟังดูแล้วก็รู้สึกขนลุกจริงๆ

แต่พอได้ฟังแบบนี้แล้วก็พอจะรู้ว่าเขาแกล้งทำและตั้งใจทำให้ฉันดู ตอนนี้ฉันแทบจะยืนยันได้ 100%ว่าที่สีชิงชวนทำแบบนี้ก็เพื่อตั้งใจทำให้ฉันดู

ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเด็กน้อยขนาดนี้ เด็กน้อยจนทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้

“นายมองไม่เห็นเซียวเซิงเหรอ?” ตอนที่สีชิงชวนกำลังจะหันตัวไปเปลี่ยนชุดพิธีการของเขา เซียวซือดึงมือของเขาแล้วถามด้วยเสียงเบาๆ

“มองไม่เห็น” สีชิงชวนตอบ “เขาอยู่ไหน มีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรอ?”

จากนั้นเขาก็ไปเปลี่ยนชุดที่ห้องลองชุด ปากของเซียวซือมีรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับกางมือใส่ฉัน “เป็นไงละ? สีชิงชวนดูท่าจะเกลียดเธอยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ”

ฉันสะกิดที่ไหล่ของเฉียวอี้พร้อมกับหันตัว “ไปกันเถอะ”

“เซียวเซิง “เซียวซือตะโกนเรียกฉัน “ให้ที่อยู่เธอกับฉันหน่อยสิ ฉันจะส่งการ์ดเชิญไปให้เธอ”

“เชิญด้วยปากเปล่าก็พอแล้ว” ฉันพูดกับเธอ “แค่การหมั้นไม่ต้องใช้การ์ดเชิญหรอก จะทำให้คนอื่นรู้สึกว่ามันแปลกซะเปล่า รอถึงวันที่เธอกับสีชิงชวนแต่งงานกันค่อยส่งการ์ดเชิญมาก็ยังไม่สายนะ”

ฉันพูดแบบนี้ทำให้เซียวซือโกรธขึ้นมา เพราะฉันเห็นตาของเธอปรากฏความโกรธขึ้นอย่างรวดเร็ว “ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน เธอนี่ช่างตาต่อตาฟันต่อฟันดีจริงใครสอนเธอกัน? ในนิยายรักโรแมนติกเหรอ?”

ฉันสามารถยั่วโมโหเซียวซือได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วอีกแล้ว ในใจก็รู้สึกถึงชัยชนะนิดนึง

ถึงแม้จะรู้ว่าการยั่วโมโหคนอื่นเป็นการทำเรื่องที่โง่เขลาอย่างหนึ่ง แต่ฉันอยากจะเห็นเซียวซือแสดงความทุลนทุรายให้ฉันดู เหมือนเซียวหลิงหลิงที่เป็นโรคประสาทเหมือนกัน

แต่ก่อนฉันรู้สึกว่าเซียวหลิงหลิงกับเซียวซือไม่เหมือนกันเลยสักนิด แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าพวกเขาสองคนเหมือนกันมาก เซียวซือก็ดูเหนือชั้นไปกว่าเซียวหลิงหลิงเท่าไหร่ แต่เธอแค่ร้ายกาจกว่าเท่านั้น

ฉันได้พิสูจน์แล้วว่าสีชิงชวนกับเซียวซือจะหมั้นหมายกันจริง ถึงในทางคำพูดฉันจะชนะเซียวซือ แต่ความจริงแล้วฉันก็รู้สึกเศร้าเป็นทุกข์รู้สึกถึงได้ถึงความพ่ายแพ้

แต่ติดอยู่นิดนึง เงินลงทุนที่ต้องลงไปก่อนมูลค่าค่อนข้างสูง ถึงแม้หลังจากนั้นจะสามารถแบ่งหุ้นออกไปได้ แต่ก่อนหน้านี้ต้องมีคนคนหนึ่งที่สามารถประมูลโครงการนี้เอาตั๋วนี้มาได้ก่อน แล้วค่อยมาแบ่งปันตั๋วกันทีหลัง

ดังนั้นถึงแม้ว่าโครงการนี้จะค่อนข้างดึงดูดคน แต่ก็ไม่มีคนกล้ามาคาบกระดูกชิ้นนี้ถึงแม้มันเป็นกระดูกที่มันเยิ้มน่ากิน แต่มันก็เป็นกระดูกที่แข็งมากๆชิ้นหนึ่ง

ในใจฉันรู้สึกตื่นเต้นและเป็นกังวลว่าจะมีคนประมูลโครงการนี้ไปได้ นั่นก็แปลว่าพวกเราจะเสียโอกาสทั้งหมดไป

แต่ก็นะถึงแม้ตอนนี้จะให้โอกาสนี้กับพวกเรา แต่พวกเราก็ไม่มีความสามารถนั้นอยู่ดี

“เซียวซือทำไมไม่มาเข้าร่วมการประมูลนี้ละ?”ฉันกระซิบถามเฉียวอี้

“เธอรอคนอื่นมาแบ่งปันตั๋วไง ฉันรู้สึกว่าด้วยศักยภาพของหล่อนตอนนี้จะสามารถชนะการประมูลได้ยังไงกัน ถึงแม้เธอจะอยากได้ ได้ยินหร่วนหลิงบอกว่าเธอเปิดการประชุมหลายครั้งอยากได้การประมูลนี้ให้ได้ แต่ผู้บริหารในบริษัทก็คัดค้านทุกครั้ง”

“หมดกัน หมดกัน” เฉียวอี้บ่นพึมพำขึ้นมา “มีคนยื่นใบเสนอราคาแล้ว ใบประมูลนี้ไม่มีใครกล้าเอาลงมา ถ้าหามีใครคนหนึ่งเสนอใบเสนอราคาแล้วก็เท่ากับว่าเขาได้สิทธินี้แล้วแหละ

คนที่ยื่นใบเสนอราคาเป็นผู้ชายอายุน้อยคนหนึ่ง สายตาของพวกเรามองตามใบเสนอราคาแล้วเขาแล้วกลับไปนั่งที่ที่นั่งเขา

ผู้ชายคนนั้นพวกเราไม่รู้จัก แต่อีกคนที่นั่งข้างๆเขาผู้ชายที่ดูอายุน้อยคนนั้นฉันกับเฉียวอี้ถึงกับต้องขยี้ตา

“ดูคุ้นหน้ามากเลย” เฉียวอี้แตะที่แขนฉัน “ใช่ไหม คุ้มหน้ามากเลย?”

ไม่ใช่แค่ดูคุ้นหน้า แต่ว่าฉันคุ้นเคยเลยแหละ

ฉันกระซิบเบาๆ ใช้น้ำเสียงระดับที่แค่ฉันกับเฉียวอี้จะได้ยิน “เขาคือป๋ออวี่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)