พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 64

คุณสิขาเป๋ ฉันเอ่ยในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกมา

“ฉันไม่ชินกับการใส่รองเท้าส้นสูง” ฉันเอ่ย

“มีทางเลือกให้คุณสามทางเลือก” เขาดูอารมณ์ไม่ดีมากๆ มีแค่ตอนที่เขาอารมณ์ฉุนเฉียวเท่านั้นเขาถึงจะให้ฉันเลือก

ฉันตั้งใจฟัง

“ทางเลือกแรก ผมจะอุ้มคุณเข้าไป ทางเลือกที่สอง คุณถอดรองเท้าส้นสูงออกซะ ทางเลือกที่สาม คุณแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินเข้าไปด้วยท่าทางสวยงาม”

ถึงจะบอกว่าเป็นทางเลือก แต่อันที่จริงแล้วทางเลือกที่ฉันเลือกได้มีแค่ทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น

ดังนั้นฉันจึงได้แต่กัดฟันเดินตามหลังสีชิงชวนไป ทั้งๆ ที่เจ็บมากแต่ก็ยังแสร้งทำเป็นไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูของคฤหาสน์ เจ้าของบ้านก็เดินออกมาต้อนรับทันที คู่สามีภรรยาวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบปี เมื่อเห็นสีชิงชวนก็ดีใจมาก ทั้งเข้ามากอดและตบไหล่เบาๆ

เมื่อเห็นฉันพวกเขาก็แปลกใจเล็กน้อย สีชิงชวนแนะนำฉันอย่างสั้นๆ กระชับได้ใจความ “ภรรยาครับ”

รู้สึกเหมือนกำลังดูละครยุคปัจจุบัน ฉันพยักหน้าให้พวกเขาด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะคุณหู สวัสดีค่ะคุณนายหู”

สีชิงชวนชำเลืองมองมาที่ฉันด้วยสายตาแปลกใจเล็กน้อย ฉันเดินตามเขาเข้าไปข้างใน เขาพูดกับฉันเบาๆ “ทำการบ้านมาก่อนล่วงหน้างั้นเหรอ? ”

“เปล่า ผู้ช่วยป๋อบอกว่าเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของนายท่านหู ดังนั้นทั้งสองท่านนี้จะต้องเป็นลูกชายและลูกสะใภ้ของเขาแน่นอน งั้นก็ต้องนามสกุลหูเช่นกัน เรียกว่าคุณหูกับคุณนายหูต้องไม่ผิดอย่างแน่นอน”

เขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ก็ยังนับว่าไม่ได้โง่มากเกินไป”

จะชมฉันก็ชมฉันตรงๆ เลยสิ ไม่จำเป็นต้องมาพูดตรงกันข้ามแบบนี้ ฟังแล้วมันรู้สึกไม่ดี

ถึงจะบอกว่าเป็นงานเลี้ยงภายในครอบครัว แต่อันที่จริงก็ยังถือว่าเป็นงานที่คึกคักมาก แขกที่เชิญมาล้วนเป็นคนใหญ่คนโตและข้าราชการชั้นสูงที่มีชื่อเสียงในเมืองฮวา

คุณแม่สีกับคุณพ่อสีก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นฉันสีหน้าของท่านก็ไม่ค่อยดี คุณแม่สีดึงสีชิงชวนออกไปด้านข้างและใช้เสียงที่ดังจนฉันเองก็ได้ยินเอ่ยว่า “ทำไมลูกถึงได้พาเซียวเซิงมาด้วย? เธอยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ พ่อของเธอเพิ่งเสียได้ยังไม่ครบเจ็ดวันดีเลย วันนี้คุณปู่หูของลูกฉลองวันเกิด ลูกไม่กลัวท่านจะรู้สึกไม่ดีเหรอ? ”

“แม่ครับ แม่ก็เห็นข่าวแล้วนี่ เธอกับคุณพ่อของเธอไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด เป็นพ่อบุญธรรม เกี่ยวอะไรกับเธอ? ” สีชิงชวนบอกปัด

แม้ว่าเขาจะกำลังช่วยพูดให้ฉัน แต่ก็ยังฟังดูน่ารำคาญมาก เขาเป็นแบบอย่างที่ดีของคนที่ประเด็นไหนไม่ควรยกขึ้นมาพูดก็พูดอันนั้นจริงๆ

งานเลี้ยงในวันนี้เป็นงานเลี้ยงแบบจีน พวกเราไม่ได้นั่งกับพวกของคุณแม่สี แต่ไปนั่งกับเพื่อนของสีชิงชวนแทน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกันดี ความสัมพันธ์ก็ดูไม่เลวเลย

ทุกคนต่างก็พาเพื่อนสาวมาด้วย สายตาของพวกเขาเหลือบมองมาที่ฉัน “ชิงชวน เปลี่ยนรสนิยมแล้วเหรอ? ”

“เซียวเซิง” เขาช่วยฉันแนะนำตัว

อีกฝ่ายยื่นมือออกมาให้ฉันอย่างกระตือรือร้น “เสี่ยวเข่อ เคอเจิ้งต้านะครับ บริษัทเจิ้งต้าเป็นบริษัทของครอบครัวผมเอง ตอนที่คุณพ่อของผมเริ่มก่อตั้งเจิ้งต้าผมยังอยู่ที่นอกอวกาศอยู่เลย ภายหลังพอมีผมแล้ว พ่อก็เลยเอาชื่อของบริษัทมาตั้งเป็นชื่อผมครับ”

ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับบริษัทเจิ้งต้า เป็นบริษัทชั้นนำห้าร้อยอันดับแรกของประเทศ ถึงอันดับจะเป็นรองสีกรุ๊ป แต่ก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน

ฉันยื่นมือออกไปจับมือกับเขา เขายิ้มอย่างดีใจมาก “คุณเซียวมีเสน่ห์มากครับ ออร่าแผ่ออกไปแปดร้อยลี้เลยครับ”

เป็นคนคุยเก่ง และไม่ทำให้คนรู้สึกเกลียด

ฉันมีออร่าที่ไหนกัน เฉียวอี้พูดอยู่ตลอดทั้งวันว่าฉันเอาแต่รับปากลูกเดียวไม่พาลเลยแม้แต่นิดเดียว

ดูเหมือนว่าโต๊ะนี้จะไม่มีใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับสีชิงชวนเลย และคิดว่าฉันเป็นแค่เพื่อนสาวที่เขาพามา

เดิมทีงานแต่งงานของฉันกับเขาก็ไม่ได้เชิญคนอื่นมาอยู่แล้ว มีแค่คนในตระกูลสีและคนในตระกูลเซียวเท่านั้น

“ขอบคุณค่ะ” มือของฉันจับปกเสื้อของเสื้อคลุมขนแกะตัวนุ่มเอาไว้ “อย่าเอาแต่เรียกคุณๆ เลยค่ะ ฟังแล้วรู้สึกอึดอัด เรียกฉันว่าเซียวเซิงเถอะ! ”

“ครับ” น้ำเสียงของเขานุ่มนวล ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อยท่ามกลางลมยามกลางคืนที่หนาวเย็นนี้

ฉันคิดว่าพอเขาเอาเสื้อให้ฉันแล้วก็จะเดินออกไป แต่เขากลับนั่งลงบนชิงช้าอีกตัวหนึ่งข้างๆ ฉันแทน

ฉันแกว่งชิงช้าเบาๆ อย่างตั้งใจแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจ ลมพัดกระโปรงของฉัน ช่วยเพิ่มความรู้สึกสุนทรียภาพในยามค่ำคืนให้มากขึ้นอีกหลายส่วน

แก้มของฉันแนบติดกับโซ่เหล็ก เย็นเล็กน้อย

ทันใดนั้นก็ได้ยินป๋ออวี่เอ่ยขึ้นมาว่า “อันที่จริงแล้ว พ่อแม่ของผมก็เป็นพ่อแม่บุญธรรมของผมเหมือนกันครับ”

ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ เขาจะพูดเรื่องนี้กับฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจเล็กน้อย

“และบังเอิญว่าผมเองก็เพิ่งจะรู้ในตอนที่คุณพ่อจากไปเช่นกัน แค่แตกต่างจากคุณนิดหน่อย ตรงที่พ่อแม่แท้ๆ ของผมมาไหว้แสดงความเคารพและพูดเรื่องนี้กับแม่บุญธรรมของผม ผมถึงได้รู้”

ฉันแปลกใจมากที่ป๋ออวี่พูดเรื่องในครอบครัวของเขากับฉัน เพราะพวกเราไม่ได้สนิทกันมากนัก อีกทั้งฉันกับเขาก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่เปิดใจได้ง่ายๆ

ฉันฟังเขาพูดอย่างตั้งใจ และไม่เอ่ยปากพูดอะไรออกไป

“เรื่องราวของผมอย่างกับละครยิ่งกว่าของคุณอีก พวกเขาอยากมารับผมไป เพราะลูกชายคนโตของพวกเขาเสียชีวิต ในบ้านไม่มีใครรับช่วงมรดกต่อ ดังนั้นก็เลยนึกถึงผมขึ้นมา”

ท่ามกลางบรรยากาศที่มืดสลัว ฉันพยายามจับจ้องแววตาของเขา ฉันคิดว่าเขาจะเศร้าโศกมาก แต่กลับไม่ใช่แบบนั้น

เขากำลังมองมาที่ฉัน “บนโลกใบนี้มีเรื่องแปลกๆ ที่ไม่มีทางยอมรับได้อยู่มากมาย ไม่รู้เลยว่าวันไหนเรื่องพวกนั้นมันจะตกมาที่พวกเรา นอกจากยอมรับแล้วยังต้องลองพยายามเข้าใจมันอีกด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าปฏิเสธตัวเอง ไม่ว่าชีวิตจะลำบากและอันตรายมากแค่ไหน เชื่อมั่นในตัวเองคือสิ่งที่ดีที่สุด”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)