พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 22

เจ้าชายซารีฟร์อุ้มนาราภัทรออกมาจากรถกระชับร่างบอบบางไว้แนบแน่นไม่ให้เสื้อโค้ทตัวยาวเปิดออกเพราะนอกจากกางเกงขายาวแล้วเรือนร่างท่อนบนของหญิงในอ้อมแขนเปิดเปลือยปราศจากอาภรณ์ใดๆ ติดกาย เขาเหลือบสายตามององครักษ์เอกที่รู้หน้าที่ตนเองเป็นอย่างดีเมื่อลงจากรถแล้วก็ยืนหันหลังให้ไม่มีการสอดรู้สอดเห็นการกระทำของเจ้าเหนือหัว

“ราชิต เจ้าไปที่อพาร์ทเม้นท์ของน้ำหนาวบอกกับน้ำค้างด้วยว่าพี่สาวเธอพักอยู่กับเราที่นี่ น้ำค้างจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก”

“พะยะค่ะ”

ราชิตโค้งคำนับรับคำกลับขึ้นไปที่รถคันงามอีกครั้งแต่ก่อนจะออกรถก็ได้เอ่ยบอกเจ้าเหนือหัวตามคำแนะนำของหมอหลวงที่ได้โทรข้ามทวีปไปถามเป็นการด่วน

“พระองค์พะยะค่ะ หมอหลวงบอกว่านอกจากการเอ่อ...ร่วมรักกันแล้วน้ำเย็นๆ ก็ช่วยได้เช่นเดียวพะยะค่ะ”

“อืม...ขอบใจมาก ไปได้แล้ว”

เจ้าชายหนุ่มพยักหน้ารับคำรู้ดีว่าราชิตเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วงไม่มีเจตนาล้อเลียนถึงแม้จะรู้ว่ามีการบรรเลงเพลงรักเกิดขึ้นก็ตามที เขาอุ้มนาราภัทรเข้าไปในลิฟท์แล้วกดตรงไปยังห้องชุดหรูหราของตนเอง

อีกหนึ่งองครักษ์ผู้จงรักภักดีไม่เคยละทิ้งหน้าที่ของตนเองแม้ในยามเจ็บไข้ได้รออยู่แล้ว เมื่อเจ้าเหนือหัวเคาะประตูห้องแค่เพียงครั้งเดียวประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกกว้างทันที

“พระองค์ อ้าวคุณน้ำหนาว”

อาดิลร้องออกมาอย่างงงๆ ที่จู่ๆ ก็เห็นดอกไม้งามแห่งสยามถูกเจ้าเหนือหัวของตนอุ้มเข้ามาในห้องชุดด้วย

“เอาไว้ถามทีหลัง ไปเปิดน้ำเย็นให้เต็มอ่างอาบน้ำ”

เจ้าชายซารีฟร์ออกคำสั่งตัดบทข้อสักถามด้วยความงุนงงขององครักษ์อาดิลที่กำลังจะพร่างพรูหลุดคำถามออกมาเป็นชุด

“พะยะค่ะ”

อาดิลรับคำสั่งรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องนอนของเจ้าชายจากนั้นก็ตรงดิ่งไปยังห้องน้ำใหญ่เปิดน้ำเย็นลงอ่างอาบน้ำพร้อมกับโรยเกลือหอมลงไปด้วย พยายามเก็บความสงสัยไว้ก่อนเอาไว้ถามราชิตเพื่อนรักอีกทีว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณน้ำหนาวเพราะเท่าที่สังเกตแค่แวบเดียวก็รู้ว่าหญิงอันเป็นที่รักของเจ้าชายซารีฟร์นั้นมีอาการสะลึมสะลืมไม่ได้สติ

“หาประวัติของนักปั่นหุ้นที่ชื่อทอมสัน เดวิด ชาร์ มาให้เราโดยละเอียดรวมทั้งของไอ้พอลเจ้าของ The Long Night Pub ด้วย”

ดวงตาคมกริบของเจ้าชายแห่งแผ่นผืนทะเลทรายลุกวาวด้วยดวงไฟแห่งความพิโรธ การสั่งสอนก่อนหน้านี้ที่คฤหาสน์เรียกว่าน้ำจิ้ม เป็นการสั่งสอนแค่เบาะๆ แต่การสั่งสอนชุดใหญ่ที่กำลังจะจัดการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ต่างหากที่เรียกว่าอาหารจานใหญ่เอาให้เศษสวะทั้งสองหวาดกลัวระลึกจำไปชั่วชีวิตว่าไม่ควรมารังแกเพศแม่ที่อ่อนแอกว่าและที่สำคัญอย่าได้มาแตะต้องทำให้ดอกไม้งามของเจ้าชายซารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ ได้รับความบอบช้ำ

ถึงตอนนี้อาดิลก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับแก้วตาดวงใจของเจ้าชายหนุ่ม ชายต่างชาติสองคนนั้นคิดผิดเสียแล้วที่บังอาจมากระตุกหนวดเสือผู้ไม่เคยเกรงกลัวใคร

“กระหม่อมจะหาประวัติของพวงมันมาให้เร็วที่สุดพะยะค่ะ”

“ขอบใจมาก อาการไม่สบายของเจ้าเป็นไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง”

เจ้าชายผู้ที่ไม่เคยเพิกเฉยต่อความเป็นอยู่ของผู้ที่อยู่ใต้อาณัติได้เอ่ยถามองครักษ์ด้วยความเป็นห่วงสร้างความตื้นตันใจให้กับอาดิลเป็นยิ่งนัก เจ้าชายซารีฟร์รวมทั้งเจ้าชายฮารีฟร์ผู้เป็นประมุขแห่งแผ่นผืนทะเลทรายอัลนูรีนนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาที่มีให้แค่ปวงผองราษฎรทั่วทั้งแผ่นดินเสมอมา

“อาการท้องเสียค่อยยังชั่วแล้วพะยะค่ะ ขอบพระทัยพระองค์ที่ทรงเป็นห่วงกระหม่อม”

“ไปพักผ่อนเถอะ ที่เหลือเราจัดการเอง”

เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยไล่เบาๆ รับรู้ได้ว่าเรือนร่างบอบบางหอมกรุ่นในอ้อมแขนเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขมือนิ่มสอดเข้าไปลูบไล้ทั่วแผงอกกว้างที่เต็มไปด้วยไรขนอ่อนๆ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกสูดปากด้วยความเสียวซ่านที่แล่นพล่านมารวมกันอยู่ตรงแก่นกายร้อนผ่าวเมื่อนาราภัทรสะกิดยอดอกด้วยปลายนิ้วแล้วตามด้วยการบีบบดเคล้าคลึงหนักหน่วง

“น้ำหนาว...หยุดเถอะ ร่างกายเจ้าจะบอบช้ำเกินไปถ้าหากเราร่วมรักกันอีกครั้ง”

น้ำเสียงถ้อยคำที่กระซิบห้ามสั่นพร่าได้พัดผ่านเลยไปราวกับสายลมละอองฝน นาราภัทรไม่รับรู้ว่าเจ้าชายซารีฟร์กระซิบห้ามอะไรบ้าง เรือนกายที่ร้อนรุ่มดอกกุหลาบหวานที่บานฉ่ำพร้อมพรักปทุมอวบอิ่มที่เต้นระริกปวดร้าวรอการปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้หญิงสาวยัดกายเข้าหาความแข็งแกร่งต้องการบรรเลงเพลิงสวาทอีกครา

“ได้โปรดเถอะน้ำหนาวร่างกายเจ้ารับศึกหนักมาแล้วพักสักนิดอาบน้ำก่อนน่ะเดี๋ยวเราจะอาบให้เจ้าเอง”

เจ้าชายหนุ่มครางแหบแห้งร้องขอเสียงอ่อนลดตัวหญิงสาวให้ยืนอยู่บนพื้นหินอ่อนภายในห้องน้ำ เรือนร่างของกายสาวบริสุทธิ์บอบบางที่บรรเลงโรมรันเพลงรักได้อย่างเร่าร้อนตอบสนองเรือนกายกำยำได้ทุกท่วงจังหวะทำนองควรได้รับการพักผ่อนปรับสภาพร่างกายบ้าง ถ้าหากให้บรรเลงเพลิงสวาทที่รุนแรงดุดันอีกครั้งเขาเกรงว่าในวันรุ่งขึ้นจะทำให้นาราภัทรปวดระบมไปทั่วเรือนกาย

ยาปลุกเซ็กส์ที่ยังคงออกฤทธิ์ไม่เลิกเป็นตัวสั่งการให้นาราภัทรส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับร้องขอเสียงสั่นกระเส่าบดเบียดเรือนกายเข้าหาเรือนกายกำยำราวกับต้องการเป็นเนื้อเดียวกัน

“ไม่! น้ำหนาวต้องการเจ้าชาย ได้โปรดอย่าห้าม รักน้ำหนาวเดี๋ยวนี้!”

นาราภัทรสั่งเสียงห้วนระคนสั่นสะอื้นเรือนกายที่ร้อนรุ่มปวดหนึบไปทั่วทั้งตัวต้องการให้เจ้าชายซารีฟร์ช่วยดับไฟร้อนฉ่าที่กำลังแผดเผาไม่มีหยุดให้เหือดหายไปจากตัวเธอ

“โธ่!...น้ำหนาว เจ้าอย่าบังคับเราเช่นนี้สิ”

เจ้าชายซารีฟร์ครางเสียงอ่อนใบหน้าคมเข้มเผยให้เห็นริ้วรอยแห่งความเจ็บปวดลำบากใจ เมื่อไหร่ที่หญิงสาวรู้สึกตัวเมื่อนั้นเขาจะกลายเป็นปีศาจร้ายที่คร่าความสาวสะอาดบริสุทธิ์ไปจากตัวเธอ

“เจ้าชาย น้ำหนาวทรมานเหลือเกินได้โปรดช่วยหยุดความทรมานนี้ด้วย”

หยาดน้ำตาอุ่นใสร่วงเผาะลงตามพวงแก้มท้อแท้สิ้นหวังปวดร้าวไปทั่วกายเมื่อถูกเจ้าชายหนุ่มเอ่ยปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า มือบางผลักเสื้อโค้ทตัวใหญ่ออกจากบ่าเล็กเผยให้เห็นดอกบัวปริ่มน้ำที่แสนงดงามหวานฉ่ำและไม่ได้หยุดแค่นี้เธอปลดซิบแล้วสะบัดกางเกงทั้งด้านนอกและผ้าลูกไม้ตัวจิ๋วออกจากสะโพกผายมนปรากฏกลีบดอกไม้งามแก่สายตาคมกริบที่กำลังมองด้วยสายตาหวานเยิ้มเต็มเปี่ยมไปด้วยดวงไฟแห่งความปรารถนา

“รักน้ำหนาวด้วยเถอะเจ้าชายซารีฟร์”

“ง่วงนอน” นาราภัทรครางงึมงำเอยกายพิงกับอกกว้างดวงตาหลักอึ้งเปิดแทบไม่ขึ้น

“รู้แล้วยอดรัก รออีกประเดี๋ยว เราเช็ดตัวเจ้าให้แห้งก่อนมิเช่นนั้นจะไม่สบายเอา”

เจ้าชายหนุ่มกระซิบปลอบข้างใบหูเล็กพร้อมกับกดจุมพิตแผ่วเบาที่เรียวปากอวบอิ่มหวานล้ำยิ่งกว่าน้ำทิพย์ใดๆ ในโลก เมื่อเช็ดตัวให้หญิงสาวเรียบร้อยแล้วก็ช้อนอุ้มมาไว้ในอ้อมแขนจากนั้นก็ก้าวยาวๆ ออกจากห้องน้ำตรงไปยังเตียงใหญ่ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง

“หลับเถอะน้ำหนาว”

เรือนกายแข็งแกร่งกำยำทอดตัวลงนอนเคียงข้างดึงผ้าห่มขนแกะมาคลุมเรือนกายที่ปราศจากอาภรณ์ปกปิดทั้ง

ของตนเองและนาราภัทร ลำแขนยาวโอบไปรอบเอวคอดกิ่วดึงร่างบอบบางกอดกระหวัดแนบชิดกับเรือนกายของตนแล้วกดจุมพิตตรงหน้าผากมนปลายจมูกโด่งงามเรียวปากสีกุหลาบจากนั้นจึงได้ผละออกแล้วกระซิบบอกรักเสียงนุ่มอ่อนโยนทั้งๆ ที่รู้ว่าหญิงอันเป็นที่รักได้เข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์ไปนานแล้ว

“เรารักเจ้าน้ำหนาว กาลนี้เจ้าเป็นดอกไม้งามแห่งอัลนูรีนแล้ว”

ลำแสงสีทองในยามสุริยาเบิกม่านฟ้าได้สาดส่องลอดผ่านผ้าม่านหนาเข้ามาแยงตาสร้างความรำคาญให้กับผู้ที่กำลังเพลิดเพลินกับการหลับใหลเป็นยิ่งนัก

“น้ำค้าง ปิดม่านให้หน่อย รำคาญแสงแดด”

นาราภัทรตะโกนบอกน้องสาวทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่จากนั้นก็พลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้ลำแสงสีทอง มือเล็กคว้าผ้าห่มมาคลุมโปงปิดกันความรำคาญทั้งปวง

เจ้าชายซารีฟร์หัวเราะเบาๆ ในลำคอ ขณะเดินเข้ามาในห้องนอนใหญ่ นาราภัทรคงคิดว่าตัวเองนอนหลับสบายอยู่ในอพาร์ทเม้นท์จึงได้เอ่ยขอความช่วยเหลือจากน้องสาว เขาวางถาดอาหารมือเช้าชุดใหญ่ลงบนโต๊ะเล็กข้างๆ เตียงอย่างระมัดระวังจากนั้นก็เดินตรงไปยังผ้าม่านมือใหญ่จับม่านหนาไว้แล้วยิ้มกริ่มแทนที่จะปิดม่านให้สนิทตามคำสั่งของหญิงสาวแต่กลับรูดม่านออกจนสุดราวเผยให้เห็นทิวทัศน์สถาปัตยกรรมของเมืองบอสตันอย่างชัดเจน

เรือนร่างล่ำสันบึกบึนทรุดตัวลงนั่งบนเตียงเอื้อมไปจับผ้าห่มขนแกะแล้วตลบผ้าห่มออกพร้อมกับเอ่ยปลุกคนที่ครางฮือฮาด้วยความขัดใจ

“ตื่นได้แล้วน้ำหนาวตะวันสายโด่งแล้ว”

“ไม่เอา! อยากนอนต่อ อย่ากวนได้มั้ยน้ำค้าง”

มือเล็กนุ่มนิ่มพยายามไขว่คว้าควานหาผ้าห่มหนามาปกคลุมเรือนกายของตนเองทั้งที่ยังหลับตาเหมือนเดิมไม่เอะใจสักนิดว่าวันนี้เสียงของน้ำค้างออกจะห้าวทุ้มลึกไม่หวานสดใสเหมือนทุกวัน

“น้ำหนาว ตื่นมากินอะไรก่อนไหมแล้วค่อยนอนต่อ”

เจ้าชายซารีฟร์แย้มยิ้มละไมลูบมือร้อนผ่าวไปบนบ่าเนียนเปล่าเปลือย ร่างกายตื่นตัวชีพจรหัวใจเต้นตุบๆ ความต้องการบรรเลงเพลิงพิศวาสขมวดแน่นปวดหนึบทั่วแก่นกายเมื่อได้เห็นเรือนร่างอรชอ้อนแอ้นดุจประติมากรรมชิ้นเอก ปทุมอวบอิ่มเต่งตึงซึ่งแนบไปกับที่นอนหนาทำให้เขาอยากก้มลงไปกลืนกินดูดชิมความหวานซาบซ่านยิ่งนัก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย