“จงใจอะไร ?”พิชญาเงยหน้าขึ้นจ้องมองเธอ แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด
วารุณีกำมือแน่น “จงใจยื่นขาออกมาเพื่อให้ฉันสะดุดล้ม!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็อึ้งไปตามๆกัน
“ที่แท้ที่คุณวารุณีเกือบล้มนั้น เป็นเพราะคุณพิชญายื่นขาออกมาขัดขาเขางั้นเหรอ ”
“ต้องใช่แน่ๆ ทางเดินนี้เป็นพื้นเรียบ ไม่มีขั้นบันไดอะไรสักหน่อย หากไม่มีอะไรมาขัดขา ไม่มีทางล้มได้แน่นอน ”
“งั้นคุณพิชญาก็ทำเกินไปนะ !”
ฟังการถกเถียงของบริเวณโดยรอบ พิชญาไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร แต่กลับหัวเราะขึ้นมาแทน “ฉันยอมรับว่าฉันยื่นขาออกมา แต่เป็นเพราะฉันงอขาอยู่เป็นเวลานานจึงเมื่อย เลยเหยียดขาตัวเอง แต่ฉันก็เหยียดขาอยู่อย่างนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะเธอไม่มองที่พื้นเอง แล้วยังหาว่าฉันจงใจทำ งั้นฉันจะว่าเธอว่าแกล้งทำเป็นข้อเท้าพลิกแล้วล้มได้ไหม เพื่อที่จะใส่ร้ายฉัน”
ในเมื่อตอนที่เธอเหยียดขาออกมาก็ไม่มีใครเห็น และกล้องที่ถ่ายทอดสดก็คงไม่ถ่ายด้านล่าง
ไม่มีหลักฐาน ใครจะทำอะไรเธอได้ ?
เมื่อเห็นดวงตาที่ได้ใจของพิชญา วารุณีก็พอจะเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไร ริมฝีปากแดงเม้มแน่น แววตาคมฉายความกรุ่นโกรธ กำลังคิดที่จะเอาคืน
ประธานวรวีถือเอกสารชุดหนึ่งเดินเข้ามา มองดูห้องประชุมที่มีเสียงอึกทึก ใบหน้าก็เคร่งขรึม“เอะอะเสียงดังอะไรกัน ?”
“ประธานวรวี คือแบบนี้ครับ ”นักข่าวที่พูดจาฉะฉานคนหนึ่ง ก็เริ่มเล่าเรื่อง ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดทันที
หลังจากที่ประธานวรวีฟังจบ ก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นสายตาที่เย็นเยือกก็จ้องมองไปที่พิชญา“นักออกแบบบางคน ไม่มีพรสวรรค์ไม่คิดจะพยายามยังเลือกใช้วิธีสกปรก หนำซ้ำจิตใจยังโหดเหี้ยม ช่างเบิกตาให้ผู้คนได้ตาสว่างเสียจริง ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้คนในห้องประชุม และผู้ชมที่ดูถ่ายทอดสดอยู่ต่างก็ตกตะลึง
ทุกคนต่างก็ดูออก ว่าคนที่ประธานวรวีพูดนั้นหมายถึงพิชญา เพราะสายตาเขาจ้องมองไปที่เธอ
ไม่เพียงประธานวรวีบอกว่าเธอใช้วิธีสกปรก จิตใจโหดเหี้ยม และคิดไปถึงเรื่องที่คุณวารุณีเกือบจะสะดุดล้ม สายตาทุกคนที่มองเธอ ก็ดูซับซ้อนมากขึ้น
บางที เหตุการณ์เมื่อครู่ของคุณวารุณี อาจจะเป็นความตั้งใจของหญิงสาวที่คิดจะขัดขาของคุณวารุณี
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนไปของผู้คนรอบข้าง วารุณีก็ยิ้มออกมา ในใจก็กระจ่าง ประธานวรวีรู้เรื่องที่พิชญาลอกแบบคนอื่นแล้ว ดังนั้นหลังจากที่ฟังคำพูดของนักข่าวจบ ถึงได้พูดคำที่มันแฝงนัยลึกซึ้งแบบนี้ และเชื่ออย่างไม่ลังเล ว่าพิชญาจงใจขัดขาเธอ
เพราะเรื่องไร้จรรยาบรรณอย่างการลอกเลียนแบบของคนอื่นแบบนี้ยังทำได้ แล้วยังจะมีเรื่องอะไรที่พิชญาทำไม่ได้กัน ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ วารุณีก็มองไปที่พิชญา แล้วขยับปากทำท่าทำทางให้เธอ “เธอเสร็จแน่!”
พิชญาเข้าใจทันที สีหน้าสลด เดี๋ยวซีดเดี๋ยวขาว มือที่วางอยู่ตรงที่พักแขนของรถเข็น ก็บีบกำจนแน่น
เธอจะไม่เข้าใจคำพูดที่ประธานวรวีพูดได้ยังไง ที่เจตนาว่าตัวเองอยู่ แต่ก็ไม่กล้าที่จะแย้งกลับไป
เพราะถ้าหากเธอแย้งกลับไป ก็เท่ากับยอมรับว่าคนที่ประธานวรวีพูดนั้นคือเธอ แม้ว่าคนในที่นี้จะรู้ แต่หากเธอเป็นคนเริ่มพูดก่อนมันก็จะต่างออกไป เพราะฉะนั้นเธอจึงจำต้องแกล้งเป็นใบ้
ในขณะเดียวกันในใจของพิชญาก็รู้สึกเป็นกังวล ประธานวรวีบอกว่าเธอใช้วิธีสกปรก หรือจะรู้เรื่องอะไรมางั้นเหรอ ?
“เอาละครับคุณวารุณี การแข่งขันจะเริ่มขึ้นแล้ว คุณรีบไปนั่งที่เถอะครับ ”บนเวที ประธานวรวีก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ค่ะ”วารุณีรับคำ แล้วเดินไปนั่งลงที่นั่งก่อนหน้า
สีหน้าของประธานวรวีก็ดูดีขึ้นมาก“ ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว งั้นตอนนี้เราจะประกาศผลการแข่งขันในรอบเช้า ที่สี่รุ่งเรือง ที่สาม ตาณ ที่สอง พิชญา!”
เมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง พิชญาก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ทำไมฉันถึงได้ที่สองค่ะ !”
เธอได้ที่สอง งั้นที่หนึ่งก็คือวารุณี ซึ่งมันทำให้เธอรับไม่ได้
การออกแบบของเธอ เป็นการผสมผสานของนักออกแบบหลายๆคนมารวมกัน แล้วมันจะแพ้ให้กับวารุณีได้ยังไง
พิชญาก้มหน้าลง “ไม่มีค่ะ””
ประธานวรวีไม่ได้สนใจเธออีก ละสายตาออกแล้วพูดสรุปถึงการแข่งขันในรอบนี้ต่อไป
วารุณีมองไปยังพิชญาที่มีสีหน้าหมอง ชะโงกหน้าไปแล้วยิ้มเยาะให้ “ดูท่าครั้งนี้เธอคงลอกแบบมาไม่ตรงจุด หนำซ้ำยังต้องมาขายหน้าอีก !”
พิชญาหันหน้ามา นัยน์ตาจ้องเขม็งมองเธอ “อย่าเพิ่งได้ใจไป ต่อให้ฉันจะลอกแบบมาไม่ตรงจุด ฉันก็ได้ที่สองและได้เข้ารอบชิงนะ ในรอบชิง ฉันไม่ปล่อยให้เธอชนะแน่ ตัวแทนการแข่งขันระดับนานาชาติต้องเป็นของฉันเท่านั้น”
“คิดว่าเธอน่าจะต้องผิดหวังนะ เธอชนะในรอบชิงไม่ได้หรอก ตัวแทนการแข่งขันระดับนานาชาติ ก็ไม่ใช่ของเธอแน่นอน ”เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายของพิชญา วารุณีก็ยังคงยิ้มได้อย่างใจเย็น
พิชญามองรอยยิ้มของเธอ แล้วรู้สึกมันบาดตานัก อยากจะฉีกหน้าเธอให้เละ“งั้นเราก็มาดูกัน รอบชิงของวันพรุ่งนี้ ......”
“เกรงว่าคงไม่ต้องรอให้ถึงวันพรุ่งนี้หรอก อีกเดี๋ยวเราก็ได้เจอกันในรอบชิงแล้ว”วารุณีโบกมือให้ แล้วพูดขัดเธอขึ้นมาทันที
พิชญาฟังออกถึงความหมายที่แฝงในคำพูดของวารุณี ในใจก็เต้นโครมคราม มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น ถามด้วยสีหน้าสลดว่า“เธอหมายความว่าไง ?”
“หมายความว่าไงนะเหรอ เดี๋ยวก็รู้ ”วารุณียกยิ้มให้ ไม่ได้ตอบอะไร แล้วหันมองไปยังเวที
ประธานวรวีที่อยู่บนเวทีก็ได้พูดสรุปจบลง แล้วเก็บเอกสารในมือ
และในระหว่างที่ทุกคนต่างก็คิดว่าเขาจะประกาศจบการแข่งขันในรอบนี้ จู่ๆเขาก็ยกไมโครโฟนขึ้นแล้วพูดว่า “ทุกท่าน มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องเปลี่ยนอย่างกะทันหัน ตอนนี้จะแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบว่า เวลาการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของเรา เดิมทีคือบ่ายสองโมงของวันพรุ่งนี้ แต่ทางสมาคมได้ตัดสินใจเลื่อนการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ให้เป็นวันนี้และตอนนี้แทน”
“อะไรนะ?”สีหน้าของพิชญาเปลี่ยนไปทันที
วารุณีทำท่าแบมือออก “เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้”
“เธอรู้ได้ยังไงว่าการแข่งขันในรอบชิงจะเลื่อนเวลา?” พิชญาหรี่ตาลงแล้วเอ่ยถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...