ตอนที่ 133 พูดเรื่องผิดถูกก่อน
หลิงหลงฮูหยินไม่เข้าไปมีส่วนพัวพันนานเกินไปนัก เมื่อได้ยินคำพูดดังขยายออกมาจากนางในที่ติดตามตัวเอง ดวงตาของนางก็ยิ่งเปล่งประกายความปิติยินดีออกมา ดี หลี่ซื่อ ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน เจ้าเพียงแค่ออกมาก็พอแล้ว
นางจึงสั่งนางในออกไป จากนั้นก็เดินมายังข้างกายของนายหญิงแก่ “เสด็จแม่ เกิดเรื่องขึ้นในห้องเครื่องแล้วเพคะ” ในขณะที่พูด ก็ได้กระซิบข้างหูของนางเบาๆว่า “เมื่อสักครู่ซู่หยู้ได้มีรับสั่งให้ หยางมามาประคองหลี่ซ่วยหยุ่นเดินออกไปด้านสวนดอกไม้ด้านหลังเพคะ”
นายหญิงแก่จึงได้พูดขึ้นด้วยความไม่สบายใจว่า : “เรื่องเล็กแค่นี้ยังต้องมาถามข้าหรือ? ให้ห้องเครื่องจัดการกันเอง ทำตามกำหนดการบอกอย่างไรก็ทำอย่างนั้น เจ้าไปดูสักหน่อย ไปดูเตาไฟสักหน่อย วันนี้แขกเยอะ อาหารการกินจะช้าไม่ได้เชียว”
ประโยคนี้มีความหมายนัยอยู่สองความหมาย มีเพียงหลิงหลงฮูหยินเท่านั้นที่เข้าใจ ชุยไท่เฟยและนายแก่หญิงเฉินยังคิดว่าเป็นเรื่องห้องเครื่องอยู่ด้วยซ้ำ
หลิงหลงฮูหยินพูดขึ้น “เพคะ งั้นไม่รบกวนบทสนทนาของดของเสด็จแม่ ไท่เฟย และนายหญิงแก่เฉินแล้วเพคะ”
จากนัันก็โค้งคำนับถอยร่นไป
นายหญิงแก่มองไปทางแผ่นหลังของหลิงหลงฮูหยิน จากนั้นก็ทอดถอนใจออกมาเบาๆ “หลีซื่อไร้ความสามารถ หากไม่ใช่เพราะหลิงหลงเป็นเจ้าภาพให้ละก็ ข้าก็คงไม่สามารถจัดงานฉลองวันเกิดได้”
ชุยไท่เฟยจึงอดที่จะถามขึ้นไม่ได้ว่า “ทำไมหลีซื่อถึงยังไม่ออกมาสักทีละ? วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของเจ้า ในฐานะที่เป็นแม่ใหญ่ของตำหนัก ก็น่าจะออกมาทักทายแขกผู้มีเกียรติบ้าง หลายปีมานี้ ไม่ได้เจอนางเลย”
ไท่เฟยเป็นคนที่ไม่เข้าใจเรื่องราว นางเป็นพระมารดาขององค์ชายหลิวหุ้ย นางยังคอยปรนนิบัติรับใช้จักรพรรดิองค์ก่อนตั้งแต่ที่จักรพรรดิเป็นรัชทายาท ขนาดอายุ 40 พรรษากลับยังตั้งครรภ์จนกระทั้งประสูติอ๋องฮุ้ยออกมา ดังนั้น พระชนมายุของนางจึงมากกว่าฮองไทเฮา
หลังจากที่แต่งตั้งเป็นอ๋องฮุ้ยแล้ว นางก็ย้ายออกจากวังเพื่อมาอยู่กับบุตรชายของตัวเอง แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่เล่นสนุกกับหลานอย่างมีความสุขในทุกวัน บางครั้งก็จับกลุ่มสนทนากับเสด็จยาย เป็นวันเวลาที่ช่างอิสระและสบายใจเสียนี่กะไร
แม้แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนเฉิงเสี้ยงในเร็วๆนี้ นางก็แทบจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำ อ๋องฮุ้ยเองก็ไม่อนุญาตให้นำหัวข้อเหล่านี้มาพูดกับนาง รบกวนความสงบของนาง
นายหญิงแก่ปรารถนาอย่างยิ่งยวดที่จะให้ชุยไท่เฟยถามถึงหลี่ซื่อ นางจึงได้แสร้งทำเป็นกลัดกลุ้มใจแล้วพูดว่า “หลังจากที่หลิงหลงเข้ามา นางก็ปรากฏตัวออกมาน้อยมาก ต่อให้เป็นหญิงงามที่มีความสามารถเป็นเยี่ยม แต่สุดท้ายกลับเป็นคนที่เย่อหยิ่งอวดดี นางดูถูกหลิงหลง หลังจากที่หลิงหลงให้กำเนิดฝาแฝดแก่ตระกูลเสี้ย แม้แต่พระสวามีก็ล้วนแล้วไม่สนใจทั้งสิ้น เอาแต่ไปยังลานเสี้ยจื้อโดยที่ไม่รู้ว่ามาทำอะไรในทุกวัน บางครั้งก็ถูกเรียกให้ไปพบคนภายนอกเพื่อแต่งกลอนวาดรูป มีเพียงแต่ข้าที่เห็น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นครอบครัวที่ถูกทำนองคลองธรรมอะไรเช่นนั้นหรอก ไอหยา คำพูดนี้มีเพียงไท่เฟยและพระสวามีเขาพูดกันเท่านั้น ไปพูดกับคนข้างกายก็ไร้ประโยชน์ น่าอับอายเสียยิ่งกว่าสิ่งไหน! ”
นายหญิงแก่ทอดถอนหายใจพร้อมกับแสดงสีหน้าเศร้าเสียใจออกมา ทำให้ชุยไท่เฟยเห็นใจไม่น้อย ยิ่งทำให้ไม่พอใจหลี่ซื่อมากทีเดียว
“หากเปลี่ยนเป็นพระชายาอ๋องฮุ้ยแล้วทำนิสัยเช่นนี้ อายเจียก็คงจะให้นางเลิกราไปเสียตั้งนานแล้ว ต้องขอประทานอภัยด้วยที่ทำให้เจ้าต้องอดทนอดกลั้นความขุ่นเคืองถึงเพียงนี้” ชุยไท่เฟยพูดออกมาด้วยความโกรธเคือง
“ข้าเองก็แก่มากแล้ว คงจะมาสนใจเรื่องราวมากมายไม่ไหวหรอก ต้องโทษข้าที่ข้านั้นโง่เขลา วันนั้นข้าเองก็หลงใหลในชื่อเสียงเรียงนามของนาง ใครจะไปรู้ละว่านางจะเป็นคนเช่นนี้? หลายปีมานี้ไม่เคยแม้แต่จะปรนนิบัติรับใช้ข้าแม้แต่สักเสี้ยวเดียว เป็นลูกสะใภ้ที่มีความกตัญญูก็คงจะเรียกไม่ได้ ช่างเถอะ ไอหยา พูดแล้วก็ยิ่งรู้สึกอายปาก นางไม่ยินยอมร่วมหลับนอนกับพระสวามี หากเรื่องนี้ถูกป่าวประกาศออกไป คงจะอายตายเลยที่เดียวเชียว ”
นายหญิงแก่หยุดพูดอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ ยิ่งทำให้เพิ่มระดับความเชื่อถือไม่น้อย
“ไม่ได้การละ?” ชุยไท่เฟยบันดาลโทสะขึ้นมาในทันใด “เจ้าไปเรียกนางออกมา อายเจียอยากจะพูดกับนางสักสองสามคำ”
นายหญิงแก่โบกมือไปมา “วันนี้คงจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก วันข้างหน้าเถอะ วันข้างหน้าหากไท่เฟยให้เกียรติมา ข้าจะเป็นคนสั่งสอนนางเอง ณ เบื้องหน้าของคนข้างกาย ข้าไม่กล้าพูดแม้แต่สิ่งใด มีเพียงพวกท่านที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขเพียงสองท่านเท่านั้น”
“เซียวโธ่ยังไม่มีข่าวสารจากทางนั้นบางหรือ?” ชุยไท่เฟยถามขึ้น
นายหญิงแก่เฉินส่ายหน้า “คุณชายผู้นั้นจะไปชอบเฉินหลิ่วหลิ่วได้อย่างไร?”
“หลิ่วหลิ่วเพียงแค่ช่างหยาบคายไปหน่อย อย่างอื่นดีหมด!” ชุยไท่เฟยพูดปลอบโยน
นายหญิงแก่เฉินชำเลืองมองไปทางนาง “ท่านไม่จำเป็นต้องมาปลอบโยนข้าหรอก ตั้งแต่นางอายุ 15 ปีเป็นต้นมา ข้าก็เลือกสามีให้แก่นางมาโดยตลอด บุรุษผู้มีความสามารถในหลายปีมานี้มีไม่ถึง 10 คนในจำนวน 100 คน ใครจะมาถูกคอชอบใจนางละ?”
เมื่อหัวข้อสนทนาของนายหญิงแก่ถูกติฉันท์อย่างไม่เป็นธรรม เมื่อเห็นว่าหลี่ซื่อยังไม่ปรากฏตัวออกมาจึงได้ถามต่อไป สาธยายแบบขอไปที “หลานสาวของเจ้าก็เติบโตมาสวยสะพรั่ง เป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง เพียงแต่โชคชะตายังมาไม่ถึงก็เท่านั้น นายหญิงแก่เฉินอย่างทรงร้อนใจไปนักเลย”
เมื่อผ่านไปสักพัก นางก็มองไปทางเสี้ยหลีโม่ จากนั้นก็นำหัวข้อพูดออกไป “ข้าเป็นกังวล เจ้าดูหลีโม่ของเราสิ เรื่องแรกเรื่องการถอนหมั้นกับอ๋องเหลียง จนเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขึ้น ฮองเฮาเหนียงเหนียงล้วนต่างถูกล่วงเกิน มารดาอย่างหลี่ซื่อผู้นี้ก็ไม่คิดไตร่ตรองเพื่อนาง เรื่องที่สองก็เท้าทั้งสองข้างของข้า ไม่รู้จะใครคิดด้วยไหมว่าเป็นแผนการของนาง”
“เรื่องถอนหมั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ชุยไท่เฟยได้ยินเพียงแค่เรื่องการถอนหมั้น แต่กลับไม่รู้ว่าเหตุผลที่ชัดเจน และก็ยิ่งไม่รู้ด้วยเพราะถอนหมั้นจึงได้ดึงดูดเรื่องราวมากมายเข้ามาเกี่ยวพัน
นายหญิงแก่ทอดถอนใจออกมา “เดิมทีตั้งใจจะยกเสี้ยโล่เยว่ให้แก่อ๋องเหลียง ใครจะไปรู้ว่าหลี่ซื่อจะโวยวายว่าเป็นต้องเป็นหลีโม่ที่เป็นคุณหนูใหญ่ การออกเรือนก็ต้องให้หลีโม่เป็นผู้ออกเรือนก่อน อีกทั้งหลีโม่ก็เคยพบเจอกับอ๋องเหลียงแล้วรู้สึกชื่นชอบมากด้วย เมื่อโวยวายอยู่นมนานพ่อของนางก็เดินเข้าไปพูดกับอ๋องเหลียงว่าจะยกหลีโม่ให้แก่อ๋องเหลียง มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เรื่องนี้ต้องดำเนินการอยู่พักใหญ่ว่าจะเรียบร้อยลง อ๋องเหลียงก็ตอบตกลงที่จะอภิเษกสมรสกับนางแล้ว แต่ผลสุดท้ายเมื่อเห็นว่าเสี้ยโล่เยว่ต้องใจกับองค์รัชทายาทจริงๆ หลีโม่จึงไม่ยอม เลยคิดอยากจะออกเรือนกับองค์รัชทายาทด้วย นี่คือเหตุผลของการถอนหมั้น”
ชุยไท่เฟยก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ จึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ก่อเรื่องวุ่นวายเสียจริงๆ จะให้ใครออกเรือนก็ต้องขึ้นอยู่กับนางหรือ? นางคิดว่านางเป็นใคร? เป็นคุณหนูก็ไม่ได้สูงส่งอะไรด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...