พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 197

ตอนที่ 197 กลับบ้านครั้งแรกหลังแต่งงานแล้ว3วัน

เป็นดั่งที่หลีโม่คิดไว้ วันนี้เหลียงซื่อกลับไปยังจวนโก๋กง

เมื่อนางกลับไปถึงจวน ก็ไม่แสดงสีหน้า รอคอยซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยกลับบ้านวันแรกหลังจากแต่งงาน

นางรู้ดีว่า คนในจวนรวมทั้งเหล่าโก๋กงล้วนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นดี ก็เลยไม่มีใครไปถามไถ่นาง แม้กระทั่งสามีของนางเอง

ทุกคนคิดว่า นางควรจะเสียสละเพื่อจวนโก๋กง ไม่มีใครสนใจความโกรธแค้นของนาง

และก็ไม่มีใครโกรธแค้นแทนนาง

เพราะว่าหลายปีมานี้ ทุกคนเคยชินกับสิ่งที่นางทำเพื่อจวนโก๋กง ถึงขนาดที่ว่า ถ้านางเสียสละชีวิต ถ้ามันมีผลดีต่อจวนโก๋กง นางก็จะสามารถเอาเชือกไปผูกคอตนเองให้ตายโดยไม่ลังเล

บางที ก็ควรทำให้ทุกคนรู้ว่า เหลียงซื่อไม่ใช่เครื่องมือหรือสิ่งของของจวนโก๋กง

ถ้าเหลียงซื่อไม่มีจวนโก๋กง ชีวิตนางก็ยังคงราบลื่น แต่ว่า ถ้าจวนโก๋กงไม่มีเหลียงซื่อแล้วละก็ ก็คงพูดยาก

การกลับบ้านครั้งแรกหลังจากแต่งงานของเจ้าสาวนี้ เดิมทีจะเริ่มขึ้นแต่เช้า แต่ว่า มีอ๋องหลี่ชินมาประกาศพระราชโองการ ก็เลยกินเวลาไป เสี้ยเฉิงเสี้ยงก็เลยสั่งไปบอกกับทางจวนโก๋กงว่าอาจจะเป็นเวลากลางวันถึงจะเดินทางมาถึงจวน

จิ้นโก๋กงก็สั่งการให้คนไปจัดแจงอาหารกลางวัน วันนี้ ลูกเขยคนใหม่จะมาที่จวน ทั้งยังเป็นเฉิงเสี้ยงของราชสำนักนี้อีกด้วย จิ้นโก๋กงก็เลยเชิญญาติสนิทมิตรสหายมาและผู้อาวุโสของตระกูลมามากมาย

ตระกูลจิ้นโก๋กงมีเส้นสายหยั่งลึกแห่งแคว้นต้าโจนี้

มีเส้นสายเยอะ แต่คนที่ได้เรื่องนั้นมีไม่กี่คน ส่วนอาวุโสในตระกูลที่เชิญมาวันนี้ ก็เป็นขุนนางเก่าแก่ของราชสำนัก เพียงแต่เกษียณออกมาแล้ว

หนึ่งในนั้นมีหนึ่งคน เคยเป็นพระราชครูของฮ่องเต้องค์ก่อน ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาท มีคนนี้คอยเป็นอาจารย์สอน พระราชครูคนนี้ เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในตระกูล

เขาเคารพลัทธิขงจื้อ เชื่อในการเคารพกันและความกตัญญู สอนให้ฮ่องเต้องค์ก่อนปกบ้านครองเมือง และที่บังเอิญก็คือ อ๋องหลี่ชินเป็นศิษย์คนสุดท้ายของเขาด้วย พูดได้ว่าความคิดเก่าแก่โบราณๆของอ๋องหลี่ชิน ก็ได้ผลสืบทอดมาจากอาจารย์คนนี้

วันนี้นายหญิงแก่ก็ถูกเชิญมาด้วย เดิมทีจะเชิญมาเพื่อเสริมบารมีของจวนจิ้นโก๋กง แต่ว่า ใครจะรู้ ชีวิตคนเรามักจะมีอะไรที่คาดไม่ถึงเสมอ

จิ้นโก๋กงเพื่อจะให้งานของตนนั้นยิ่งใหญ่ ก็เลยเชิญคนทั้งจวนเฉิงเสี้ยงมาทานข้าวที่จวนตนเอง ประเพณีนี้มีมานานแล้ว เรียกว่า “งานเชิญลูกเขย” หมายความว่า บ้านฝ่ายเจ้าสาวในวันแต่งงานไม่มีโอกาสได้เชิญบ้านฝ่ายลูกเขยทานข้าว ดังนั้นพอถึงเวลาที่เจ้าสาวกลับมาเยี่ยมบ้านก็เลยเชิญถือโอกาสเชิญชวน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของสองตระกูล

เดิมทีหลีโม่ไม่อยากไป แต่ว่าวันนี้เหลียงซื่อส่งบัตรเชิญมาแต่เช้า หวังว่านางจะเข้าร่วม

หลีโม่ก็เดาได้ว่า เรื่องของฝ่ายภรรยาน้อยที่เกิดเรื่องขึ้น เหลียงซื่อคงไม่วางมือง่ายๆ ดังนั้นนางก็เลยให้สัญญาณเตือนแก่ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย ให้นางเตรียมรับมือ

จะดูการสู้กัน ต้องให้ทั้งสองฝ่ายเตรียมพร้อมถึงจะสนุก

สองสามวันมานี้เสี้ยโล่เยว่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีความสุข ตั้งแต่กลับจากงานแต่งวันนั้น ก็ไม่ค่อยจะมีบทบาทเท่าไร เสี้ยเฉิงเสี้ยนึกว่าวันนี้นางจะไม่ไปด้วย แต่นางกลับกระตือรือร้นมาก ตอนหลังจากที่หลี่ซื่อรับราชโองการแล้ว นางก็แต่งตัวมานั่งรอที่วิหารเซียวเซียงแล้ว

นางปฏิบัติกับซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยอย่างสนิทสนม ท่านแม่อยู่โน้นท่านแม่อย่างนี้

ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยเพิ่งจะแต่งเข้ามา ก็ต้องหาพวกในจวนเฉิงเสี้ยงเป็นธรรมดา ดังนั้นความรักฉันท์แม่ลูกคู่นี้ ถึงจุดที่น่าขยะแขยงมาก

ไม่ว่าจะเรื่องกุ้ยหยวนหรือเรื่องไฟไหม้ห้อง ล้วนเป็นแผนของซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย เรื่องสองเรื่องนี้ล้วนเละเทะไปหมด ทำให้จวนเฉิงเสี้ยงเสียภาพลักษณ์ไปไม่น้อย

ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยยิ้มเล็กๆ “วางใจเถอะ ไม่ได้จะคิดทำอะไรนาง เพียงแค่อยากให้คนในตระกูลข้าได้เห็นถึงความโอหังของหลีโม่ ”

“หือ? มันจะมีความหมายอะไร? ” เสี้ยเฉิงเสี้ยงเริ่มรู้สึกผิดที่พูดถึงเรื่องนี้ออกไป เพราะเขามีวิธีที่จะรับมือกับหลีโม่ไว้อยู่แล้ว เมื่อครู่ที่บอกอยากสั่งสอนนางนั้นเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ

ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยกล่าว “ตั้งแต่ที่หลีโม่ทำลายงานแต่งครั้งนั้นมา เชื่อเสียงของนางก็ไม่ดี ในเมืองหลวงแทบจะไม่มีใครพูดว่านางดี แต่ว่า ภายในไม่กี่เดือนมานี้ นางเปลี่ยนจากผู้หญิงที่ยโสโอหังไม่เคารพผู้ใหญ่กลายเป็นคนน่าสงสาร เป็นคนน่าสงสารที่ถูกจวนเฉิงเสี้ยงรังแก วันที่ไฟไหม้ห้อง ข้าได้ยินชุ่ยยุ่นกูกูบอกว่า คนเห็นนางปลอดภัยก็สบายใจ แสดงว่านางเริ่มได้ใจคนกลับมาแล้ว”

“จุดนี้ไม่ต้องให้เจ้าพูด ข้าก็รู้ดี ” เสี้ยเฉิงเสี้ยงพูดเสียงแข็ง ถึงแม้จะไม่ยอมรับ แต่ก็เป็นเรื่องจริง ตอนนี้ชื่อเสียงของเสี้ยเฉิงเสี้ยงนั้นเหม็นเสียยิ่งกว่าบ่อุจจาระเสียอีก แต่ เสี้ยหลีโม่และหลี่ซื่อกลับดีขึ้นมาแทน ขนาดชุยไท่เฟยและเฉินไท่จุนก็ยังช่วยเหลือนาง

ทำให้เฉิงเสี้ยงรู้อึดอัดรับไม่ได้

“เช่นนั้นนายท่านรู้ไหมว่าการกลับบ้านเจ้าสาวครั้งนี้ มีใครในงานบ้าง?” ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยยิ้มอย่างร้ายกาจ

“มีใครรึ?” เสี้ยเฉิงเสี้ยงถาม

“ไท่ป่าว ใต้เท้าซีเหมิน” ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยพูดเบาๆ คิ้วตานี่เป็นประกายของความได้ใจ ตอนนี้ คนที่จิ้นโก๋กงจะใช้ออกหน้าได้ก็มี ซีเหมินไท่ป่าวคนนี้แหละ

“อะไรนะ? ซีเหมินไท่ป่าวก็ไปหรือ? ” เฉิงเสี้ยงประหลาดใจมาก ต้องรู้ว่า ท่านหนอนหนังสือผู้นี้ ไม่ได้มาออกงานนานมากแล้ว ถ้าจะพูดถึงคนที่มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงก็มีแต่เขาและขุนนางหลี่

ขุนนางหลี่เกษียณกลับบ้านเกิดไปแล้ว เส้นสายในเมืองหลวงเริ่มหายไป แต่ ซีเหมินไท่ป่าวเคยเป็นอาจารย์ของฮ่องเต้ ก่อนเกษียณมีตำแหน่งและอำนาจมาก ปั้นขุนนางมามากมาย และเป็นคนที่มีชื่อเสียงดังกระฉ่อนมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม