ตอนที่ 258 เผาหมู่บ้าน
เฉิงเสี้ยงเสี้ยมองใบหน้าบอบช้ำของนาง ถึงจะเบื่อหน่าย กลับเชื่อในคำพูดของนางทั้งหมด
หรือ หูฮวนซีจะทำร้ายร่างกายนางจริงๆ ? แต่ฟังจากหลักฐานตามคำให้การของชาวบ้านที่สิงปู้กับสถานีจิงเจ้าหยิ่นส่งมา เรื่องนี้มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ไม่มีหลักฐานที่หูฮวนซีอยู่ในเหตุการณ์
ยังมีอีกจุดหนึ่ง เหตุใดหูฮวนซีต้องทำอย่างนี้?นอกจาก นางอยากเป็นพระชายา เพราะฉะนั้นนางเลยทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายงานแต่งของโล่เยว่
คิดมาถึงตรงนี้ เขาจึงพูดขึ้นว่า “เจ้าเล่าลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบให้ข้าฟังหน่อย ห้ามปิดบังหมกเม็ด ไม่อย่างนั้น พ่อก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”
เสี้ยโล่เยว่รีบหยุดร้องไห้ เล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ที่นางใช้จังหวะที่รัชทายาทเดินกลับเข้าทำร้ายและด่าทอหูฮวนซี รวมถึงหลังจากที่เดินออกมาก็ถูกหูฮวนซีดักทำร้าย อย่างรุนแรง พูดทั้งหมดออกมาไม่มีตกหล่น ครั้งนี้นางไม่ปกปิดอะไรแม้แต่นิดเดียว
เฉิงเสี้ยงเสี้ยฟังจนจบ ก็รู้สึกว่าเหมือนมีเงือนงำอะไรบางอย่าง หูฮวนซีคนนี้ตั้งใจสร้างสถานการณ์
หากจับจุดอ่อนของหูฮวนซีได้ เรื่องนี้ก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
คิดถึงตรงนี้ เขาก็สั่งเสี้ยโล่เยว่ “เจ้าที่นางอย่างสงบ ห้ามสร้างเรื่องสร้างราวอีกเป็นอันขาด ถ้าขืนยังสร้างปัญหาอีก ตำแหน่งพระชายาของเจ้าก็จะไม่มีหวังอีก”
“ท่านพ่อต้องช่วยลูกออกไปให้ได้นะเจ้าคะ ลุกไม่อยากอยู่ที่นี่”เสี้ยโล่เยว่พูดอย่างอ้อนวอน
เสี้ยฉิงเซียงแทบอยากเข้าไปตบนาง จึงพูดอย่างใจเย็น“ข้าสั่งเจ้าแล้วใช่ไหม ว่าให้เจ้าคิดการทุกอย่างให้รอบคอบ โดยเฉพาะระหว่างนี้ เจ้าก็ไม่ฟัง ยังจะไปยั่วโมโหหูฮวนซีอีก เจ้าคิดว่าตระกูลหูกินข้าวแห้งรึไง?”
“ตระกูลหูแค่คนค้าขาย พวกมันจะทำอะไรได้?”เสี้ยโล่เยว่พูดอย่างไม่พอใจ ยังคงดูถูกตระกูลหูอยู่
“หากตระกูลหูไม่มีความสามารถแม้แต่น้อย ทำไมรัชทายาทต้องตีสนิทกับหูฮวนซีล่ะ?ใช้สมองของเจ้าคิดดูดีๆ ”
เฉิงเสี้ยงเสี้ยไม่อยากพูดกับนางให้มากความ จึงหันหลังเดินออกไป
หูฮวนซียุ่งวุ่นวายเข้ามาอย่างนี้ อย่างน้อยก็สามารถรั้งเวลาให้หลีโม่ได้สองสามวัน
นางไม่ออกไปไหน ตั้งใจค้นคว้าโรคผีดิบ
อาการของหวางหยูดีขึ้นมาบ้างแล้ว หลีโม่ยังคงลองใช้เข็มบิน หวังว่าจะกระตุ้นร่างกายของเขาให้รักษาตัวเอง
องครักษ์กับพี่หวางมีการแสดงอาการแล้ว โดยเฉพาะพี่หวาง ตาแดงอย่างรุนแรง เอาแต่จ้องคนอื่น เหมือนอยากเข้าไปกัด
ดวงตาขององครักษ์ก็เริ่มแดง แต่ยังสามารถควบคุมตัวเองได้อยู่ รายงานอาการของตัวเองวันละสามครั้งให้หลีโม่ พูดได้อย่างฉะฉาน
ที่หลีโม่ยังไม่เข้าใจคือจื่นเฉิง
เขาไม่มีอาการของโรคผีดิบเลยแม้แต่น้อย ตาก็ไม่แดง ชีพจรก็ปกติ หัวใจเต็มปกติ ความคิดความอ่านก็ปกติ อีกทั้งบาดแผลที่ถูกกัดก็หายเกือบหมด
กลับกันบาดแผลของพี่หวางกับองครักษ์ เน่าเฟะลงเรื่อยๆ ใช้ยารักษาก็ไม่สามารถยับยั้งการลุกลามของแผลได้
หลีโม่ก็ได้ใช้เข็มบินกับทั้งสอง ตอนนี้ยังไม่สามารถเห็นผลอะไรได้
เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของเข้มบิน หลีโม่เคยใช้ร่างกายของเตาเหล่าต้าทดลองมาครั้งหนึ่ง
“โดนเข็มแล้ว มีปฏิกิริยาอะไรบ้างบอกข้ามาให้หมดเลยนะ เข้าใจไหม?”หลีโม่พูดสั่ง
เตาเหล่าต้านั่งอยู่ที่เก็าอี้ไม่กล้าขยับไปไหนทั้งสิ้น “ทราบแล้วขอรับ”
ใช้เข็มปักไปที่ท้ายทอย ก็ยังคงไม่สามารถปักต่อไปได้อีกแล้ว
ทำอย่างนี้ ผ่านไปอีกสองวัน ห้าวันมานี้เหมือนยิงปืนนัดหนึ่งก็ไม่ปาน เวลาที่หลีโม่เปิดประตูห้อง พูดกับเย้นเอ๋อร์หนึ่งประโยค “หลังจากนี้ข้าจะต้องไปขอบคุณคุณหนูใหญ่ตระกูลหูแล้วล่ะ”
หากไม่หูฮวนซีคอยถ่วงเวลาหลายวันมานี้ให้ นางไม่สามารถรู้อะไรบางอย่างได้เลย จริงๆ
เย้นเอ๋อร์กลับมองดูหลีโม่ด้วยความเป็นห่วง “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ หลายวันนี้ท่านไม่ได้ออกไปไหนเลย ท่านไม่รู้ว่าคนข้างนอกพูดถึงท่านกันอย่างไร ชาวบ้านต่างพูดกันว่าท่านสามารถรักษาโรคผีดิบได้ แต่ท่านอ๋องไม่ให้ท่านไป มีคนสงสัยว่าท่านอ๋องมีเจตนาไม่ดีแอบแฝง”
หลีโม่พูดอย่างเรียบๆ “อือ ถึงข้าไม่ได้ออกไป แต่ได้ยินที่พวกเจ้าแอบคุยกัน อย่างน้อยก็รู้มาบ้าง ”
วันนี้เฉินหลิ่วหลิ่วก็มา พูดอย่างกังวล “ท่านย่าบอกว่า วันนี้ในราชสำนักจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น”
หลีโม่โล่งใจ มองดูสีของท้องฟ้าของนอก “ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้วหรอ?ถึงได้สะสมมานานขนาดนี้”
“เสี้ยโล่เยว่ถูกคุมขัง เฉิงเสี้ยงเสี้ยก็วิ่งเดินเรื่องอยู่หลายวัน วิ่งโดยเปล่าประโยชน์ ถึงเขาจะสงสัยว่าหุฮวนซีเป็นคนวางแผน แต่ไม่สามารถหาหลักฐานได้ หูฮวนซีคนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็จัดการอย่างรอบคอบ ชาวบ้านให้ปากคำเหมือนกันหมด เป็นคนเก่งยอดฝีมือจริงๆ ”
หลีโม่ยิ้มเย็นพลางพูดขึ้นว่า “ให้เขาวิ่งไปเถอะ อีกหน่อยเขาก็จะรู้เองว่าที่ทำไปทั้งหมดมันเปล่าประโยชน์”
เช้าตรู่ ณ จินหลวนเตี้ยน
เช้าตรู่ของวันนี้ มีคนเพิ่มมาอีกคน คนๆ นี้ก็คือไทฮองไทเฮา กุ้ยไท่เฟยเข้าวังมาเมื่อวาน เชิญนางมาร่วมด้วย มาฟังพวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่พูดกันเรื่องโรคผีดิบ
วันนี้พึ่งเข้ามาในราชสำนัก จิ้นโก๋กงก็รีบก้าวออกไปข้างหน้า “ไทเฮา ท่านอ๋อง ทุกวันนี้โรคผีดิบยิ่งอยู่ยิ่งหนักขึ้น มาถึงขั้นยกที่จะแก้ไขกันแล้ว กระหม่อมขอเสนอให้เผาหมู่บ้านซะพ่ะย่ะค่ะ มีแค่ทางทางเดียว จะสามารถยับยั้งการระบาดของโรคนี้ได้ ”
ซือถูเย้นยังไม่ได้พูดอะไร ใต้เท้าหลิ้งซุยซ่างซูพูดขึ้น “กระหม่อมว่าไม่สมนะพ่ะย่ะค่ะ ผู้คนในหมู่บ้านสือโถวไม่ได้ติดโรคนี้ทั้งหมด ชาวบ้านส่วนมากก็ยังปลอดภัยกันดี โรคระบาดนี้ก็ยังไม่ได้หนักถึงขั้นวิกฤติ ยังอยู่ในสภาวะที่สามารถควบคุมได้ หากมีราชโองการเผาหมู่บ้าน จะทำให้ราษฎรพากันโกรธ อีกทั้ง โรถผีดิบไม่ได้ระบาดที่หมู่บ้านนี้ที่เดียว ในกองทัพก็มีการระบาด กลางเมืองหลวงทางด้านถนนซีเป่ยก็มี หากเผาหมู่บ้าน ก็ต้องจัดการให้เท่าเทียมกัน เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”
จิ้นโก๋กงพูดอย่างเย้ยหยัน “ใต้เท้าชุยท่านดูพูดได้อย่างง่ายดายนะ เป็นไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ?ถ้าอย่างนั้นใต้เท้าชุยมีวิธีอะไรอย่างนั้นหรือ?ท่านรู้ไหมว่าเมืองหลวงใช้เวลาเพียงสั้นๆ สิบวัน คนน้อยไปมากเท่าไหร่?ตั้งแต่วันที่โรคผีดิบระบาด ในระยะเวลาไม่ถึงสิบวัน มีคนจำนวนกว่าสามหมื่นคนออกจากเมืองหลวงไป ผู้คนต่างหวาดกลัวโรคผีดิบ เมืองหลวงเป็นที่พำนักของฮ่องเต้ หากเมืองอื่นรู้ว่าที่พำนักของฮ่องเต้มีการระบาดของโรค ผลลัพธ์น่ากลัวกว่าการเผ่าหมู่บ้านมากนะท่าน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...